logo-pwa

เพิ่ม Thepeople

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด

ความสยองของ จอห์น เวย์น เกซี ฆาตกรตัวตลกซ่อนร่างเหยื่อไว้ใต้ถุนบ้าน สู่สารคดีใน Netflix

ความสยองของ จอห์น เวย์น เกซี ฆาตกรตัวตลกซ่อนร่างเหยื่อไว้ใต้ถุนบ้าน สู่สารคดีใน Netflix

ฆาตกรต่อเนื่องที่ถูกขนานนามว่า ‘เลวร้ายที่สุด’ อย่าง ‘จอห์น เวย์น เกซี’ (John Wayne Gacy) เขาสังหารเหยื่อมากกว่า 33 ราย และฝังร่างเหยื่อส่วนใหญ่ไว้ใต้ถุนของบ้าน เรื่องราวของเขานำมาสู่สารคดีล่าสุดที่ตีแผ่เบื้องลึกเกี่ยวกับคดี

ถ้าผมอารมณ์ไม่ดี การเป็นตัวตลกก็ไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่นัก เพราะเด็กบางคนก็ทำตัวไม่ค่อยจะน่ารักเลย

บางทีคุณก็จะอยากจะคว้าคอมันมาบีบ อยากจะหวดมันให้ตายเลย

หากกล่าวถึง ‘ตัวตลก’ (Clown) ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรับรู้ความเข้าใจหรือโดยเฉพาะความรู้สึกที่ผู้คนมีเมื่อได้ยินชื่อดังกล่าว คงไม่ได้ตลกเหมือนคำเรียกขานนัก ไม่เพียงแต่ตัวตลกถูกนำเสนอใน Pop Culture ในแนวทางที่น่าขนลุกดังเช่น ‘เพนนีไวซ์’ (Pennywise) ปีศาจร้ายจากนวนิยายและภาพยนตร์เรื่อง ‘It’ หรือการที่ใครหลายคนสวมชุดตัวตลกมาเดินวันในวันฮาโลวีนหรือแกล้งผู้คนดังที่ช่วงหนึ่งเคยมีกระแส

ถึงกระนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องจริงที่เปลี่ยนภาพจำของ ‘ตัวตลก’ จากบุคคลผู้สร้างความบันเทิงให้ผันแปรเป็น ‘ปีศาจร้าย’ ที่น่าสยดสยองก็คงต้องยกให้ฆาตกรต่อเนื่องที่ถูกขนานนามว่า ‘เลวร้ายที่สุด’ อย่าง ‘จอห์น เวย์น เกซี’ (John Wayne Gacy) ที่ในฉากหนึ่ง เขามีบทบาทเป็นตัวตลกนามว่า ‘โพโก’ (Pogo The Clown) แต่อีกฉากหนึ่งเขาคืออสูรกายอำมหิตที่สังหารเหยื่อไปมากกว่า 33 ราย และทำการฝังร่างส่วนใหญ่ไว้ที่ใต้ถุนของบ้าน 

ซึ่งล่าสุดเรื่องราวดังกล่าวถูกนำมาตีแผ่อย่างละเอียดอีกครั้งผ่านการเล่าเรื่องแนวสารคดีในรูปแบบ Limited Series นามว่า 'Conversations with a Killer: The John Wayne Gacy Tapes' เผยแพร่แล้วทาง Netflix

เนื้อหาเป็นการร้อยเรื่องราวจากปากผู้ที่เผชิญหน้ากับเกซีเอง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจที่จับกุมและสืบสวนคดีนี้ เหยื่อที่หลุดรอดจากความสยองมาได้ และรวมถึงเทปเสียงของ จอห์น เวย์น เกซีเอง ที่บอกเล่าชำแหละเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างละเอียด

นอกจากนั้นความสยองของเกซี ยังไปปรากฎในตอนหนึ่งของซีรีส์ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากอย่าง 'Dahmer – Monster: The Jeffrey Dahmer Story' อีกด้วย

วินาทีมุดช่องคลานใต้บ้าน

ณ บ้านของเกซี จะมีช่องคลานใต้ที่ข้างใต้จะเต็มไปด้วยโคลน ในคราแรกที่ตำรวจค้นบ้านของเขา แถมยังมุดไปดูข้างใต้ว่าพบกับอะไรบ้าง สืบเนื่องจากการที่วัยรุ่นรายหนึ่งหายตัวไปแล้วเกซีคือผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่ง แต่ในคราวแรกไม่มีใครพบเบาะแสอะไรที่จะชี้ว่าเกซีเกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม ทางการตำรวจก็หาได้ละทิ้งความสนใจจากชายผู้นี้ เพราะตำรวจและนักสืบหลายคนสัมผัสได้ว่า ‘ไอหมอนี่มันไม่ธรรมดา มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ ๆ’ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เหตุเพราะไร้หลักฐานมัดตัว

แต่แล้วก็ถึงวันที่ปลาติดแห เกซี พบกับตำรวจและขับรถหนีอย่างลุกลี้ลุกลน เหยียบคันเร่งด้วยความเร็วกว่า 70 ไมล์ต่อชั่วโมง ทั้ง ๆ ที่ในบริเวณนั้นจำกัดอยู่แค่ 30 ไมล์ต่อชั่วโมง

พอตามตัวไปตรวจค้นเหล่าตำรวจก็เจอกุญแจสำคัญที่จะใช้เป็นสะพานไปมัดตัวเกซีได้ นั่นก็คือ ‘กัญชา’ หลังจากตรวจพบกัญชาประมาณ 2-3 มวนอยู่กับเขา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เหตุผลในการจับกุมตัว (ซึ่งเล็งจะจับมานานแล้ว) แถมยังสามารถขออนุมัติหมายค้นบ้านมาได้ด้วย

ความสยดสยองที่แอบซ่อนไว้จึงถูกเปิดเผย…

ผมเริ่มมองไปรอบ ๆ ผมเห็นแอ่งน้ำเล็ก ๆ สามแอ่งในพื้นโคลน พอผมส่องไฟฉายไป ผมก็เห็นหนอนตัวเล็ก ๆ สีแดงอยู่กันเป็นก้อน ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อนในชีวิต แล้วพอไฟฉายผมส่องไปโดนหนอนพวกนั้น มันก็ตกใจแล้วมุดหนีหายไปในกองโคลน

ทันใดนั้นผมก็คิดกับตัวเองว่า ‘หนอนอยู่ในดินที่เพิ่งขุดเนี่ยนะ? หนอนพวกนี้กำลังกินอะไรอยู่?’

ในวันที่ 21 เดือนธันวาคม 1978 ‘แดน เจนที’ (Dan Genty) เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่ได้รับมอบหมายให้ไปตรวจค้นบ้านของเกซีหลังจากที่ศาลอนุมัติหมายค้น (ซึ่งเป็นครั้งที่งสองที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สิทธิ์ในการย่างก้าวเข้าไปในนั้น) ถ้อยคำข้างต้นคือคำบอกเล่าของแดน เมื่อเขาย้อนนึกถึงวันนั้นว่าพบเจอกับอะไรใน ‘ช่องคลาน’ (Crawl Space) ใต้บ้านของเกซีบ้าง

“ผมจึงรีบไปคว้าเครื่องมือขุดแล้วรีบขุดไปตรงนั้น แล้วผมก็รู้สึกว่าเหมือนขุดไปโดนอะไรสักอย่าง ตอนแรกผมคิดว่าอาจจะเป็นอิฐหรือกระเบื้องท่อระบายน้ำ ผมเลยแซะส่วนแข็ง ๆ นั้นขึ้นมา สื่งที่ผมพบคือ ‘กระดูกหัวไหล่’”

“สิ่งที่ผมคิดในหัวอย่างเดียวในตอนนั้นคือ ‘มึงเสร็จกู กูจะได้จับมึงแล้ว ไอสารเลว!’”

ชิ้นส่วนกระดูกหัวไหล่ที่พบอยู่ในช่องคลานใต้บ้านถือเป็นหลักฐานชิ้นแรกที่สามารถใช้มัดตัวเกซีได้ และมันยังเป็นหมุดหมายครั้งสำคัญของการสืบสวนคดีนี้และเป็นการย้ำชัดลางสังหรณ์ของตำรวจและนักสืบหลายคนว่า เกซีต้องซ่อนอะไรสักอย่างไว้อยู่แน่ ๆ แม้จะใช้เวลากว่าจะสามารถมัดตัวได้ แต่การค้นพบในครั้งนี้ชี้ชัดว่าเซนส์พวกเขานั้นถูก

แต่การค้นพบชิ้นส่วนครั้งนั้นไม่เพียงแต่เป็นหลักฐานมัดตัวเกซีผู้เป็นผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่งในคดีการหายตัวไปของชายหนุ่มนามว่า ‘โรเบิร์ต พรีสต์’ (Robert Priest) ซึ่งในคราก่อนที่ตำรวจตรวจค้นบ้านของเกซีพร้อมมุดลงไปดูในช่องคลาน เขาก็หาได้พบอะไรไม่ จนกระทั่งคราวนี้

แต่ประเด็นคือว่า… ชิ้นส่วนกระดูกดังกล่าวไม่ใช่ของพรีสต์

เหตุเพราะพรีสต์หายตัวไปได้ยังไม่ได้นานขนาดนั้น แต่ชิ้นส่วนดังกล่าวได้เน่าเปื่อยไปจนสามารถบอกได้ว่ามันถูกฝังไว้ที่นี่มาพักหนึ่งแล้ว ดังนั้นทางการจึงตระหนักทันทีว่า ‘เรื่องนี้เรื่องใหญ่’

พวกเขาจึงดำเนินการขุดต่อไป จนไปเจอกับกระดูกส่วนเข่าและกระดูกขาอีกสองท่อน

ณ ตอนนั้นมันเหมือนโลกหยุดหมุน ผมโทรหาจ่าของผม แล้วผมก็บอกเขาว่า ‘ดอน ผมคิดว่าเราเจอเด็กเต็มห้องใต้ดินเลย

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลุยสืบค้นทุกซอกทุกมุมในบ้านของเกซี ถึงขั้นที่ว่าทุบบ้านออกเพื่อที่จะเห็นทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงขุดผืนดินที่บ้านตั้งอยู่ จนพบเหยื่ออีกมากมายที่ถูกฝังรวมกันมากมาย

 

ฆาตกรตัวตลก

เกซีเองก็หาได้พยายามจะปกปิดความลับ กลับกัน เขาเองที่เป็นคนอธิบายเหยื่อและขั้นตอนการลงมือและคำอธิบายของเหยื่อแต่ละคนอย่างละเอียด

หลังจากก่อเหตุครั้งแรกแล้วรอด ครั้งต่อ ๆ มาผมก็ยังรอดอยู่ ผมเลยทำมันต่อมาเรื่อย ๆ ไง

เป็นเวลา 6 ปีที่เกซีดำเนินล่อลวงเหยื่อเป็นจำนวนกว่า 33 คนมาก่อเหตุฆาตกรรมที่บ้านของตน โดยเหยื่อส่วนใหญ่ก็จะถูกสังหารและนำไปฝังไว้ใต้ถุนบ้าน บ้างก็ถูกฝังไว้ใต้โรงรถและถมปูนทับไปอีกชั้น แม้จะมีกลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจนเพื่อนบ้านได้กลิ่น แต่เกซีก็ยังอ้างโน่นอ้างนี่จนหลุดรอดมาได้

ดังคำกล่าวที่เกซีได้ให้การ เหตุฆาตกรรมโดยฝีมือของเขาที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องได้เช่นนี้เป็นเพราะเขาสามารถทำมันและไร้ซึ่งผลกระทบตามมา เขาสามารถก่อเหตุแล้วหมกเหยื่อเหล่านั้นไว้ใต้บ้านโดยไร้คนสงสัย ต่างจากกรณีของ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ (Jeffrey Dahmer) ที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์จนใครหลายคนเกิดความสงสัย ไม่ว่าจะจากกลิ่นหรือการที่ใครหลายคนหายตัวไปหลังพบเขา

สำหรับเหยื่อของเกซี พวกเขาจะถูกล่อลวงมาที่บ้านด้วยเหตุผลประการต่าง ๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเหตุผลว่าจะชวนมาทำงาน ท้ายที่สุดก็ตกลงในกับดักอันน่าสยดสยองและถูกฝังลืมและหายไปอย่างไร้วี่แวว บ้างก็เป็นโสเภณีชายที่ขึ้นรถมากับเกซียามค่ำคืนและหายไปตลอดกาล ไม่มีใครรู้เสียด้วยซ้ำว่าผู้คนเหล่านั้นพบเจอกับเกซี นี่จึงทำให้เขาลอยนวลมาได้หลายปี

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุผลประการสำคัญที่ทำให้ฆาตกรตัวตลกสุดอำมหิตตนนี้ลอยนวลมาได้นานขนาดนี้ก็เกี่ยวโยงกับความสนใจของตำรวจ มีผู้คนหลายคนตั้งขอสังเกตและวิจารณ์ทางการตำรวจว่าปล่อยปะละเลย (คล้ายกับกรณีของดาห์เมอร์) เหตุเพราะ เวลามีเด็กวัยรุ่นหายไป แล้วพ่อแม่ผู้ปกครองของเขาเดินทางไปแจ้ง พวกเขาก็มักจะสันนิษฐานว่าเด็กวัยรุ่นเหล่านั้นหนีออกจากบ้าน และทิ้งความสนใจไป…

สำหรับผม ผมไม่ได้มองว่าพวกเขาเป็นมนุษย์ ก็เหมือนเวลาคุณไปซื้อของที่ร้านค้า ถ้าคุณซื้ออะไรสักอย่างกลับบ้านมาแล้วคุณไม่ชอบแล้วก็อยากจะทำให้มันพัง คุณก็มีสิทธิ์ทำลายได้ไง เพราะว่าคุณซื้อไปแล้ว

ถ้อยคำดังกล่าวนับว่าน่าสยดสยองพอ ๆ กับความเลวร้ายที่เขาได้ก่อเอาไว้ เพราะหากไม่ใช่เพราะแนวคิดและทัศนคติต่อโลกและต่อเพื่อนมนุษย์อันบิดเบี้ยวเช่นนั้น จะมีหรือที่มนุษย์คนหนึ่งจะกล้าก่อเหตุลงมือก่อความโหดร้ายผิดมนุษย์เช่นนั้นได้ และถ้อยคำดังกล่าวเป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งที่เปรียบเสมือนรูให้ผู้คนได้ส่องไปเห็นปีศาจร้ายอันเป็นไส้ในที่แฝงอยู่ในตัวเขา

ไม่ผิดเลยสักนิดที่จะกล่าวว่าเขาคือปีศาจที่จำแลงกายมาในคราบของมนุษย์และตัวตลก…

 

เป็นแรงบันดาลใจให้ Pennywise?

ไม่น่าแปลกใจนักถ้าจะมีใครหลายคนสงสัยว่าระหว่างปีศาจร้ายในคราบตัวตลกอย่างเพนนีไวซ์จากภาพยนตร์และนวนิยายที่ประพันธ์โดย สตีเฟน คิง (Stephen King) มีความเชื่อมโยงหรือได้รับแรงบันดาลใจมาจาก จอห์น เวย์น เกซี หรือไม่ เพราะทั้งคู่แต่งหน้าแต่งตัวเป็นตัวตลกเหมือนกัน แถมยังเพ่งเล็งเหยื่อเป็นเหล่าเด็ก ๆ และวัยรุ่นเหมือนกันอีกด้วย

แล้วเกซีเป็นแรงบันดาลใจให้สตีเฟน คิงในการสรรค์สร้างเพนนีไวซ์ขึ้นมาหรือเปล่า?

แม้จะมีข้อถกเถียงมากมายที่พยายามชี้ให้เห็นว่าสตีเฟน คิงได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างเพนนีไวซ์มาจากเกซี แต่เราก็ไม่สามารถฟันธงได้ว่าเป็นเช่นนั้น เพราะเจ้าตัวก็ยังไม่เคยออกมาบอกอย่างชัดเจนถึงความเชื่อมโยงของเกซีกับนวนิยายของเขา 

ถึงกระนั้น แรงบันดาลใจในการสร้างเพนนีไวซ์เกิดขึ้นมาจากคำถามที่เขาตั้งกับตัวเองในตอนที่เขาพยายามสร้างสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งขึ้นมามากกว่าว่าถ้าจะสร้างสัตว์ประหลาดขึ้นมาสักตัว อะไรคือสิ่งที่เด็ก ๆ กลัวที่สุด? และคำตอบที่เขาได้ก็คือ

ตัวตลก

ดังนั้นเราจึงไม่สามารถสรุปได้อย่างแน่ชัดว่า จอห์น เวย์น เกซี เป็นแรงบันดาลให้สตีเฟน คิง ในการสรรค์สร้างเพนนีไวซ์ขึ้นมาโดยรู้ตัวหรือโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ หรือไม่แน่อาจจะไม่เกี่ยวกับจอห์น เวย์น เกซีเลยก็ได้ แต่สิ่งที่แน่ชัดอย่างหนึ่งคือเมื่อผู้ชมหรือผู้อ่านได้เห็นถึงความชั่วร้ายของปีศาจตัวตลก ก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงเคสในชีวิตจริงอย่างเกซี

นอกจากนั้นมันก็ยังทำให้เราเห็นอีกว่า ความจริงโหดร้ายกว่าในภาพยนตร์หรือนวนิยายหลายเท่าตัวนัก…

 

อ้างอิง: 

ภาพยนตร์ซีรีส์ 'Conversations with a Killer: The John Wayne Gacy Tapes'

https://www.cosmopolitan.com/entertainment/tv/a35767805/john-wayne-gacy-true-story/

https://www.cbr.com/john-wayne-gacy-not-pennywise-inspiration-explained/

https://www.radiotimes.com/tv/documentaries/true-crime/john-wayne-gacy-netflix-true-story/

https://screenrant.com/it-true-story-pennywise-inspirations/