‘Alice in Borderland ซีซัน 3’ เขตแดนชีวิต ความตาย และความหมายของการมีอยู่

‘Alice in Borderland ซีซัน 3’ เขตแดนชีวิต ความตาย และความหมายของการมีอยู่

Alice in Borderland ซีซันล่าสุด ไม่ได้เป็นเพียงซีรีส์เกมเอาตัวรอด แต่คือการตั้งคำถามถึงความหมายของการมีชีวิตอยู่ เขตแดนระหว่างชีวิตและความตายถูกเล่าในเชิงสัญลักษณ์ ผ่านเกม ไพ่ และตัวละครที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้ายของมนุษย์เอง

KEY

POINTS

ประเด็นเกี่ยวกับการมีชีวิต(รอด) และความตาย ถูกหยิบยกขึ้นเป็นประเด็นหลักใน ‘Alice in Borderland’ ซีซันล่าสุดนี้ อย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะกับตัวละครอย่าง ‘อุซางิ’ (รับบทโดย ‘ทาโอะ ทสึจิยะ’) สาวนักปีนเขาผู้มีแผลใจจากการตายของพ่อ และตัวละครใหม่อย่าง ‘ริวจิ’ (รับบทโดย ‘เคนโตะ คาคุ’) นักวิจัยที่หมกมุ่นอยู่กับโลกหลังความตายตลอดเวลา ผู้ชักพาให้อุซางิก้าวเข้าไปสู่เขตแดนมรณะอีกครั้ง

ชีวิตและความตาย ถูกกล่าวถึงและสรุปอยู่ในบทสนทนาท้ายเรื่อง ระหว่าง ‘อะริสุ’ (เคนโตะ ยามาซากิ) พระเอกของเรื่อง กับชายปริศนาที่เชื่อกันว่าเป็นเจ้าของเกมหฤโหดทั้งหมดอย่าง ‘Joker’ เขาชี้ชวนให้อะริสุดูสายน้ำเชี่ยวกรากที่เต็มไปด้วยเศษข้าวของที่ปะทะเข้ากับซากปรักหักพังทั้งหลาย เปรียบดั่งสายธารแห่งชีวิตมนุษย์ที่แสนวุ่นวายและโกลาหล ในขณะที่อีกฟากของฝั่งคือหลุมน้ำวนขนาดใหญ่ที่กำลังดูดกลืนสรรพสิ่งทั้งหมดทั้งมวลให้จมหายไปในความมืดมนอนธการราวกับหลุมดำ กระแสน้ำเชี่ยวกำลังไหลตรงไปยังน้ำวนนั้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ประหนึ่งชีวิตของมนุษย์อันแสนวุ่นวายที่ปลายทางสุดท้ายก็ต้องมาบรรจบอยู่ที่หลุมน้ำวนเดียวกันนี้ทั้งหมด

‘Alice in Borderland ซีซัน 3’ เขตแดนชีวิต ความตาย และความหมายของการมีอยู่

เพื่อเตือนใจว่า แม้อะริสุจะเคลียร์เกมได้ครบทุกเกมในดินแดนที่เป็นเส้นแบ่งกลางระหว่างความเป็นความตายนี้ได้ก็ตาม แม้เขาจะมีสิทธิจะเลือกกลับไปใช้ชีวิตยังมิติโลกอันปกติที่เขาจากมาก็ตาม ท้ายที่สุดเมื่อถึงเวลา เขาก็ไม่อาจหนีความตายพ้นอยู่ดี 

Alice in Borderland หรือในชื่อภาษาไทยว่า ‘อลิซในดินแดนมรณะ’ เป็นออริจินัลซีรีส์ของ Netflix จากประเทศญี่ปุ่น ที่ดัดแปลงมาจากมังงะในชื่อเดียวกันนี้ เล่าเรื่องราวของคนกลุ่มหนึ่งที่หลุดเข้าไปสู่โลกแห่งการเล่นเกม เกมที่แบ่งประเภทและความยากง่ายตามหน้าไพ่(ป๊อก) เกมที่เดิมพันด้วยชีวิต เมื่อการแพ้หมายถึงไม่มีโอกาสได้เริ่มเกมใหม่ หากแต่เป็นการตายจากไปอย่างถาวร ซีรีส์ถูกสร้างมาแล้วสองภาค และที่จริงก็เรียกว่าจบได้อย่างสมบูรณ์แล้วในซีซั่นก่อน แต่ผู้สร้างยังเหลือไพ่ใบสุดท้ายที่คิดว่าสามารถขยายขอบเขตการเล่าเรื่องออกไปได้อีก อย่างไพ่ Joker ไพ่แถมที่ไม่มีความหมายหรือประโยชน์อันใดเลยในสำรับ หากแต่เปี่ยมความหมายมากนักในซีรีส์ภาคนี้

Joker ฉบับมังงะ คือผู้ทำหน้าที่นำทางผู้คนข้ามจากโลกคนเป็นเข้าสู่เขตแดนมรณะ แถมโผล่มาในตอนท้าย โดยที่ไม่ได้มีบทบาทอะไรต่อการเล่นเกมเลย แต่ใน Alice in Borderlan ซีซัน 3 ไพ่ใบสุดท้ายนี้กลับได้รับความโดดเด่น เพราะว่าเกมทุกเกมที่กลับมาเล่นใหม่นี้ล้วนแต่เป็นเกมของ Joker ทั้งสิ้น (จากเดิมที่มีโควต้าแค่ไพ่หนึ่งใบต่อเกมหนึ่งเกมเท่านั้น) ตัวละคร Joker ถูกออกแบบมาให้เป็นสัญลักษณ์มากกว่าจะเป็นตัวบุคคลจริง ๆ แบบไพ่ใบอื่น ในมังงะมีสิ่งบ่งชี้ที่ตีความได้คล้ายกับว่า Joker อาจเป็นผู้ที่ควบคุม Borderland ทั้งหมดก็เป็นได้

การเปิดไพ่ครั้งสุดท้ายของอะริสุอาจแปลได้ว่า ที่จริง Joker อาจมีบทบาทเป็นแค่ผู้ทดสอบ ที่ไม่ได้อยากเอาชนะเหนือมนุษย์คนไหน แบบเจ้าของเกมในหน้าไพ่ใบอื่น เขาเป็นเพียงผู้เปิดประตูให้ผู้เล่นเลือกชะตาชีวิตของตัวเอง และทำทุกอย่างเพื่อผลักดันให้มนุษย์คนนั้นเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้ายที่อยู่ภายในใจของตัวเอง สำหรับอะริสุ การเจอกับ Joker เปรียบเสมือนการยอมรับว่า ต่อให้คิดเป็นระบบมาดีแค่ไหน ชีวิตคนเราก็ยังต้องอยู่ร่วมกับความไม่แน่นอน หรือการสุ่มชะตาชีวิตอยู่ดี

‘Alice in Borderland ซีซัน 3’ เขตแดนชีวิต ความตาย และความหมายของการมีอยู่

หลายคนที่ไม่รู้จักมังงะ จะคิดว่า Alice in Borderland เลียนแบบซีรีส์สุด Hype อีกเรื่องของ Netflix อย่าง ‘Squid Game’ เนื่องจากรูปแบบซีรีส์ที่เดินเรื่องด้วยการเล่นเกมเสี่ยงตายเหมือนกัน ซึ่งที่จริงแล้วมังงะ Alice in Borderland นั้นเกิดก่อนเกมปลาหมึกด้วยซ้ำ เพียงแต่เป็น Live Action ทีหลัง จึงทำให้กระแสความฮิตหลั่งไหลไปทางฟากเกาหลีอย่างท่วมท้นไปก่อน แต่ Alice in Borderland ก็ทำหน้าที่ของมันได้ดีอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ต่างจากเรื่องแรกที่ค่อย ๆ แผ่วลง และหากเทียบกับเกมจืด ๆ ของ Squid Game แล้ว (โดยเฉพาะสองซีซันหลัง) แต่ละเกมของ Alice in Borderland ถือว่าทำออกมาได้สนุกและลุ้นมากกว่า เกมของ Squid Game มักจะเน้น ‘การเสี่ยงโชค’ เป็นหลัก เรียกอีกอย่างว่าเน้นบุญธรรมกรรมแต่ง ในขณะที่เกมของ  Alice in Borderlan นั้น ปะปนกันไประหว่าง เกมที่ใช้ความสามัคคี(เกมดอกจิก) เกมใช้ไหวพริบ(ข้าวหลามตัด) เกมจิตวิทยา(โพแดง) และเกมเอาตัวรอด(โพดำ) เราจึงได้เห็นตัวละครใช้ไหวพริบแก้ปัญหาจนเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะพระเอกของเรื่องอย่าง อะริสุ ที่มักแก้ปริศนายาก ๆ ให้สำเร็จลงได้อยู่เสมอ

อะริสุ ผู้นำที่ทำเพื่อเธอ

อีกประเด็นที่ชวนขบคิดเป็นอย่างยิ่ง(ของทั้งสามซีซัน)คือ ทำไมตัวละครไม่เอาไหน ที่วัน ๆ เอาแต่เล่นเกม ไม่มีอะไรโดดเด่นในโลกแห่งความเป็นจริงแบบอะริสุ กลับเป็นบุคคลอันทรงคุณค่าในโลกของ Borderland ที่ทั้งผู้เล่นก็เกาะติดเขา ทั้งผู้คุมเกมก็อยากได้เขามาเป็นพลเมือง (พลเมืองคือคนที่ติดอยู่ใน Borderland เช่นกัน ทว่าไม่ใช่ผู้เล่นเกม จึงไม่ติดเงื่อนไขการแพ้ชนะ เพราะจะอยู่ในนี้ตลอดไป)

ในโลกปกติคนแบบอะริสุเป็นที่ผิดหวังของครอบครัว ยิ่งเขาไม่มีพิษภัยใด ๆ เขายิ่งห่างไกลจากการจะเอาตัวรอดในเกมได้ แต่สุดท้าย อะริสุ กลับเป็นผู้นำกลุ่มที่ทุกคนพร้อมใจกันเชื่อถือ

ขณะที่พระเอกในเกมปลาหมึกอย่าง ‘ซองกีฮุน’ มีลูกบ้าและความกล้าเยอะ และใช้สองสิ่งนั้นเพื่อผ่านเกมต่าง ๆ ไปได้ แต่อะริสุนั้นไม่ เขาผ่านเกมไปได้ด้วยสมองแบบเกมเมอร์เนิร์ด ๆ เขาคิดทุกสิ่งอย่างอย่างมีตรรกะ มีขั้นตอน มองเกมแบบเชิงระบบ มองหาข้อจำกัดและประเมินความเป็นไปได้ และหาผลลัพธ์จากสิ่งนั้นในที่สุด อะริสุเชื่อเสมอว่าเกมต้องมีคำใบ้และจุดอ่อน สิ่งเหล่านี้คนดูจะได้รับรู้ตั้งแต่เกมแรกของซีซันแรกแล้ว เขามีกระบวนการคิดเชิงวิเคราะห์ เน้นเหตุและผล ในสถานการณ์ตึงเครียดสุด ๆ อะริสุก็ยังมีท่าทีมั่นคง ทำให้การตัดสินใจของเขาดูมีน้ำหนัก เขาไม่ใช้อารมณ์ สำคัญที่สุดคือ เขาไม่คิดแล้วตัดสินใจอะไรเงียบ ๆ แล้วเที่ยวสั่งให้ใครไปทำตาม อะริสุจะใช้วิธีอธิบาย หรือเอาตัวเองเป็นตัวอย่างในการลองทำ เขาจะบอกขั้นตอนและความเป็นไปได้จนคนรอบข้างเกิดความเข้าใจ เกิดเป็นมุมมองเดียวกัน เป็นการสร้างการตัดสินใจแบบหมู่คณะร่วมกัน ไม่ใช่การสั่งแล้วให้ทำตาม เพื่อนร่วมทีมจึงค่อย ๆ เกิดความไว้วางใจโดยอัติโนมัติ เป็นเครดิตที่สั่งสมมาเรื่อย ๆ เปลี่ยนให้เด็กหนุ่มไม่เอาไหนในโลกความเป็นจริง กลายเป็นสมองและหัวใจของทีมเมื่อถูกดูดเข้าไปในโลกที่อยู่ระหว่างความเป็นและความตายเช่นนี้

ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมทีมหรอก ขนาดคนดูอย่างเรา ๆ ยังพลอยเชื่อใจเขาตามไปด้วย และเผลอมองแรงใส่ตัวละครที่พูดจาดูหมิ่นว่า “ทำไมต้องไปเชื่อใจอะริสุด้วย”

อะริสุไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็จริง ไม่โหดเหี้ยมที่สุดก็จริง แต่กลับเป็น ‘ความปลอดภัยที่สุด’ ในโลกแห่งความเสี่ยงนี้

ลูกไฟธนูหนึ่งร้อยล้านดอก และเกมซอมบี้ เกมหน้าไพ่ธรรมดาที่ท้าทายและทดสอบความเป็นมนุษย์

ในซีซันนี้มีอยู่สองเกมที่มีความน่าสนใจมากพอให้พูดถึง หนึ่งคือเกมเซียมซีที่มาพร้อมคำถามเพียงสิบข้อ เกมนี้เป็นเกมในมังงะเกมแรก ๆ หลังจากอะริสุและเพื่อนถูกดึงเข้ามาสู่ Borderland ความตื่นตาตื่นใจอยู่ตรงที่หากตอบคำถามผิด จะมีลูกไฟธนูยิงตรงมายังบริเวณเล่นเกมนี้ ตามจำนวนส่วนต่างที่ตอบผิด และอะริสุก็ตอบข้อสุดท้ายผิดไปประมาณ…หนึ่งร้อยล้าน

แต่เพราะอะริสุก็คืออะริสุ เขารู้ดีกว่าไม่มีใครต้านทานธนูไฟเป็นร้อยล้านดอกนั้นได้แน่นอน ไหวพริบที่มีติดตัวจึงทำให้เขารอดและช่วยเหลือบางคนจนกลายเป็นทีมร่วมหัวจมท้ายไปในที่สุด พร้อม ๆ กับความทรงจำเรื่องเกมก็ค่อย ๆ กลับมาด้วย

อีกเกม ซึ่งเป็นที่ดีที่สุดของซีซัน คือเกมล่าซอมบี้ด้วยการเปิดไพ่ จะชนะในเกมนี้ก็ทำได้ด้วยการนับว่าคนจากฝั่งไหนระหว่างซอมบี้และคนไม่ติดเชื้อ จะเหลือรอดเป็นจำนวนมากกว่ากัน ฝ่ายไหนน้อยกว่าก็แพ้ไป(ตาย) ใบบรรดาไพ่ที่ปะปนไปกับไพ่ตัวเลข จะมีไพ่ซอมบี้ตั้งต้นแฝงอยู่ไม่กี่ใบ(ที่หงายขึ้นมาก็จะติดเชื้อเพิ่มได้เรื่อย ๆ) ไพ่ปืนที่สุ่มแจกอย่างจำกัด(ไว้ยิงซอมบี้แบบตายจริงคาโต๊ะ) และไพ่วัคซีนที่ไม่มีใครเคยเห็น(ไว้ใช้รักษาซอมบี้) จะเห็นว่าการติดเชื้อซอมบี้นั้นง่ายและรวดเร็ว บรรดามนุษย์จึงต้องคิดหาทางควบคุมการแพร่เชื้อ มีตัวละครนำเสนอแผนการที่อาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจและความสามัคคี ซึ่งอาจพาให้ทุกคนในที่นี้รอดพร้อม ๆ กันทั้งหมด มติกลุ่มเห็นว่าดีและทำตาม หากแต่มนุษย์ก็ไม่เคยจะเชื่อใจและมีความสามัคคีมากไปกว่าการต้องการเอาชีวิตรอด ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจและอำนาจกำจัดศัตรูที่มีในมือ(ปืนยิงซอมบี้) ทำให้มนุษย์แสดงสัญชาติญาณการเอาตัวรอดอย่างสุดโต่ง โดยไม่เคยสนใจความเลวร้ายของมันเลย จนกระทั่งมันกลับมาทำร้ายตัวเอง

เกมสะท้อนหลักการมีอำนาจที่เหนือกว่าของกลุ่มคนที่มีจำนวนมากกว่า นำมาซึ่งความได้เปรียบกว่าในสังคม โดยไม่สนความถูกต้องหรือศีลธรรมอันดี และการที่วัคซีนไม่สามารถนำมาช่วยตัวเองได้(ตามกติกา) ทำให้คนติดเชื้อต้องมีลักษณะของการพึ่งพาคนอื่น เป็นจุดที่ทำให้เกิดแรงกดดันทางจริยธรรมเพิ่มขึ้นไปอีก

ที่จริงเกมนี้สามารถจบลงที่ทำให้ทุกคนติดเชื้อให้หมดใน 20 เทิร์นได้ (หากแต่ก็ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจอยู่พอควร) คำถามคือ ทำไมไม่มีใครในเกมคิดได้แบบนี้ เพราะหากทำแบบนี้แล้ว ตามกติกาทุกคนก็จะรอดเช่นกัน

คำตอบคือ เพราะมนุษย์กลัวการถูกมองเป็นคนอื่น เราไม่อยากถูกเลือกให้เป็น ‘คนที่เคยเป็นมนุษย์’ เราไม่อยากแปลกแยกกับฝูง เราอยากเป็นคนไม่ใช่ซอมบี้ ด้วยเหตุนี้คนที่เป็นซอมบี้(ถือไพ่ซอมบี้ในมือ) จึงต้องพยายามปกปิดตัวตน หลบเลี่ยงการตามฆ่าล้าง และเลือกที่จะไว้ใจกับแค่บางคนเท่านั้น

ท้ายที่สุด อะริสุ ใช้กลยุทธ์ในการทำให้ทีมของเขาทั้งหมดติดเชื้อ และแพร่เชื้อไปยังคนอื่น ๆ ที่เหลือในเทิร์นสุดท้าย เพื่อเพิ่มผู้ติดเชื้อจนกระทั่งฝ่ายซอมบี้มีชัย เป็นความชาญฉลาดมาดนิ่งในแบบที่เราจะไม่มีวันเห็นได้ในตัวพระเอกเกมปลาหมึก

ในท้ายที่สุด Alice in Borderland ไม่ได้เป็นเพียงซีรีส์เกมเอาตัวรอด หากแต่เป็นบทสนทนาเชิงสัญลักษณ์ว่ามนุษย์ทุกคนต่างยืนอยู่ในเขตแดนระหว่างความเป็นและความตาย การเล่นเกมในเรื่องคือการขยายภาพความจริงที่ว่า เราต่างดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดภายใต้กติกาที่ไม่เคยแฟร์ และสุดท้ายไม่ว่าใครก็ไม่อาจต้านทานปลายทางที่รออยู่ได้

ไพ่ Joker จึงไม่ใช่เพียงตัวละคร แต่คือเครื่องเตือนใจว่า มนุษย์ต้องเลือกว่าจะยอมจำนนต่อความกลัว หรือจะกล้าเผชิญหน้ากับความจริงของชีวิต และเดินต่อไปด้วยการตัดสินใจของตนเอง

 

เรื่อง: poonpun