วิคเตอร์ แฟรงเคิล : นักจิตวิทยาผู้รอดจากนาซี จนค้นพบความหมายของการมีชีวิตอยู่ผ่านแนวคิดโลโกเธอราพี

วิคเตอร์ แฟรงเคิล : นักจิตวิทยาผู้รอดจากนาซี จนค้นพบความหมายของการมีชีวิตอยู่ผ่านแนวคิดโลโกเธอราพี

วิคเตอร์ แฟรงเคิล (Viktor Frankl) คือนักจิตวิทยาชาวออสเตรียผู้รอดชีวิตจากค่ายกักกันนาซี และเป็นผู้ก่อตั้งทฤษฎีจิตบำบัด "โลโกเธอราพี" (Logotherapy)

KEY

POINTS

 

“ทุกสิ่งสามารถถูกพรากไปจากมนุษย์ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่มีวันสูญหาย คือเสรีภาพขั้นสูงสุด การเลือกท่าทีของตนต่อโลก และการกำหนดความหมายของการมีอยู่ด้วยตัวเอง”

‘วิคเตอร์ เอมิล แฟรงเคิล’ (Viktor Emil Frankl) นักจิตวิทยา นักประสาทวิทยา และนักปรัชญา ผู้คิดค้นการบำบัดแบบโลโกเธอราปี (Logotherapy) แนวคิดที่มุ่งเน้นไปยังการตามหาความหมาย โดยเชื่อว่ามนุษย์สามารถก้าวข้ามความทุกข์ยากในชีวิตได้ หากค้นพบความหมายและเป้าหมายในแต่ละช่วงเวลา

และเขาเองก็เคยเป็นชายคนหนึ่ง ที่เคยตามหาความหมายของการมีชีวิตอยู่เช่นกัน เพราะในช่วงเวลาที่กองทัพนาซีเรืองอำนาจ วิคเตอร์ในวัย 37 ปี กลับสูญเสียทุกอย่าง ครอบครัวของเขา รวมถึงภรรยาและลูกในท้อง ถูกส่งไปยังค่ายกักกันที่กระจายอยู่ทั่วยุโรป พ่อกับเขาถูกส่งไปเทเรเซียนสตัดท์  แม่กับพี่ชายไปค่ายเอาชวิทซ์ ภรรยาถูกส่งไปยังเบอร์เกน-เบลเซน โชคดีที่น้องสาวคนสุดท้องหนีไปยังออสเตรเลียได้ทันท่วงที ทำให้เธอเป็นคนในครอบครัวคนเดียวที่มีชีวิตอยู่

แต่กว่าวิคเตอร์จะรู้ว่าครอบครัวของเขาและภรรยาสุดที่รักได้จากไปหมดแล้ว เขาก็ต้องทุกข์ทรมานอยู่ในค่ายกักกันอีก 4 แห่ง และพยายามบำบัดจิตใจตัวเองให้เข้มแข็งอยู่เสมอ เพื่อจะได้กลับมาอยู่กับครอบครัวอีกครั้ง

วิคเตอร์ทำสำเร็จ เขายังมีชีวิตอยู่ แต่จิตใจกลับแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี เมื่อถูกปล่อยจากค่ายกักกันและค้นพบความจริงอันโหดร้าย ความจริงที่ไม่ต่างจากโลกถล่มลงตรงหน้า และเพราะความจริงข้อนี้เอง นักจิตวิทยาผู้ยิ่งใหญ่จึงก่อกำเนิดขึ้นมาบนโลกนี้แทน

และนี่คือเรื่องราวของวิคเตอร์ แฟรงเคิล ชายผู้สูญเสียครอบครัว ความรัก และความหวัง ทว่าในซากปรักหักพังแห่งชีวิต เขากลับค้นพบ ‘ความหมาย’ ของชีวิตได้สำเร็จ

วิคเตอร์ แฟรงเคิล : นักจิตวิทยาผู้รอดจากนาซี จนค้นพบความหมายของการมีชีวิตอยู่ผ่านแนวคิดโลโกเธอราพี

ก่อนโลกจะแหลกสลาย

วิคเตอร์ เอมิล แฟรงเคิล เกิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1905 ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในครอบครัวชนชั้นกลางชาวยิว เขามีพี่น้องทั้งหมด 3 คน วิคเตอร์เป็นลูกชายคนกลาง แม่ของเขา ‘เอลซา แฟรงเคิล’ (Elsa Frankl) มาจากกรุงปราก ส่วนพ่อ ‘กาเบรียล แฟรงเคิล’ (Gabriel Frankl) เป็นผู้อำนวยการกระทรวงสวัสดิการสังคม โยกย้ายมาจากโมราเวียตอนใต้

หากจะบอกว่าบ้านครอบครัวแฟรงเคิลไม่ได้ยากลำบากก็คงไม่ผิดนัก นี่คือชีวิตที่สมบูรณ์แบบก็ว่าได้ พี่น้องทุกคนได้เรียนหนังสือ วิคเตอร์เองก็เช่นกัน เขาสนใจเรื่องจิตวิทยามาตั้งแต่เด็ก เป็นนักเรียนที่ฉลาดเฉลียว ไหวพริบดี ช่างสังเกต และมักให้ความสำคัญกับจิตใจคนรอบข้างอยู่เสมอ เมื่อปี 1918 วิคเตอร์เคยเข้าร่วมฟังบรรยายด้านจิตวิทยาประยุกต์ของ ซิกมุนด์ ฟรอยด์ และเริ่มติดต่อกับฟรอยด์นับแต่นั้น ถึงขนาดส่งต้นฉบับให้ฟรอยด์อ่าน จนถูกนำไปตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Psychoanalysis ในอีกสามปีต่อมา

วิคเตอร์ แฟรงเคิล : นักจิตวิทยาผู้รอดจากนาซี จนค้นพบความหมายของการมีชีวิตอยู่ผ่านแนวคิดโลโกเธอราพี

แต่กว่าความชื่นชอบของเขาจะตกตะกอนได้ถึงเพียงนี้ วิคเตอร์ต้องผ่านความยากลำบาก ไม่ต่างจากครอบครัวส่วนใหญ่ ที่ทนทุกข์จากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ระหว่างปี 1914-1918 เช่นกัน เขากับพี่ชายต้องออกไปขออาหารจากชาวนา บางวันก็พาน้องสาวไปเดินขอเศษอาหารจากบ้านอื่นอีกด้วย ความทรงจำเหล่านี้ทำให้เขาเข้าใจความเปราะบางของมนุษย์ยิ่งขึ้น

หลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งสิ้นสุดลง อีกสี่ปีต่อมา วิคเตอร์ในวัย 15 ปี ได้ขึ้นไปบรรยายเรื่อง ความหมายของชีวิต นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกมาพูดต่อหน้าธารกำนัล และทำให้คนที่ฟังได้ตระหนักถึงความไม่เท่าเทียมทางสังคม ด้วยแนวคิดเช่นนี้ วิคเตอร์จึงตัดสินใจเข้าร่วมขบวนการ Young Socialist Workers ในที่สุด

จากนั้นในปี 1923 วิคเตอร์เริ่มสนใจ ‘จิตวิทยาปัจเจกบุคคล’ (Individual Psychology) ของอัลเฟรด แอดเลอร์ (Alfred Adler) ซึ่งเน้นการปฏิรูปสังคมและชุมชนเป็นหลัก หลังจากนั้นอีกหนึ่งปี วิคเตอร์เข้าศึกษาต่อที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเวียนนา และเป็นโฆษกสมาคมนักเรียนมัธยมปลายสายสังคมนิยมแห่งออสเตรีย เขาเข้าร่วมวงสนทนาของอัลเฟรด แอดเลอร์ที่คาเฟ่ซิลเลอร์เป็นประจำ และในฐานะสมาชิกที่อายุน้อยที่สุด เขาได้รับฉายาว่า ‘เบนจามิน’

บทความ Psychotherapy and Weltanschauung ของวิคเตอร์ถูกตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Individual Psychology เขาเริ่มสำรวจความเชื่อมโยงระหว่างจิตบำบัดกับปรัชญา โดยเฉพาะคำถามพื้นฐานเรื่อง ความหมายและคุณค่า ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นแกนกลางของผลงานตลอดชีวิตของเขา จากนั้นในปี 1926 จึงเริ่มบรรยายตามเมืองต่าง ๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเมืองดึสเซลดอร์ฟ แฟรงก์เฟิร์ต และเบอร์ลิน และเป็นครั้งแรกที่เขานำเสนอแนวคิดเรื่องการบำบัดที่มุ่งเน้นความหมาย โดยใช้คำว่า ‘โลโกเธอราพี’ (Logotherapy) จากภาษากรีก logos แปลว่า ความหมาย และตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1938 หลังจากเขาเรียนจบนานถึงแปดปี

วิคเตอร์ แฟรงเคิล : นักจิตวิทยาผู้รอดจากนาซี จนค้นพบความหมายของการมีชีวิตอยู่ผ่านแนวคิดโลโกเธอราพี

อันที่จริงวิคเตอร์ไม่ได้อยากใช้ชื่อว่า โลโกเธอราพีตั้งแต่แรก เขาอยากใช้ชื่อว่า Noo Therapy (มาจากคำกรีก nous แปลว่า จิตและปัญญา) เพื่อสะท้อนพลังของจิตวิญญาณมนุษย์ แต่มีผู้แนะนำว่าในภาษาอังกฤษอาจถูกอ่านเป็น No Therapy (ไร้การบำบัด) เขาจึงเลือกใช้คำว่า Logotherapy แทน

วิคเตอร์จบการศึกษาในปี 1930 งานแรกที่เขาเริ่มต้นทำในฐานะแพทย์ คือ ดูแลแผนกผู้ป่วยหญิงที่พยายามจบชีวิตตัวเองในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งของกรุงเวียนนา และช่วยรักษาผู้ป่วยกว่า 3,000 รายต่อปี ก่อนจะเปิดคลินิกเป็นของตัวเองในปี 1937 แต่ถูกพรรคนาซีเข้ายึดครองจนไม่สามารถทำการต่อได้อีก

วิคเตอร์ แฟรงเคิล : นักจิตวิทยาผู้รอดจากนาซี จนค้นพบความหมายของการมีชีวิตอยู่ผ่านแนวคิดโลโกเธอราพี

แม้หนทางการช่วยชีวิตผู้อื่นจะถูกกีดกันจากนาซี แต่เขาก็ไม่หยุดเพียงเท่านั้น เพราะจิตวิญญาณแห่งความเป็นหมอเรียกร้องให้เขาออกมาทำอะไรบางอย่าง ในไม่ช้าเขาจึงตัดสินใจมาทำงานที่โรงพยาบาลรอธไชลด์ (Rothschild Hospital) ในปี 1940 ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายประสาทวิทยา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแห่งเดียวในเวียนนาที่ยังเปิดรับผู้ป่วยชาวยิว 

วิคเตอร์ แฟรงเคิล : นักจิตวิทยาผู้รอดจากนาซี จนค้นพบความหมายของการมีชีวิตอยู่ผ่านแนวคิดโลโกเธอราพี

ที่นั่นเขาได้พบกับ ‘ทิลลี กรอสเซอร์’ (Tilly Grosser) พยาบาลสาว และแต่งงานกันในปี 1941 เก้าเดือนหลังแต่งงาน เขา ภรรยา และพ่อแม่ ถูกส่งไปยังค่ายกักกัน ปลายปีเดียวกันนั้น เขาถูกส่งไปยังค่ายเอาชวิตซ์ ประเทศโปแลนด์ ที่นั่นหมอในค่าย โยเซฟ เมงเกเล เป็นผู้คัดแยกนักโทษที่เพิ่งถูกส่งมาแยกออกเป็นสองแถว 

แถวซ้ายถูกส่งไปห้องรมแก๊ส 

ส่วนแถวขวายังถูกไว้ชีวิต

วิคเตอร์ถูกสั่งให้ไปทางซ้าย แต่เขาสามารถแอบเปลี่ยนแถวไปทางขวาได้โดยไม่มีใครสังเกต จึงรอดชีวิตมาได้

ตลอดช่วงสงคราม วิคเตอร์ถูกคุมขังอยู่ในค่ายกักกันทั้งหมด 4 แห่ง คือ เทเรเซียนสตัดท์ เอาชวิตซ์ ดาเคา และเทือร์กไฮม์
ภรรยาและลูกในท้อง พ่อแม่ รวมถึงพี่ชายของเขาเสียชีวิตในค่ายกักกันทั้งหมด

เมื่อกลับสู่เวียนนา เขาแทบไม่เหลืออะไรเลย คนที่เขารักจากไปหมดแล้ว บ้านที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะกลับเงียบสนิท ราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังทอดทิ้งเขาให้โดดเดี่ยว

ออกตามหาความหมายของชีวิต

แม้จะทุกข์ทรมานจากการสูญเสียพ่อ แม่ ภรรยา และพี่ชายไปในค่ายกักกันนาซี แต่สุดท้ายชายคนนี้ก็ยังคงยืนหยัด ขอต่อลมหายใจของตัวเองเรื่อยไป จนกว่าจะหาความหมายในการมีชีวิตอยู่ไม่เจอ

เพราะหากยึดตามแนวคิดของวิคเตอร์ แรงจูงใจหลักของมนุษย์ในการดำรงชีวิต คือ การแสวงหาความหมาย ในเชิงทฤษฎีทางจิตวิทยา โลโกเธอราพีถูกจัดอยู่ในกลุ่มทฤษฎีมนุษยนิยม (humanistic) และอัตถิภาวนิยม (existential) และมักถูกเรียกว่า โรงเรียนที่สามแห่งจิตวิทยาเวียนนา ถัดจาก จิตวิเคราะห์ของฟรอยด์ (Freud’s Psychoanalysis) และ จิตวิทยาปัจเจกของ อัลเฟรด แอดเลอร์ (Adler’s Individual Psychology) โดยสรุปแล้ว แรงขับของฟรอยด์คือ ‘ความใฝ่สุข’ (will to pleasure) ของแอดเลอร์คือ ‘ความใฝ่อำนาจ’ (will to power) ส่วนของแฟรงเคิลคือ ‘ความใฝ่ความหมาย’ (will to meaning) แม้ไม่ใช้ในเชิงคลินิก โลโกเธอราพีก็ยังเป็นปรัชญาชีวิตที่มีคุณค่า

ความสูญเสียของวิคเตอร์ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังในการทำงาน และในปี 1946 ได้ตีพิมพ์หนังสือ ประสบการณ์นักจิตวิทยาในค่ายกักกัน (ภายหลังชื่อ Man’s Search for Meaning)

วิคเตอร์ แฟรงเคิล : นักจิตวิทยาผู้รอดจากนาซี จนค้นพบความหมายของการมีชีวิตอยู่ผ่านแนวคิดโลโกเธอราพี

หนังสือเล่มนี้มียอดขายกว่า 16 ล้านเล่ม แปลเป็น 50 ภาษา และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหนังสือทรงอิทธิพลที่สุดของศตวรรษที่ 20

“ในบางแง่ ความทุกข์จะหยุดเป็นความทุกข์ทันทีที่มันได้ความหมาย เช่น ความหมายของการเสียสละ”

ตอนที่วิคเตอร์ถูกนำตัวเข้าสู่ค่ายกักกัน เขาพกต้นฉบับหนังสือที่ยังเขียนไม่เสร็จเกี่ยวกับโลโกเธอราพีซ่อนอยู่ในเสื้อคลุม แต่ต้นฉบับถูกยึดและทำลายไปพร้อมข้าวของส่วนตัวทั้งหมด ใน Man’s Search for Meaning เขาเล่าว่า ท่ามกลางชีวิตอันทรมานในค่าย เขามักใช้จินตนาการคิดถึงภรรยา ‘ทิลลี’ และพยายามท่องจำหนังสือเล่มนั้นทีละหน้า ทีละบท เหตุผลที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อคือสองสิ่ง นั่นคือ ได้กลับไปเจอทิลลีอีกครั้ง และเขียนหนังสือเล่มนั้นให้เสร็จ

แต่อย่างที่รู้ สุดท้ายแล้วความหวังของเขาก็พังทลาย ทิลลีจากไปแล้ว ไม่ใช่แค่เธอ แต่เป็นทุกคนที่เขารัก

วิคเตอร์มักบอกผู้ป่วยว่า ความทุกข์ไม่จำเป็นต้องเป็นความสิ้นหวัง หากมันมีเหตุผลที่จะอยู่ต่อไป ครั้งหนึ่งเขาเคยถามชายชราผู้เสียภรรยาว่า “ถ้าคุณเสียชีวิตก่อน ภรรยาจะเป็นอย่างไร”
“พระเจ้า… เธอคงทรมานมาก มันคงเลวร้ายสำหรับเธอ”

“เห็นไหมว่าความทุกข์ของคุณเจ็บปวด แต่คุณได้แบกรับมันแทนเธอแล้วไม่ใช่หรือ” ชายคนนั้นจึงพบเหตุผลใหม่ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ

วิคเตอร์จึงสรุปว่า “ความสิ้นหวังคือความทุกข์ที่ไร้ความหมาย แต่หากเรามองเห็นคุณค่า ความทุกข์ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต”

ซึ่ง อเล็กซานเดอร์ บัทธิอานี (Alexander Batthyány) ศาสตราจารย์และนักจิตวิทยาทางปรัชญาและจิตวิทยาเชิงปรัชญา และผู้อำนวยการ Viktor Frankl Institute และ Viktor Frankl Archives ในเวียนนา อธิบายแนวคิดของวิคเตอร์เพิ่มเติมว่า

“ทฤษฎีเหล่านี้มองมนุษย์เหมือนเกาะเล็ก ๆ ที่เอาแต่ถามว่า ‘ฉันรู้สึกยังไง?’ แต่ละเลยคำถามที่สำคัญกว่าอย่าง ‘ทำไมฉันถึงอยู่ที่นี่? และฉันจะทำประโยชน์อะไรได้บ้าง?’ ถ้าเรารู้คำตอบ ปัญหาอื่น ๆ ก็มักคลี่คลายไปเอง”

สิ่งที่วิคเตอร์พยายามตามหาเมื่อพูดว่า มนุษย์ไม่ต้องการสภาวะไร้แรงกดดัน ก็คือชีวิตไม่ควรถูกนิยามว่าเป็นการไขว่คว้าหาความสุขหรือความสบายอย่างเดียว ซึ่งมักเป็นสิ่งที่วัฒนธรรม “การพัฒนาตนเอง” สมัยใหม่ยึดถือ

 

เพราะรักจึงทำให้มนุษย์เข้าใจมนุษย์อีกคน

“ไม่มีใครจะสามารถเข้าถึงแก่นแท้ของอีกมนุษย์ได้อย่างแท้จริง เว้นเสียแต่ว่าเขาหรือเธอจะรักคนนั้นอย่างแท้จริง”

นี่คือถ้อยคำจาก Man’s Search for Meaning ผลงานสำคัญของวิคเตอร์ แฟรงเคิล ผู้ก่อตั้งโลโกเธอราพี (Logotherapy) วิธีการบำบัดที่แตกต่างจากแนวจิตวิทยาอื่น ๆ ตรงที่ยอมรับการดำรงอยู่ของจิตวิญญาณ แก่นแท้ซึ่งอยู่เหนือทั้งร่างกายและจิตใจ

สำหรับแฟรงเคิล มนุษย์ทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่อาจถูกแทนที่ได้ และภายในจิตวิญญาณนั้นยังซ่อนศักยภาพมากมายที่รอการปลดปล่อย หน้าที่ของนักบำบัด ครอบครัว หรือแม้แต่เพื่อนที่อยู่รอบข้าง จึงคือการช่วยให้ใครคนนั้นก้าวไปสู่ศักยภาพสูงสุดของตัวเอง

และกุญแจสำคัญที่แฟรงเคิลเชื่อว่าจะพามนุษย์ไปถึงจุดนั้น ก็คือ ความรัก

เขาเคยยกคำพูดของดอสโตเยฟสกีมาประกอบว่า “การรักใครสักคน หมายถึงการมองเห็นเขาในแบบที่พระเจ้าตั้งใจให้เขาเป็น” นั่นหมายถึงการมองเห็นกันและกันในฐานะมนุษย์ที่อยู่เหนือศาสนา เชื้อชาติ หรืออุดมการณ์ใด ๆ ความรักจึงไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่คือการเชื่อมโยงในระดับลึกที่สุด ที่ทำให้เรามองเห็น “ตัวตนแท้จริง” ของอีกฝ่าย

เพราะแฟรงเคิลเชื่อในเสรีภาพ เขาจึงเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิเปลี่ยนแปลงได้เสมอ บัทธิอานี (นักเขียนที่ศึกษาแฟรงเคิล) เคยเล่าว่า เขาเคยโต้ตอบกับ “ผู้ปฏิเสธความจริงเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” อยู่พักใหญ่ ด้วยความหวังว่าจะโน้มน้าวให้ชายคนนั้นยอมรับความโหดร้ายที่เขาเองประสบและเห็นมากับตา การพยายามเชื่อมต่อกับใครสักคนที่ปิดกั้นหัวใจเช่นนั้น ต้องการ “ความรัก” ในระดับที่สูงกว่าที่คนทั่วไปจะมอบให้ได้

“ความจริงที่ว่าความรัก คือเป้าหมายสูงสุดและยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์จะไขว่คว้าได้ … ความรอดพ้นของมนุษย์อยู่ที่ความรัก และในความรัก”

พร้อมทั้งย้ำว่า “สิ่งเดียวที่คุณไม่อาจพรากไปจากผมได้ คือวิธีที่ผมเลือกตอบสนองต่อสิ่งที่คุณทำกับผม เสรีภาพสุดท้ายของมนุษย์ คือการเลือกท่าทีของตนเองต่อทุกสถานการณ์ที่เผชิญ”

และเขายังเชื่อว่า สิ่งสำคัญไม่ใช่สิ่งที่เราคาดหวังจากชีวิต แต่คือสิ่งที่ชีวิตคาดหวังจากเรา แต่ละวัน แต่ละชั่วโมง ชีวิตกำลังตั้งคำถามกับเราอยู่เสมอ และคำตอบของเราต้องไม่ใช่เพียงถ้อยคำ แต่คือการกระทำที่ถูกต้อง การใช้ชีวิตอย่างมีความรับผิดชอบต่อภารกิจที่ชีวิตมอบหมายมาให้

ในกรอบคิดของโลโกเธอราพี เขาสรุปไว้ชัดเจนว่า “แรงจูงใจหลักของการมีชีวิตคือการค้นหาความหมาย” ความหมายที่แท้จริงมักเกิดขึ้นจากการอุทิศตนให้ผู้อื่น หรือจากการเสียสละเพื่อตอบแทนส่วนรวม

“ยิ่งมนุษย์ลืมตนเอง ด้วยการอุทิศเพื่อเป้าหมายหรือเพื่อใครสักคนที่เขารัก เขายิ่งเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และยิ่งเติมเต็มศักยภาพของตนเองได้”

หลังสงครามสิ้นสุด ในปี 1946 แฟรงเคิลได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพประสาทเวียนนา ก่อนจะเป็นศาสตราจารย์ด้านประสาทวิทยาและจิตเวชศาสตร์ยาวนานถึงอายุ 85 ปี เขายังดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาประสาทวิทยาของโรงพยาบาลโพลีคลินิกเวียนนาเป็นเวลา 25 ปี

ในชีวิตส่วนตัว เขาแต่งงานกับภรรยาคนที่สอง ‘เอลีโนเร ชวินด์ท์’ (Eleonore Schwindt) ในปี 1947 และมีลูกสาวหนึ่งคน ดร. กาเบรียลเล แฟรงเคิล-เวเซลี (Dr. Gabriele Frankl-Vesely)

วิคเตอร์ แฟรงเคิล : นักจิตวิทยาผู้รอดจากนาซี จนค้นพบความหมายของการมีชีวิตอยู่ผ่านแนวคิดโลโกเธอราพี

ผลงานและแนวคิดของเขาถูกยอมรับอย่างกว้างขวาง

  • เขียนหนังสือมากกว่า 30 เล่ม ที่ถูกแปลเป็นภาษาต่าง ๆ
     
  • ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ 29 ใบ จากมหาวิทยาลัยทั่วโลก
     
  • เป็นชาวต่างชาติคนแรกที่ได้รับรางวัล Oskar Pfister Prize อันทรงเกียรติจากสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน
     
  • เคยเป็นอาจารย์รับเชิญที่มหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด และ สแตนฟอร์ด รวมถึงมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ในพิตส์เบิร์ก ซานดิเอโก และดัลลัส
     
  • บรรยายที่มหาวิทยาลัยกว่า 209 แห่งใน 5 ทวีป
     
  • มหาวิทยาลัยนานาชาติสหรัฐฯ (California) ถึงกับจัดตั้งเก้าอี้ศาสตราจารย์พิเศษด้านโลโกเธอราพีขึ้นเพื่อเขาโดยเฉพาะ

ยิ่งไปกว่านั้น สมาคมแพทย์อเมริกัน สมาคมจิตแพทย์อเมริกัน และสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน ต่างยอมรับอย่างเป็นทางการว่า โลโกเธอราพี คือหนึ่งในสำนักบำบัดจิตที่มีฐานวิทยาศาสตร์รองรับ

แม้ชีวิตการงานเต็มไปด้วยผลงานที่ยิ่งใหญ่ แต่แฟรงเคิลก็ยังคงรักษาความเป็นมนุษย์ธรรมดา ๆ ผ่านงานอดิเรก เขารักการปีนเขา และเมื่ออายุ 67 ปีก็ยังสอบใบอนุญาตนักบินเดี่ยวได้สำเร็จ เส้นทางปีนเขาที่ยากบนเทือกเขา Rax และ Peilstein ยังถูกตั้งชื่อตามเขา อีกทั้งเขายังมีความสุขกับการสะสมเนกไทเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสมอ

วิคเตอร์ แฟรงเคิล : นักจิตวิทยาผู้รอดจากนาซี จนค้นพบความหมายของการมีชีวิตอยู่ผ่านแนวคิดโลโกเธอราพี

จนกระทั่งปี 1997 วิคเตอร์ แฟรงเคิล เสียชีวิตที่กรุงเวียนนา ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว ทิ้งไว้เพียงมรดกทางความคิดที่ยังคงถูกเล่าขานมาจนปัจจุบัน

เรื่องราวของเขาไม่ใช่เพียงบันทึกของผู้รอดชีวิตจากหายนะครั้งใหญ่ แต่คือหลักฐานว่ามนุษย์สามารถกอบกู้ความเป็นมนุษย์ของตัวเองกลับมาได้ แม้ท่ามกลางความมืดมิดที่สุดของประวัติศาสตร์

วิคเตอร์ แฟรงเคิล : นักจิตวิทยาผู้รอดจากนาซี จนค้นพบความหมายของการมีชีวิตอยู่ผ่านแนวคิดโลโกเธอราพี

 

อ้างอิง

About Viktor Frankl

The Life of Viktor E. Frankl

Viktor Emil Frankl 

Viktor Frankl's 'Search for Meaning' in 5 Enduring Quotes

What is Logotherapy?