26 เม.ย. 2564 | 17:04 น.

“อนันต์ (มือเบส) ลาออกจากการเป็นพนักงาน นั่นหมายถึงว่าแต่ละเดือนเราไม่รู้เลย คือมาทำฟอร์มวงไม่รู้ว่าจะรอดไม่รอดหรือเปล่า ก็ทิ้ง ทุกคนลาออก (เมธี) ลาออกจากการเป็นอาจารย์ เป็นอาจารย์นั่นหมายถึงอาชีพมั่นคงนะ เราออกเลย ทุบเลย แล้วก็ลุยไปข้างหน้า จับมือไปพร้อมกัน” จากวงดนตรีในชุดลูกเสือสำรองบนเวที Hotwave Music Awards ‘ลาบานูน’ ได้เซ็นสัญญากับค่าย ‘Music Bugs’ และออกอัลบั้มชุดแรก ‘นมสด’ พวกเขาคือวงร็อกสายเลือดไทยกลิ่นอายอาหรับ ที่ส่งเพลงฮิตมากมายเข้าจับจองพื้นที่ในหูและในใจคนไทยมาร่วมสองทศวรรษ The People ชวนสามสมาชิกวง ลาบานูน - เมธี อรุณ (ร้องนำและกีตาร์) อนันต์ สะมัน (มือเบส) และ ณัฐนนท์ ทองอ่อน (มือกลอง) คุยถึงการเปลี่ยนผ่านของชีวิต ครั้งที่คิดเลิกทำวงดนตรีจนเกือบตัดสินใจขายกีตาร์ยกชุด วันที่แยกย้ายกันไปประกอบอาชีพอื่น จนถึงวันที่ลาออกจากงานประจำมาเพื่อฟอร์มวงอีกครั้งเพราะความคิดถึงของแฟนเพลง และมีเพลงอย่าง ‘เชือกวิเศษ’, ‘แพ้ทาง’, ‘ศึกษานารี’ และ ‘พลังงานจน’ ที่ล้วนได้รับกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดสำหรับพวกเขา โดยเฉพาะเพลง ‘เชือกวิเศษ’ ที่ขึ้นแท่นเพลงที่ยอดวิวสูงสุด 500 ล้านวิวเพลงแรกของประเทศไทย ‘ลาบานูน’ กลายเป็นชื่อวงดนตรีที่ปรากฏบนเซตลิสต์ของ festival ใหญ่ ๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ ด้วยความมีเอกลักษณ์แต่ยังคงความเข้าถึงง่ายตามสไตล์วงเอาไว้ และในวันนี้พวกเขามีความฝันครั้งใหม่ว่าอยากจะทำวงดนตรีต่อไป และอยากให้ชื่อ ‘ลาบานูน’ อยู่ในใจคนฟังไปอีกนานแสนนาน The People: เล่าถึงเส้นทางดนตรีของแต่ละคนสักหน่อย เมธี: พวกเราลาบานูนอยู่ในวงการตั้งแต่ปี 2541 นั่นคือออกอัลบั้มแรกของลาบานูน จุดเริ่มต้นของพวกเราตรงนั้นคือเราประกวดปี 2540 เวที Hotwave Music Awards นั่นคือจุดเริ่มต้นของพวกเรา คือการประกวดมีเวทีหนึ่งเป็นเวทีที่ไว้ให้สำหรับเด็กมัธยมฯ ได้โชว์ความสามารถ แล้วก็ปี 2541 ได้ออกอัลบั้มชุดแรกชื่ออัลบั้มว่า ‘นมสด’ (00.49) ตอนนั้นคือมีความพร้อมไหม จริง ๆ หัวใจพร้อม หัวใจเต็มร้อยอยู่แล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เครื่องดนตรีไม่มี แต่หัวใจนี่เต็มร้อย โดยอาศัยยืมข้าง ๆ ยืมข้างหลังเวที อนันต์: มีกองกลางให้ เมธี: ใช่ ๆ มือกลองก็ถือไม้อย่างเดียว เราก็ขอให้มีปิ๊กกีตาร์อย่างเดียว ที่เหลือก็ยืมกีตาร์ใครก็ได้ขึ้นบนเวที ก็สนุกดี The People: เหตุการณ์ที่ทำให้ได้ออกอัลบั้มแรก เมธี: คือโชคดีของพวกเราลาบานูน ในเวทีนั้นมีค่ายเพลงหลาย ๆ ค่ายเป็นคณะกรรมการ มีค่ายเพลงนั้นค่ายเพลงนี้เยอะแยะไปหมดเลย นั่นหมายถึงว่าแต่ละค่ายเขาคงอาจจะมีอะไรบางอย่างเห็นพวกเราลาบานูน ตอนนั้นก็มีฝ่าย artist GRAMMY พี่เอก-ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ เขาเลยเรียกพวกเราลาบานูนมานั่งคุยกัน แล้วก็ถามว่าอยากจะออกอัลบั้มไหม อยากจะออกเทปไหม ถ้าอยากจะออกเทปก็ลองกลับไปเขียนเพลงดู เราก็กลับไปเขียนเพลงแล้วก็ไปนำเสนอ เขาจับพวกเราเซ็นสัญญาเลยได้ออกอัลบั้มเลย เมธี: ก็แต่งไปเรื่อย ๆ เยอะเหมือนกันนะ อนันต์: จากที่ไม่เคยทำก็กลับมาทำการบ้าน เมธี: ทำการบ้านของตัวเอง เริ่มเขียนเพลงเป็นของตัวเอง The People: เล่าความหมายชื่อวงสักหน่อย ทำไมถึงชื่อ ‘ลาบานูน’ เมธี: ที่มาของวงชื่อลาบานูน ก็เริ่มจากตอนประกวด Hotwave Music Awards นี่แหละ เราก็คิดกันว่าเราจะใช้ชื่ออะไรดี แล้วก็มีเพื่อนคนหนึ่งเขาตั้งชื่อหลายชื่อเลย หนึ่งในนั้นก็มีลาบานูน ก็เลยรู้สึกว่าเป็นชื่อที่เด่นดี แล้วก็ความหมายดี ซึ่งแปลว่านมสด นมมันอาจจะดูจืด แต่เวลาเรากินแล้วมีคุณค่า เพลงลาบานูนเป็นเพลงที่เรียบง่าย มีเครื่องดนตรีสด 3 ชิ้น ไม่ค่อยมีอิเล็กทรอนิกส์อะไรต่าง ๆ เมื่อก่อนเราแค่ชอบเล่นดนตรี 3 ชิ้นที่มีกีตาร์ เบส กลอง ดิบ ๆ ดี แต่อยากให้เป็นบทเพลงที่มีคุณค่าในตัวของมันด้วย นั่นแหละที่มาที่ไปของคำว่าลาบานูน The People: ประสบการณ์ตอนทำเพลงแรก อนันต์: ตอนนั้นเพลงที่เราเลือกเพลง ‘ยาม’ เป็นเพลงแรก จริง ๆ เนื้อเพลงเพลงนี้เป็นเพลงสุดท้ายเลยด้วย ในที่ประชุมเขาเคาะโต๊ะเป็นเพลงนี้นะเป็นเพลงแรก เมธี: เมื่อก่อนจำได้ว่าร้องว่า ...จากวันนั้นที่เคเอฟซี... อนันต์: เนื้อเก่า เมธี: เนื้อเก่า ...นัดเธอที่แมคโดนัลด์... เคเอฟซีกำลังดังมากตอนนั้น (หัวเราะ) อนันต์: คราวนั้นไปกินฟาสต์ฟู้ดกันอยู่ เมธี: ใช่ ๆ ท้ายสุดเนื้อเพลงก็เปลี่ยนมาเป็นยามที่รอคอยเธอ หวังให้เธอรักยามคนนี้ ไม่ได้ยินว่ารัก ถ้าเธอไม่รัก ฉันก็ไม่อยากจะไปไหน จะเฝ้าเป็นยามอยู่ตรงนี้แล้ว The People: ความรู้สึกหลังออกอัลบั้มชุดแรก อนันต์: โห เหมือนเด็กวัยรุ่นเด็กมัธยมฯ ได้ออกเทป ตอนนั้นจริง ๆ ไม่ได้คิดถึงเรื่องยอดขายอยู่แล้ว ตอนนั้นแค่ได้มีผลงานเป็นของตัวเอง ได้ออกเทป เหมือนที่เมธีบอกว่าได้ค่าแต่งทำนองแค่นี้ก็โอเค ได้ค่าอัด เราไม่ได้คาดหวังอะไร The People: ลาบานูนเป็นวงดนตรีที่มีกลิ่นอายอาหรับ มีที่มาไหมว่าทำไมถึงมีซาวนด์ที่เป็นเอกลักษณ์แบบนี้ เมธี: เขาเรียกว่าเป็นแนวดนตรีซาวนด์ดนตรีก็จะมีสเกล Harmonic จะออก Minor หน่อย ผมถนัดแต่งเพลงค่อนข้างจะ Minor หน่อย แล้วเรารู้สึกความเป็น Minor มันจะหม่น ๆ หน่อย แล้วก็จะมีความเพราะแบบสไตล์ Minor เกิดขึ้น อนันต์: เพลงเร็วก็จะสนุก ๆ เพลงช้าจะลึก ๆ หน่อย เมธี: แล้วเราก็จะใส่สเกล Harmonic ใส่นิดหนึ่ง มันก็จะออกเป็นอาหรับ ๆ หน่อย มันก็เลยเป็นเอกลักษณ์ของพวกเราลาบานูน จริง ๆ มันก็เป็นสเกล Minor แบบ Harmony ปะปนกันไป ใส่กันไป