03 ธ.ค. 2568 | 17:50 น.

KEY
POINTS
ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างจีนและญี่ปุ่นกำลังบานปลายหนักจนกระทบทุกความสัมพันธ์ทวิภาคี หลังจากรัฐบาลจีนออกประกาศเตือนพลเมืองให้ระมัดระวังการเดินทางไปญี่ปุ่น ไม่เพียงกระทบประชาชนที่วางแผนเดินทางไปต่างแดน แต่ยังกระทบศิลปิน นักร้อง และนักแสดงชาวญี่ปุ่นที่กำลังจะจัดงานแสดงในจีนด้วย เมื่อการแสดงที่วางแผนไว้อย่างดีทยอยถูกยกเลิกหรือเลื่อนวันจัดออกไปอย่างไม่มีกำหนดทีละรายการ
นักร้องหญิงระดับตำนานของญี่ปุ่น ‘อายูมิ ฮามาซากิ’ (Ayumi Hamasaki) ที่มีผลงานเพลงฮิตจากเพลง Seasons (2000), M (2000), Dearest (2001), H (2002) เองก็ไม่เว้น ความขัดแย้งระหว่างประเทศทำให้คอนเสิร์ตที่เธอวางแผนจัดที่เซี่ยงไฮ้ ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2025 ต้องยกเลิกก่อนวันแสดงเพียงวันเดียว แม้แฟน ๆ จะจ่ายเงินซื้อบัตรเต็มความจุสนาม Shanghai Oriental Sports Center แล้วก็ตาม ด้วยเหตุผล ‘Force Majeure’ หรือ ‘เหตุสุดวิสัยที่ไม่อาจควบคุมได้’ แต่ทุกคนต่างเชื่อว่าเพราะ ‘การเมือง’ นี่แหละเป็นตัวแปรสำคัญ
แต่แทนที่เธอจะเลิกจัดไปแบบเงียบ ๆ ในวันงานจริง เธอกลับตัดสินใจขึ้นโชว์จัดเต็มตามกำหนดเดิมราวกับมีผู้ชมนับหมื่นนั่งเต็มทุกที่นั่ง แม้ทั้งอารีน่าจะว่างเปล่าตลอดความยาวกว่า 2 ชั่วโมง เมื่อภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวเผยแพร่ออกไป นำมาซึ่งเสียงชื่นชมจากผู้คนทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ว่าเธอช่างเปี่ยมไปด้วยสปิริตของความเป็นตัวแม่แห่งวงการ J-Pop ตัวจริง เสียงจริง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องกล่าวถึงควบคู่กันก็คือ ‘อายู’ อาจแตกต่างจากศิลปินญี่ปุ่นหลายคนที่ไปโชว์ในจีน ตรงที่ชื่อของเธอในบ้านเกิดอาจไม่ได้เป็นบิ๊กเนมเหมือนเมื่อในอดีต แต่เพราะแฟน ๆ ชาวจีนที่ยังรัก เทิดทูน และอุดหนุนผลงานของเธออย่างล้นหลาม ทำให้เธอสามารถกลับมายืนหยัดในวงการบันเทิงช่วงหลายปีมานี้นั่นเอง
ความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินหญิงคนหนึ่งกับแฟนเพลงที่อยู่อีกฟากฝั่งของทะเลลึกซึ้งเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด ในขณะเดียวกันยังสะท้อนความเศร้าออกมาอีกว่า ความขัดแย้งทางการเมืองกลับพรากความผูกพันทางวัฒนธรรมและอารมณ์ที่สั่งสมมากว่าสิบปีไปได้ เพียงเพราะความแตกต่างทางเชื้อชาติและผลประโยชน์ทางการเมือง
อายู เกิดเมื่อปี 1978 ที่เมืองฟุกุโอกะ ก่อนจะก้าวมาเป็นราชินีแห่ง J-Pop เธอเข้าสู่วงการบันเทิงในฐานะนางแบบรุ่นเยาว์ เคยเล่นหนังและซีรีส์ในบทสมทบเล็ก ๆ รวมถึงเคยใช้ชื่อ ‘AYUMI’ ออกอัลบั้ม NOTHING FROM NOTHING ร่วมกับวงฮิปฮอป Zingi ด้วย แต่ไม่ประสบความสำเร็จนัก
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นตอนเธออายุประมาณ 17 ปี เมื่อเธอได้พบกับ ‘แม็กซ์ มัตสึอุระ’ (Max Matsuura) ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูงของค่าย Avex ที่มองเห็นแววความเป็นศิลปินในตัวเธอ จึงลงทุนทั้งเงินไม่น้อยและเวลานานกว่า 2 ปีพัฒนาทักษะความเป็นนักร้องเพิ่มเติม พร้อมปรับภาพลักษณ์เธอใหม่ ก่อนเดบิวต์เป็นนักร้องเดี่ยวในสังกัด Avex อย่างเป็นทางการเมื่อ 8 เมษายน 1998 ขณะอายุ 19 ปี ด้วยซิงเกิ้ลแรก poker face แล้วกลายเป็นเพลงติดหูผู้คนทันที
Avex ไม่เพียงแค่ป้อนงานร้อง แต่ยังมีงานถ่ายแบบนิตยสาร งานโฆษณาทางทีวี และอื่นๆ อีกมากมายจนเธอยิ่งเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ซิงเกิ้ลเพลงของเธอก็คงคุณภาพ ติดชาร์ตอันดับสูงๆ ไม่มีตก ก่อนที่อัลบั้มเต็มชุดแรก A Song for ×× จะเปิดตัวในปี 1999 แล้วคว้าอันดับ 1 บนชาร์ต Oricon พร้อมทำยอดขายทะลุ 1 ล้านชุด
แต่อัลบั้มที่ส่งเธอกลายเป็นศิลปินแถวหน้าของญี่ปุ่นเต็มตัวจริงๆ คืออัลบั้มที่ 2 อย่าง Loveppears ซึ่งสร้างเสียงฮือฮาด้วยภาพปกที่ใช้ภาพเปลือยท่อนบน และมีผมปิดหน้าอกของเธอ แต่ความหวือหวาภายนอกไม่ได้กลบคุณภาพเพลงข้างใน ที่ได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนๆ และนักวิจารณ์มากกว่าอัลบั้มแรกเสียอีก แล้วทำยอดขายได้สูงถึง 2.5 ล้านชุด
จุดเด่นในเพลงของเธอนอกจากเสียงร้อง ยังมาจากเนื้อเพลงที่เธอเขียนจากประสบการณ์ชีวิตจริงของเธอ ที่ทั้งสร้างแรงบันดาลใจและช่วยปลอบโยนจิตใจวัยรุ่นหญิงจำนวนมาก ที่กำลังอยู่ในวัยอยากลองอยากเรียนรู้ และถือเป็นคนที่ทำให้กระแสการแต่งตัว แต่งหน้าแบบ Gal (ทำผิวแทน ย้อมผมสีอ่อน แต่งหน้าโทนเข้ม ๆ) ได้รับความนิยมในหมู่นักเรียนหญิงชั้นมัธยมทั่วประเทศด้วย
ปลายปีเดียวกัน อายู ได้รับเลือกให้ขึ้นแสดงในงานขาว-แดง หรือ NHK Kōhaku Uta Gassen รายการโชว์ปิดปีที่หากใครได้รับเกียรติให้ไปออกรายการนี้ หมายความว่าผลงานที่ผ่านมาทั้งปีเข้าตาผู้คนเหนือใคร ยิ่งตอกย้ำความสำเร็จของเธอในปีนั้นได้อย่างดี
แต่ช่วงที่ถือเป็นจุดพีคสุดในอาชีพของเธอเกิดขึ้นระหว่างปี 2000-2003 เมื่อผลงานเพลงของเธอทุกชุดในช่วงนี้ขึ้นสู่อันดับ 1 ของชาร์ต Oricon อย่างต่อเนื่อง อัลบั้มอย่าง Duty (2000), I am... (2002) และ RAINBOW (2002) ต่างทำยอดขายระดับ 1 ล้านชุดขึ้นไป รวมทั้งยังมีอัลบั้มรวมฮิต A BEST ที่วางขายท้าชนกับอัลบั้มใหม่ของ ‘อูทาดะ ฮิคารุ’ ชื่อ Distance พอดี ก่อนที่สุดท้ายอัลบั้ม A BEST จะทำยอดขายได้มากกว่า 4 ล้านชุด!
นอกจากจะวัดความสำเร็จจากยอดขาย อีกสิ่งที่ยืนยันความเป็นปรากฏการณ์ของเธอก็คือการคว้ารางวัลมากมาย อาทิ Japan Record Award ที่ได้ 3 ปีติดระหว่างปี 2001-2003 จากผลงานเพลง Dearest (2001) Voyage (2002) และ No Way to Say (2003) เป็นศิลปินคนแรกที่คว้ารางวัลใหญ่นี้ 3 ปีซ้อนในประวัติศาสตร์
ด้วยผลงาน วัย และพลังที่กำลังพีค ใคร ๆ ต่างก็คิดว่าโมเมนตั้มของ อายู น่าจะยืนระยะอยู่บนโพเดี้ยมได้อีกเป็น 10 หรือ 20 ปี แต่แล้วก็เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในค่ายเพลง Avex และสภาพตลาดเพลงญี่ปุ่นที่เธอไม่คาดคิดมาก่อน
ในปี 2004 บริษัท Avex เกิดการเมืองภายใน (Avex Coup) เนื่องจากแนวทางของผู้บริหารระดับสูงระหว่าง ‘แม็กซ์’ กับ ‘ทอม โยดะ’ เห็นไม่ตรงกันว่าจะพาองค์กรเดินหน้าไปในทิศทางไหนดี ระหว่างการโฟกัสที่คุณภาพศิลปินและดนตรีตามแนวทางที่เคยทำมาตลอด กับการรีแบรนด์บริษัทไปสู่อีกทิศทางหนึ่ง
แน่นอนว่าในฐานะที่ แม็กซ์ เป็นผู้ปลุกปั้นเธอเป็นดาว เธอจึงสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ ก่อนที่การยึดอำนาจแบบเบ็ดเสร็จในบริษัทจะจบลงด้วยชัยชนะของ แม็กซ์ แต่มันก็ทำให้ความคาดหวังและความกดดันของค่ายจะตกมาอยู่ที่ อายู ด้วยว่าจะต้องผลิตผลงานชั้นดีออกมาอยู่เสมอ เพื่อพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเธอคือสิ่งที่ถูกต้อง ก่อนจะพบว่าบริบทของวงการเพลงญี่ปุ่นในช่วงกลางยุค 2000s กำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่ทิศทางใหม่
ทั้งแนวเพลงใหม่ วิธีทำการตลาดแบบใหม่ การวัดยอดขายแบบเดิมที่จะอาศัยแค่ยอดขายแผ่นเพลงไม่ได้แล้ว แต่เริ่มมีออนไลน์เข้ามาเกี่ยวข้องเยอะขึ้น รวมถึงวิธีการปั้นศิลปินกลุ่มไอดอลรุ่นใหม่ นำโดยไอดอลที่เข้าถึงง่าย (Idols You Can Meet) อย่าง AKB48 และการตีตลาดของศิลปิน K-Pop จากเกาหลีใต้
นอกจากนั้นยังมีนักร้องหญิงพลังเสียงดี และน่าดึงดูด เช่น โคดะ คุมิ ผู้อยู่ต้นสังกัด Avex เช่นเดียวกับเธอ รวมถึง นามิเอะ อามุโระ ที่ถือเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งคนสำคัญในเส้นทางอาชีพ
เท่านั้นยังไม่พอ การโหมงานเพลงหนักทำให้เธอมีอาการหูชั้นในเสื่อมฉับพลันที่หูซ้าย ซึ่งเธอบอกว่าเกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นยุค 2000 แล้ว อาการนี้กระทบต่อการร้องอย่างเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงกระทบภาพลักษณ์ของเธอในระยะยาวด้วย เมื่อสื่อและแฟน ๆ เริ่มจับสังเกตว่าคุณภาพในการแสดงสดของเธอเริ่มตกลงอย่างมีนัยสำคัญ
ช่วงกลางยุค 2000s แค่เผาหลอก แต่จุดตกต่ำที่แท้จริงของเธอเกิดขึ้นในช่วงปี 2010s ที่แม้เธอยังผลิตผลงานเพลงและจัดคอนเสิร์ตอย่างต่อเนื่อง แต่กระแสตอบรับจากสาธารณชนวงกว้างไม่หวือหวาเหมือนเดิม เพลงใหม่ ๆ ของเธอไม่ติดอันดับ Top 10 ของชาร์ต Oricon จากที่เคยทำยอดขายเพลงในระดับล้าน ค่อย ๆ ลดลงมาเหลือเพียงแสนชุด
นอกจากนั้นภาพลักษณ์ของ อายู ในสายตาสื่อบันเทิงญี่ปุ่นก็ไม่ดีเท่าไหร่ สื่อเริ่มนำเอาประเด็นชีวิตส่วนตัวและรูปลักษณ์ของเธอมาขาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำหนักตัวที่ขึ้นลง หาว่าเธอตกแต่งภาพเกินจริงในโซเชียลมีเดีย รวมถึงขายเรื่องความรักอินุงตุงนัง ทำให้เธอไม่ได้มีสมาธิในการทำงานเพลงอย่างเต็มที่
และประจวบเหมาะกับหูขวาของเธอสูญเสียการได้ยินอีกข้าง รวมถึงมีอาการเวียนศีรษะและคลื่นไส้อย่างรุนแรงเป็นระยะ ๆ ยิ่งกระทบกระเทือนต่อสภาพร่างกายและจิตใจของเธอมากขึ้นไปอีก
ในวันที่โลกดนตรีญี่ปุ่นดูเหมือนจะหมุนเร็วเกินกว่า อายู จะตามทัน กลับมีดินแดนแห่งหนึ่งที่กาลเวลายังคงหยุดหมุนเพื่อรอคอยเธออยู่ นั่นคือแฟน ๆ ชาวจีนนั่นเอง และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เธอสามารถกลับมาเป็น Empress of J-Pop ได้อีกครั้งช่วงยุค 2020s
จริงๆ แล้ว อายู เคยไปทัวร์จีนมาแล้วเมื่อปี 2007 กับ Tour of Secret และปี 2008 ซึ่งเป็น 10th Anniversary แม้กระแสตอบรับจะดี แต่ก็ไม่ได้กลับไปเยือนที่นั่นอีกเลยจนกระทั่งปี 2024 อายู ประกาศจัดทัวร์คอนเสิร์ตที่จีนชื่อ I Am Ayu Tour ถือเป็นการกลับไปเยือนแดนมังกรครั้งแรกในรอบ 16 ปี โดยนอกจากแสดงที่ญี่ปุ่นแล้ว จุดหมายหลักของทัวร์ครั้งนี้อยู่ที่ประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่ เริ่มต้นที่เซี่ยงไฮ้ ตามด้วยเมืองเฉิงตู หนิงโป และกว่างโจว ซึ่งทุกแห่งล้วนมีแฟนเพลงชาวจีนมารอต้อนรับและเข้าชมการแสดงอย่างเนืองแน่น
บรรยากาศการต้อนรับที่จีนสร้างความประทับใจให้เธอมาก ๆ มีคลิปที่เธอเดินทางถึงสนามบินหรือสถานที่จัดคอนเสิร์ตแล้วมีแฟน ๆ มารุมล้อมตะโกนเรียกชื่อเธออย่างบ้าคลั่ง บ้างยื่นของขวัญและรูปวาดให้ ซึ่งเผลอ ๆ กระแสคลั่งไคล้นี้อาจยิ่งใหญ่กว่าในญี่ปุ่นเสียอีก
ส่วนบรรยากาศในคอนเสิร์ต มีแฟน ๆ ชาวจีนจำนวนมากปลื้มปีติที่ในที่สุดก็ได้ชมศิลปินขวัญใจวัยเด็กของตนแสดงสดตรงหน้า ถือแท่งไฟสีชมพูโบกสะบัดและร้องเพลงฮิตยุคเก่าอย่าง I am..., Rule รวมถึง Dearest ด้วยเสียงดังกระหึ่ม ชวนให้นึกถึงคอนเสิร์ตยุครุ่งเรืองของเธอเมื่อ 20 ปีก่อน
นอกจากนั้นยังมีรายงานว่าบัตรคอนเสิร์ตของ อายู ในจีนมีราคาสูงกว่าที่ญี่ปุ่นหลายเท่าตัว โดยตั๋วราคาแพงสุดอาจสูงถึงใบละ 50,000 เยน (ประมาณ 12,000 บาท) แต่บัตรที่ว่าแพงในจีนกลับจำหน่ายหมดเกลี้ยงหลังเปิดจองเพียงไม่กี่นาที ! ขณะที่บัตรคอนเสิร์ตของเธอในบ้านเกิดมีราคาเฉลี่ยราว 10,000 เยนเท่านั้น
สาเหตุที่แฟนคลับชาวจีนเหนียวแน่น อาจเพราะยุค 2000 เป็นช่วงเวลาที่ผลงานของเธอโด่งดังไปถึงจีนพอดี ซึ่งตรงกับช่วงที่อินเทอร์เน็ตและสื่อดิจิทัลเริ่มแพร่หลายในจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย แม้ตอนนั้นเพลงของเธอจะเผยแพร่ผ่านแผ่นซีดีเถื่อนและไฟล์ MP3 เป็นหลัก แต่มันก็ทำให้เธอได้ฐานแฟนจำนวนมากโดยที่ตัวเธออาจไม่เคยทราบมาก่อนว่าจะสำคัญกับชีวิตขนาดนี้
แล้วพอเวลาผ่านไป แฟนคลับก็เติบโตเข้าสู่วัยทำงาน มีฐานะทางการเงินมั่นคง เมื่อทราบว่าไอดอลในวัยเด็กจะมาจัดแสดงที่จีน พวกเขาจึงยินดีทุ่มทั้งเงินและเวลาเพื่อกลับมาสนับสนุนศิลปินที่เคยอยู่ในดวงใจอีกครั้ง
ปี 2025 เป็นปีที่เธอเตรียมคอนเสิร์ต Asia Tour 2025: I Am Ayu -ep. II- ตลอดทั้งปีไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน รวมถึงในจีน แทบทุกที่ผ่านไปอย่างราบรื่น ก่อนจะเกิดปัญหาในวันที่ 29 พฤศจิกายน เมื่อคอนเสิร์ตของเธอที่เซี่ยงไฮ้ต้องยกเลิกด้วยปัญหาทางการเมือง และต้องคืนเงินให้กับแฟน ๆ ทุกคน
หากเป็นศิลปินคนอื่น พวกเขาคงเลือกจะกลับโรงแรม เก็บของ แล้วเดินทางกลับทันที แต่ไม่ใช่กับอายู ตัดสินใจขึ้นเวทีตามกำหนดเดิม พร้อมลูกทีมและนักดนตรีครบชุด แม้เบื้องหน้าจะไม่มีเสียงเชียร์ ไม่มีแท่งไฟ ไม่มีผู้ชมสักคนในสนาม แต่เธอก็แสดงอย่างเต็มพลังทุกเพลงราวกับผู้คนนับพันยังอยู่ตรงนั้น
น่าเศร้าตรงที่หลังมีข่าวคอนเสิร์ตของเธอแพร่สะพัดออกไปไม่กี่วัน รัฐบาลจีนกลับพยายามแก้ข่าวว่า ภาพที่เห็นว่าเธอแสดงท่ามกลางที่นั่งเปล่า ๆ จริง ๆ แล้วเป็นเพียงแค่รอบซ้อมเท่านั้น
แต่สำหรับแฟน ๆ ที่รู้จักเธอมายาวนาน มันคือการแสดงจริงที่สุดในชีวิตของเธอไม่แตกต่างจากครั้งอื่น ๆ และเธอก็ยืนยันอย่างไม่ลังเลว่านั่นคือคอนเสิร์ตจริง แม้จะไม่มีผู้ชมอยู่เลยก็ตาม
ไม่มีใครรู้ว่าความขัดแย้งระหว่างจีนและญี่ปุ่นจะยืดเยื้อไปอีกนานแค่ไหน มันจะทำให้เธอไม่อาจกลับไปยืนอยู่ตรงหน้าคนที่รักเธอในแดนมังกรหรือไม่ แต่สิ่งที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ ความรักจากแฟน ๆ โดยเฉพาะแฟนเพลงชาวจีนยังมั่นคงไม่เปลี่ยน และไม่มีอะไรมาตัดสายสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาได้ ไม่ว่าจะพรมแดนหรือการเมือง
เพราะสำหรับ อายู การร้องเพลงไม่ใช่เพียงหน้าที่ของศิลปิน แต่มันคือการส่งพลังชีวิต ความหวัง และความรู้สึกข้ามทวีปไปถึงหัวใจของคนอีกฝั่งหนึ่งของโลก
ศิลปินตัวจริง อาจไม่ได้ต้องการเวทีที่เต็มไปด้วยคนดูเสมอไป แต่ต้องการเพียงใครบางคนที่เธออยากโอบกอดไว้ให้แน่นที่สุด ไม่ว่าเขาจะอยู่ตรงหน้าหรือไม่ก็ตาม…
“แม้ว่าเก้าอี้ 14,000 ที่จะว่างเปล่า แต่ฉันกลับรู้สึกถึงความรักจาก Team Ayu จากทั่วทุกมุมโลกอย่างล้นหลาม มันคือหนึ่งในการแสดงที่ฉันไม่มีวันลืม
ฉันอยากจะขอบคุณทีมงานชาวจีนและญี่ปุ่นกว่า 200 คน ทั้งทีมงานเบื้องหลัง สมาชิกวง และเหล่านักเต้นที่ร่วมกันทำให้เวทีนี้เกิดขึ้นได้จริง
จากก้นบึ้งหัวใจของฉัน…” - อายูมิ ฮามาซากิ
เรื่อง: ปารณพัฒน์ แอนุ้ย
ภาพ: อินสตาแกรม ayumi hamasaki
อ้างอิง:
“Ayumi Hamasaki.” Wikipedia, https://en.wikipedia.org/wiki/Ayumi_Hamasaki. Accessed 2 Dec. 2025.
Daily Shincho, 10 Jan. 2025, https://www.dailyshincho.jp/article/2025/01101040/. Accessed 2 Dec. 2025.
J-Cast News, 12 Nov. 2024, https://www.j-cast.com/2024/11/12497723.html?p=all. Accessed 2 Dec. 2025.
Focus Taiwan, 1 Dec. 2025, https://focustaiwan.tw/culture/202512010019. Accessed 2 Dec. 2025.
Ayumi Hamasaki. YouTube Music, https://music.youtube.com/channel/UCknY-5bw6RbEXOu18telw9g. Accessed 2 Dec. 2025.
Avex, https://avex.com/jp/en/. Accessed 2 Dec. 2025.