สตางค์ ตริษา : ความสดใสที่แลกมาด้วยน้ำตาหมื่นลิตร กับบทสนทนาที่ทำให้เข้าใจคำว่ารัก จนอยากเรียกเธอว่าที่รัก…

สตางค์ ตริษา : ความสดใสที่แลกมาด้วยน้ำตาหมื่นลิตร กับบทสนทนาที่ทำให้เข้าใจคำว่ารัก จนอยากเรียกเธอว่าที่รัก…

'สตางค์-ตริษา ปรีชาตั้งกิจ’ ศิลปินจากค่าย kiddorecords ภายนอกดูสดใส แต่เบื้องหลังต้องเผชิญกับความเจ็บปวดและความกดดันอย่างหนัก แต่ทุกอย่างก็ผ่านมาได้เพราะมีครอบครัวให้การสนับสนุน

KEY

POINTS

บอกตามตรงว่าเรายังไม่เคยเจอใคร ที่มีรอยยิ้มสดใสได้เท่ากับ ‘สตางค์-ตริษา ปรีชาตั้งกิจ’ ศิลปินจากค่าย kiddorecords เพราะทุกครั้งที่เราถามคำถาม หญิงสาวตรงหน้าก็พร้อมส่งยิ้มกว้างกลับมาเสมอ

วันนี้เราอยากคุยกับเธอเรื่องความรักเป็นพิเศษ เพราะซิงเกิลใหม่ที่เพิ่งปล่อยอย่างเพลง ‘อยากเรียกที่รัก’ (Call Me Darling) ทำให้อยากเข้าใจมุมมองความรักของผู้หญิงคนนี้มากขึ้นไปอีกว่าใครกันนะที่จะได้รับคำว่า ‘ที่รัก’ จากสตางค์

แต่ระหว่างที่บทสนทนาดำเนินไป เรากลับได้เห็นอีกด้านหนึ่งของเธอ ด้านที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากการเดินอยู่ท่ามกลางแสงสีของวงการบันเทิง แต่เธอคนนี้กลับเลือกจะเก็บพลังงานลบ ๆ เอาไว้กับตัวเอง ไม่ขอทำให้ใครรู้สึกหม่นเพราะเธอเป็นอันขาด

วิธีการบำบัดความเศร้าของสตางค์ คือการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดกล้อง เลื่อนไปโหมดวิดีโอ กดอัดคลิป และปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอพูดไม่เป็นภาษา เล่าระบายความอัดอั้นที่เจอมาทั้งหมดให้ผู้หญิงที่ปรากฎอยู่ในหน้าจอโทรศัพท์ฟัง 

ผู้หญิงคนที่ไม่เคยตอบกลับ 

ไม่มีคำปลอบ 

ไม่มีอ้อมกอด 

มีเพียงเสียงสะอื้นไห้ที่ดังชัดอยู่ในโสตประสาท 

หลังจากทุกอย่างสงบลง เธอก็กลับมาเป็นสตางค์-ตริษาที่สดใสอีกครั้ง เก็บความคิดและประสบการณ์เลวร้ายฝังลงในคลังภาพส่วนตัว และหากวันไหนใจซึมจนเกินทน เธอก็จะหันไปพึ่งพาธรรมะ หวังจะช่วยปลดเปลื้องเรื่องทุกข์ใจให้เบาลงอีกทางหนึ่ง 

ใช่, ฟังไม่ผิด หญิงสาวที่เพิ่งผ่านวันเกิดอายุ 22 ปี ไปเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา บอกกับเราอย่างนั้น แต่เธอคนนี้ก็ยังคงส่งพลังความสดใสให้คนรอบตัวอยู่ตลอด แม้ว่าเรื่องที่เธอเล่าจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม

The People พูดคุยกับ สตางค์-ตริษา ศิลปินสาวผู้เชื่อในพลังของความสุข และอยากส่งต่อความสดใสให้ทุกคนผ่านเสียงดนตรีและการแสดง แม้ในใจลึก ๆ จะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม

สตางค์ ตริษา : ความสดใสที่แลกมาด้วยน้ำตาหมื่นลิตร กับบทสนทนาที่ทำให้เข้าใจคำว่ารัก จนอยากเรียกเธอว่าที่รัก…

01 - รักแรกพบ

สตางค์-ตริษาเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน เธอเติบโตท่ามกลางความรัก มีพ่อกับแม่คอยอยู่เคียงข้างเสมอ ถึงทั้งสองจะไม่ได้มีความถนัดด้านการร้องเพลง ไม่ได้มีสายเลือดศิลปิน ไม่เข้าใจว่าการใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางแสงไฟสปอร์ตไลท์จะเป็นอย่างไร และดูเหมือนจะมีเพียงคุณตาคนเดียวเท่านั้นที่ดูชื่นชอบการร้องเพลงมากที่สุดแล้ว แต่พวกท่านก็ยังคงส่งแรงเชียร์ให้ลูกสาวกล้าทำตามฝันอยู่ไม่ห่าง

หากจะบอกว่านี่คือรักแรกพบของสตางค์ก็คงไม่ผิดมัก เพราะคงไม่มีรักครั้งไหนจะยอมเสียสละเพื่ออีกคนได้ถึงขนาดนี้ รักที่ปราศจากเงื่อนไข รักที่พร้อมอยู่ในทุกช่วงเวลาของชีวิต รักที่จะอยู่เคียงข้างกันจนวันสุดท้ายของชีวิต

และเพราะรัก จึงทำให้พวกท่านยังคงสนับสนุนความฝันของสตางค์ แม้ในใจจะอยากให้ลูกสาวเปลี่ยนเส้นทางชีวิต เลือกทางเดินที่ทรมานน้อยกว่านี้หน่อย เพราะไม่อยากเห็นเธอต้องทุกข์ใจอีกแล้ว

สตางค์ ตริษา : ความสดใสที่แลกมาด้วยน้ำตาหมื่นลิตร กับบทสนทนาที่ทำให้เข้าใจคำว่ารัก จนอยากเรียกเธอว่าที่รัก…

แต่สตางค์ก็คือสตางค์ เธอแกร่งกว่าที่คิด ไม่ว่าจะมีอีกกี่เรื่องเลวร้ายเข้ามา หญิงสาวคนนี้ก็พร้อมเผชิญโดยไม่หวั่นเกรง 

ส่วนความชอบด้านการร้องเพลงของสตางค์เริ่มขึ้นตอนอายุ 9 ขวบ หลังจากดูรายการประกวดร้องเพลงผ่านทางโทรทัศน์ และเห็นว่าเสียงเพลงทำให้ผู้คนมีความสุขได้ขนาดไหน เธอจึงเริ่มคิดถึงความสุขของคนอื่นมานับตั้งแต่วินาทีนั้น

“ตอนนั้นเราอายุเก้าขวบ แรก ๆ พ่อกับแม่ก็สนับสนุน ลูกอยากทำอะไรก็ให้ทำ แต่ว่าพอทำไปถึงจุดนึงตอนที่ประกวดไปเรื่อย ๆ แล้วก็จะมีช่วงที่เราทำไม่ได้บ้าง ผิดหวังบ้าง เห็นเราท้อบ้าง ป่าป๊ากับหม่าม้าก็มองว่าหรือเราอาจจะไม่เหมาะกับทางนี้ ลองเปลี่ยนไปทางอื่นดูมั้ย เป็นหมอมั้ย จะได้ไม่ต้องประกวดร้องเพลงแล้ว”

สตางค์ ตริษา : ความสดใสที่แลกมาด้วยน้ำตาหมื่นลิตร กับบทสนทนาที่ทำให้เข้าใจคำว่ารัก จนอยากเรียกเธอว่าที่รัก…

แต่สุดท้ายสตางค์ก็พิสูจน์ตัวเองให้ที่บ้านเห็น จนพวกท่านยอมให้ลูกสาวเดินบนเส้นทางนี้ต่อ

“มันมีช่วงที่เรารู้สึกเครียด กดดันทุกอย่าง แต่ก็พยายามปลอบใจตัวเองว่าเราต้องผ่านไปได้” เธอเล่าพลางนิ่งคิด 

เราเลยอดถามไปไม่ได้ว่าคนที่สดใสอย่างสตางค์ปกติแล้วร้องไห้บ้างหรือเปล่า

“ไม่เลย” เธอบอก

“ปกติไม่ร้องไห้ เพราะเราก็มีภูมิต้านทานอยู่ประมาณนึง อีกอย่างคือเราจะไม่กล้าพูดกับคนอื่นเพราะรู้สึกว่าไม่อยากให้เขาเครียด เลยจะมีวิธีที่แปลกนิดนึง (หัวเราะ) คืออัดคลิปร้องไห้ ระบายใส่ในมือถือเอาไว้ เพื่อให้เราได้พูดกับใครสักคน แต่ว่าก็ไม่อยากให้คนอื่นได้รับสิ่งไม่ดี”

“ช่วงนั้นมันเหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมา” เธอย้อนความทรงจำ

“เราอาจจะเป็นเด็กด้วย มองแค่ว่าชีวิตเรามีแค่ตรงนั้น ไม่ได้มองโลกให้กว้าง แค่รู้สึกว่าตอนนั้นน่ะ สิ่งที่เราทำอยู่คือความหวังของฉันทั้งหมด พอไปไม่ถึงฝันมันก็เลยหนัก ร้องไห้หนักมาก แต่เราก็รู้สึกว่าเราต้องฮึบสู้ต่อนะ มันก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งที่เรารู้สึกท้อ ท้อมันก็ท้อได้อยู่แล้ว แต่อย่าถอย ต้องทำต่อไปให้ได้ 

สตางค์ ตริษา : ความสดใสที่แลกมาด้วยน้ำตาหมื่นลิตร กับบทสนทนาที่ทำให้เข้าใจคำว่ารัก จนอยากเรียกเธอว่าที่รัก… สตางค์ ตริษา : ความสดใสที่แลกมาด้วยน้ำตาหมื่นลิตร กับบทสนทนาที่ทำให้เข้าใจคำว่ารัก จนอยากเรียกเธอว่าที่รัก… “เวลามีเรื่องอะไรเราก็เล่าที่ป่าป๊าหม่าม้าฟังตลอด แล้วโชคดีที่เขาเข้าใจ ว่าเราอยากทำสิ่งนี้ เขาก็ซัพพอร์ตเรา ให้โอกาสเราได้ทำ ที่ผ่านมาก็จะคอยไปรับไปส่งตลอด หรือว่าเวลาที่เหนื่อยก็ยังให้กำลังใจเรา ถ้าไม่มีพ่อแม่นี่เราน่าจะเคว้งมาก ไปต่อไม่ถูก”

ในฐานะลูกสาวคนเดียวของบ้าน เวลามีเรื่องอะไรไม่สบายใจเธอก็มักจะเล่าให้ที่บ้านฟังอยู่เสมอ เพราะเธอมองว่าหากวันหนึ่งเธอไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว อย่างน้อย ๆ พ่อกับแม่ก็ยังเป็นคนที่จดจำทุกเรื่องราวของลูกสาวคนนี้ได้

“เราคิดว่าถ้าวันไหนเราตายไปน่ะ อย่างน้อย ๆ การที่เราเล่าให้เขาฟังทุกเรื่อง เขาจะได้รู้เรื่องของเราทั้งหมด รู้ว่าเราต้องการอะไร คิดอะไร ไม่งั้นถ้าเราจากไปเขาก็ไม่รู้ความคิดของเราที่ผ่านมาเลย เราไม่อยากให้เป็นแบบนั้น 

“ทุกวันนี้มีอะไรก็เลยเล่าให้ฟังตลอด คุยทุกเรื่อง อีกอย่างเราเองก็อยากใช้ชีวิตทุกวันให้คุ้มค่าที่สุด เลยมองว่าเรื่องความตายมันไม่แน่นอน อย่างบางวันเราทำงานแล้วพักผ่อนน้อยมาก ๆ เวลาป่วยก็ทรมาน เลยมีความคิดเรื่องความตายขึ้นมาอยู่บ่อย ๆ ว่าถ้าวันไหนเราตายไป เราก็อยากให้การตายของเรามันไม่สูญเปล่า เพราะที่ผ่านมาเราทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว”

สตางค์ ตริษา : ความสดใสที่แลกมาด้วยน้ำตาหมื่นลิตร กับบทสนทนาที่ทำให้เข้าใจคำว่ารัก จนอยากเรียกเธอว่าที่รัก…

02 - เพราะ ‘รัก’ จึงอยากเปลี่ยนแปลง 

นอกจากการเป็นศิลปินแล้ว อีกหนึ่งบทบาทของสตางค์ คือ การขึ้นมารับตำแหน่ง Miss Tourism World Bangkok ทูตการท่องเที่ยวและทูตการกีฬา เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ประจำปี 2025 ซึ่งเธอเองก็ยอมรับว่าอาจดูเป็นเส้นทางชวนสับสน แต่พอได้เข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ก็เปิดโลกอยู่ไม่น้อย

“ดูแบบงง ๆ นิดนึง (หัวเราะ) เราเองก็งง ๆ ตอนที่จะได้รับการคัดเลือก เพราะว่าตอนนั้นเขาก็มีการคัดคนเพื่อที่จะมาเป็นทูตด้านต่าง ๆ ซึ่งทูตเองก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่เราใฝ่ฝันเหมือนกัน แต่เราก็ไม่คิดหรอกว่าจะได้มีโอกาสเข้าไปทำ” 

สตางค์เล่าว่าการเข้าไปเป็นทูตการท่องเที่ยวและทูตการกีฬาได้นั้น ต้องฝ่าฟันสารพัดด่าน ทั้งประวัติ ผลงาน รวมถึงความสามารถขั้นเทพ แถมยังต้องแข่งขันกับคนจากหลากหลายอาชีพ ทำให้เธอเองก็รู้สึกกดดันไม่น้อย แต่สุดท้ายความพยายามของเธอก็เกิดผล เมื่อคณะกรรมการต่างเล็งเห็นว่าสาวน้อยคนนี้เหมาะกับตำแหน่งมากที่สุด

นอกจากการท่องเที่ยวแล้ว ยังมีคำว่ากีฬาต่อท้ายมาด้วย แล้วสตางค์มีความเกี่ยวข้องยังไงกับกีฬา ― เราถาม 

เธอเล่าให้ฟังว่า สมัยยังเป็นเด็ก นอกจากเป็นนักร้องตามเวทีประกวดแล้ว เธอยังร้องเพลงให้กับสมาคมมวยไทย จึงทำให้โปรไฟล์ของเธอยิ่งโดดเด่นขึ้นไปอีก 

“เรื่องของกีฬาเราจะทำการโปรโมทด้านมวยไทย ซึ่งเราเองก็มีความเกี่ยวข้องกับกีฬาชนิดนี้อยู่พอสมควร เคยไปร้องเพลงให้สมาคมมวยไทย เราก็เลยได้รับหน้าที่เข้ามาช่วยโปรโมทมวยไทย ซึ่งเป็นกีฬาประจำชาติให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก”

สตางค์ ตริษา : ความสดใสที่แลกมาด้วยน้ำตาหมื่นลิตร กับบทสนทนาที่ทำให้เข้าใจคำว่ารัก จนอยากเรียกเธอว่าที่รัก…

อีกอย่างการเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ของสตางค์ เธอยังมีความฝันที่จะผลักดันให้เกิดพื้นที่กรีนสเปซเพิ่มขึ้นในตัวเมือง เธออยากเห็นกรุงเทพฯ มีอากาศบริสุทธิ์ไว้หายใจ อยากเห็นเมืองที่ทุกคนสามารถใช้ชีวิตโดยไม่ต้องกังวลว่าอากาศที่ใช้หายใจในทุกวัน จะนำพาโรคร้ายอะไรตามมาในภายหลัง 

“เราเกิดที่กรุงเทพฯ ภาพที่เราเห็นคือเมืองเริ่มมีมลภาวะมากขึ้นเรื่อย ๆ อากาศที่ควรจะใช้หายใจได้อย่างสบายใจมันไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว เลยอยากจะผลักดันให้เกิดพื้นที่กรีนสเปซ อยากเห็นเมืองที่มีต้นไม้เยอะ ๆ แต่ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราเพียงอย่างเดียว การทำหน้าที่ตรงนี้จะต้องผ่านการประชุมหารือกันหลายฝ่าย เป็นอะไรที่จริงจังมาก ๆ

“ตอนที่เริ่มเข้ามาทำหน้าที่นี้ยอมรับว่าตกใจเหมือนกัน เพราะเป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี เรามองว่าการได้อยู่ตรงนี้ ถ้าเราสามารถช่วยเหลือหรือมอบอะไรดี ๆ ให้ใครได้บ้าง เราก็อยากทำเต็มที่อยู่แล้ว 

“เพราะการได้เห็นคนอื่นมีความสุขจากสิ่งที่เราทำ มันคือความสุขของเราเหมือนกัน ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทของศิลปิน หรือนักแสดง เราก็อยากให้คนที่ได้ติดตามเรารู้สึกดี รู้สึกมีความสุขกับสิ่งที่เราตั้งใจทำ เราเลยยึดเรื่องของการส่งต่อความสุขเป็นเหมือนหัวใจสำคัญเป็นแกนหลักของชีวิต อยากแบ่งปันความสุขเล็ก ๆ ของเราให้กระจายไปถึงทุกคนเท่าที่จะทำได้”

สตางค์ ตริษา : ความสดใสที่แลกมาด้วยน้ำตาหมื่นลิตร กับบทสนทนาที่ทำให้เข้าใจคำว่ารัก จนอยากเรียกเธอว่าที่รัก…

03 - อยากเรียกที่รัก

ความรักสำหรับบางคนอาจเป็นเรื่องซับซ้อน เต็มไปด้วยการคาดหวังและความไม่แน่นอน แต่สำหรับสตางค์ เธอมองว่าความรักคือสิ่งเรียบง่ายที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะมนุษย์ทุกคนเกิดมาย่อมควรค่าแก่การถูกรัก ไม่ว่าพวกเขาคนนั้นจะมาจากที่ไหน หรือผ่านชีวิตมาแบบใดก็ตาม

คำว่า ‘ที่รัก’ สำหรับเธอจึงไม่จำกัดอยู่ในกรอบของความสัมพันธ์ใด ๆ แต่เป็นถ้อยคำที่ใช้โอบรับทุกหัวใจที่ยังเชื่อในความอบอุ่นเล็ก ๆ ระหว่างคนกับคน

“เรามองว่าทุกคนควรค่าแก่การถูกเรียกว่า ‘ที่รัก’ ทั้งหมดเลย

“แต่ถ้าในมุมความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนที่รักกัน คนที่เราจะเรียกเขาว่าที่รักได้ คนคนนั้นจะต้องเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง ซื่อสัตย์กับเรา เป็นใครก็ได้เลยที่สามารถเข้ากับเราได้ อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข แค่นี้เลย

“แต่สำหรับเรานะ ความรักในอุดมคติไม่มีอยู่จริงหรอก เพราะชีวิตส่วนหนึ่งของเราอยู่กับธรรมะ ทำให้เข้าใจว่ามนุษย์เรามีทั้งรัก โลภ โกรธ หลง จะให้คนคนหนึ่งรู้สึกอย่างเดียวไปตลอดเป็นไปไม่ได้ สมมติว่ารักกันมาสิบปี ก็ต้องมีทะเลาะกันบ้าง มันไม่ใช่ว่าจะต้องหวานชื่นกันตลอดเวลา”

สตางค์ ตริษา : ความสดใสที่แลกมาด้วยน้ำตาหมื่นลิตร กับบทสนทนาที่ทำให้เข้าใจคำว่ารัก จนอยากเรียกเธอว่าที่รัก…

แม้เธอจะไม่เชื่อในรักอุดมคติ แต่สตางค์ยังเชื่อในพลังของความรู้สึกจริงใจ และซิงเกิลใหม่ของเธอ ‘อยากเรียกที่รัก’ (Call Me Darling) ก็เปรียบเหมือนบทต่อของเรื่องราวจากเพลงก่อนหน้า ‘ยังไม่มีหรอก… แฟน’ (Single, please flirt.) ครั้งนี้เธอถ่ายทอดความรู้สึกของคนที่มีใครบางคนอยู่ในใจ แต่อาจยังไม่กล้าบอกตรง ๆ จึงเลือกจะพูดผ่านเสียงเพลงแทน

“เพลงอยากเรียกที่รัก มันเหมือนเราอยากพูดกับใครสักคนว่า ‘เราอยากเรียกเธอว่าที่รักนะ’ แต่ก็แอบเขิน ไม่รู้ต้องทำยังไงให้เขาชอบเรา อยากให้เขารู้ว่าเรารู้สึกยังไง อยากส่งความจริงใจไปให้คนที่เราชอบได้รู้

“แล้วก็ในเพลงนี้ เราอยากให้คนที่มาฟัง เขารู้สึกกล้าที่จะพูด กล้าที่จะแสดงออก ไม่ว่าจะเพศไหนก็ตาม เพราะความรักมันไม่จำเป็นต้องมีกฎว่าต้องมาจากฝ่ายไหนก่อน เราแค่รู้สึกดีต่อกัน มันก็เพียงพอแล้ว”

เพราะความกล้าก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สตางค์เคยหลงลืมไปเหมือนกัน เธอเองเคยเป็นคนไม่กล้า ไม่มั่นใจในตัวเองจนพลาดโอกาสหลายครั้ง “เมื่อก่อนเราเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองมาก ๆ ไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดงออก ทั้งที่ในใจก็อยากพูดออกไป แต่สุดท้ายมันก็แค่ความกลัวที่ทำให้เราพลาด แล้วก็กลับมาเสียดายทีหลังว่า โอกาสแบบนั้นมันไม่มีวันย้อนกลับมาอีกแล้ว”

“ก็เลยเขียนเพลงเกี่ยวกับความกล้าขึ้นมา คอยเตือนตัวเองตั้งแต่เด็กเลยว่าชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะกลัว แปะเอาไว้กลางอกเลยว่า ‘หยุดกลัว ลองทำดูก่อน’ เตือนสติตัวเองให้กล้าทำ กล้าลอง ต่อให้ผลมันจะไม่เป็นอย่างที่คิด แต่อย่างน้อยเราก็ได้ลองทำ ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลังว่า ‘รู้งี้’ เพราะโอกาสที่ผ่านเข้ามาบางทีมันผ่านไปแล้วก็ผ่านไปเลย ไม่มีวันย้อนกลับมาอีกเป็นครั้งที่สอง”

ก่อนจะจบบทสนทนา เราอยากรู้ว่า นอกจากความสุขที่สตางค์คอยมอบให้คนอื่นแล้ว คำว่า ‘รักตัวเอง’ สำหรับเธอหมายถึงอะไร เป็นความรักแบบไหนกันแน่ที่ทำให้เธอคนนี้ ยังคงความสดใสได้ในทุก ๆ วัน

สตางค์บอกว่าสำหรับเธอ การรักตัวเองคือการลงไปสำรวจภายในจิตใจ ถามไถ่ตัวเองอยู่เสมอว่าสิ่งที่ผ่านเข้ามาในแต่ละวันนั้น ทำให้ทุกข์ใจมากแค่ไหน และพยายามหาพื้นที่เล็ก ๆ ให้ตัวเองได้หลบไปพักใจ เพียงเท่านี้ก็กอบกู้ใจที่แหลกสลายให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

“เราว่าการรักตัวเองคือการมีพื้นที่ในใจ เวลามีอะไรมากระทบ เราควรมีมุมเล็ก ๆ ไว้ฮีลตัวเอง  สมมติว่าอกหัก ก็ยังมีพื้นที่ให้เรารักษาใจตัวเองอยู่ เราว่านี่แหละคือการรักในแบบของเรา”

‘อยากเรียกที่รัก’ จึงไม่ใช่แค่เพลงสารภาพรักของใครคนหนึ่ง แต่คือบทเพลงแห่งการเติบโต ที่ชวนให้คนฟังกล้าที่จะรัก กล้าที่จะพูด และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง ผ่านพลังความสดใสและหัวใจที่ซื่อสัตย์ แม้ในวันที่หัวใจเปียกชื้นด้วยน้ำตาก็ตาม

สตางค์ ตริษา : ความสดใสที่แลกมาด้วยน้ำตาหมื่นลิตร กับบทสนทนาที่ทำให้เข้าใจคำว่ารัก จนอยากเรียกเธอว่าที่รัก…

เรื่อง : วันวิสาข์ โปทอง

ภาพ : พิชญุตม์ คชารักษ์