17 มิ.ย. 2566 | 14:42 น.
- วง ‘DogStar’ วงร็อกทางเลือกที่มี ‘คีอานู รีฟส์’ นักแสดงคนดังเป็นมือเบส ก่อตัวขึ้นตั้งแต่ต้นยุค 90s ก่อนกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในปี 2022 เป็นช่วงที่คีอานู รีฟส์ กลับมาโด่งดังอีกครั้งจากบท จอห์น วิค
- วง ‘DogStar’ เคยมีผลงานอัลบั้ม และออกทัวร์ ไปจนถึงเล่นเพลงคัฟเวอร์ของศิลปินดัง เสียงตอบรับของวงมีหลากหลายทั้งแง่บวกและลบ
กรกฎาคมปี 2022 ‘ดาวหมา’ (Dogstar) วงดนตรีที่มีชื่อเรียกตัวเองราวกับชื่อวงดนตรีวัยรุ่นมัธยมปลาย พวกเขาประกาศผ่านสื่อออนไลน์ว่า ได้กลับมารวมตัวกันใหม่ และแน่นอน ความพิเศษที่ยากจะปฏิเสธว่าทำไมผู้คนจึงหันมาสนใจวงนี้เพราะวงมีมือเบสเป็นดาราดังอย่าง ‘คีอานู รีฟส์’ หรือบทบาทที่ผู้คนร่วมสมัยมักจะรู้จักเขาในฐานะนักฆ่านามอุโฆษ ‘จอห์น วิค’ ที่คราวนี้ไม่ได้กลับมาฆ่าล้างแค้นใครด้วยอาวุธปืน แต่เขาอาจจะฆ่าคุณได้ด้วยเสียงกีตาร์เบส 4 สายที่มาจาก Fender ทรง precision ดังภาพที่ปรากฎทั่วไปตามสื่อออนไลน์
สมาชิกปัจจุบัน 3 คน ประกอบด้วย Bret Domrose นักร้องและมือกีตาร์ Robert Mailhouse มือกลอง และ คีอานู รีฟส์ ที่มีกลไกเป็นไปตามระเบียบประเพณีนิยมของวงดนตรีร็อกทางเลือก (alternative rock) พวกเขาเลือกสมาทานแนวคิดดนตรีแบบกรันจ์ (Grunge) ที่มีแหล่งกำเนิดหนึ่งที่สำคัญจากเมือง Seattle ตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษที่ 1980 และเบ่งบานสุกงอมเป็นกระแสนิยมในช่วงต้นทศวรรษต่อมา
ซึ่งวงดาวหมาได้ก่อตั้งขึ้นในห้วงเวลาคู่ขนานกับวงกรันจ์สุดดังแห่งยุคนั้นอย่าง Nirvana แม้ชาวดาวหมามิได้นำพาไปสู่ ‘นิพพาน’ แต่พวกเขามุ่งสร้างวงดนตรีเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจหรืองานอดิเรกของเหล่าชายวัยกลางคนที่ทำงานเคร่งเครียดจากงานในฐานะนักแสดงฮอลลีวูด
ตำนานเล่าว่าปี 1991 คีอานู รีฟส์ ทักเสื้อทีมฮอกกี้ Detroit Red Wings ของ Robert Mailhouse ที่ร้านขายของชำ โดยสร้างบริบทสนทนาจากความสนใจในเรื่องกีฬาที่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองคน และเป็นช่วงเวลาหลังจากที่เขามีชื่อเสียงมากแล้วตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1980 โดยเฉพาะอย่างเป็นห้วงเวลาระหว่างภาพยนตร์ดังอย่าง Point Break (1991) กับ Bram Stoker’s Dracula (1992) และเวลาต่อมาพวกเขาพากันไปแจมดนตรี จนกระทั่งปีต่อมารับ Gregg Miller เข้ามาดำรงตำแหน่งนักร้องและมือกีตาร์ ซึ่งถือว่าเป็นสมาชิกยุคแรกที่เริ่มซ้อมดนตรีกันในโรงจอดรถและพากันออกรอบแสดงสดตามสถานที่ต่าง ๆ ในช่วงแรกพวกเขาพยายามตั้งชื่อวงเท่ ๆ อย่าง Small Faecal Matter, Big Fucking Sound หรือให้โหดกว่านั้นคือ Bull Fucking Shit (BFS)
จนกระทั่งปี 1993 พวกเขาเลือกตั้งชื่อวง ‘ดาวหมา’ (Dogstar) เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการที่เหล่าผู้จ้างงานมักเรียกชื่อวงดนตรีของคีอานู รีฟส์ ดึงดูดลูกค้าและเหล่าแฟนจอเงินและจอแก้วให้เข้ามาดูวงนี้
ปี 1994 Bret Domrose อดีตสมาชิกวง The Nuns เพื่อเข้ามาแทนนักร้องและมือกีตาร์คนเดิม พวกเขามีโอกาสแสดงสดไปทั่วโลกทั้งในฐานะวงเปิดศิลปินชื่อดังอย่าง David Bowie ในปี 1995 และร่วมแสดงดนตรีเปิดให้กับ Bon Jovi และยังเป็นวงที่สามารถเล่นเพลง cover วงอย่าง Pink Floyd, Bon Jovi และ Grateful Dead ซึ่งพวกเขาไม่ได้ทำวงหวังดังหรือจะเอารวย เห็นได้จากคีอานู รีฟส์ มีรายได้จากการแสดงภาพยนตร์ก็เพียงพอแล้วทั้งชื่อเสียงและเงินทอง แต่พวกเขากลับใช้ดนตรีเป็นเครื่องมือพักผ่อนหย่อนใจ ในยามที่พวกเขาเหนื่อยล้าจากการทำงานหลัก
ซึ่งการแสดงสดของเขาเป็นที่รู้จักก่อนที่เขาจะเซ็นสัญญาทำอัลบั้มแรกกับค่าย Zoo Entertainment ในชุด Our Little Visionary มากไปกว่าเป็นอัลบั้มที่วางขายเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น และสุ้มเสียงที่มีความร่วมยุคร่วมสมัยกับวงดังอย่าง Foo Fighters และ Goo Goo Dolls หรือเรียกได้ว่าเป็นวงที่มีอิทธิพลทางดนตรีแบบหลังกรันจ์ (post-grunge)
แม้ว่าความเห็นทั่วไปในโลกออนไลน์จะค่อนไปทางลบ แบบไม่ให้ราคากับฝีไม้ลายมือการเดินเบสของคีอานู รีฟส์ ที่พูดกันว่าไม่ได้มีความโดดเด่นพ่นไฟหรือแสดงความเอตทัคคะทางดนตรี ยิ่งถ้าฟังเพลงของพวกเขาผ่านลำโพงมือถือหรือคอมพิวเตอร์ก็ยิ่งไม่สามารถค้นพบความงามในสุ้มเสียงเบสที่ลำโพงเหล่านั้นไม่มีศักยภาพขับขานให้รับรู้ได้ แต่หากใช้หูฟังหรือลำโพงที่สามารถพิจารณาย่านเสียงเบสได้ชัดเจน จะพบการเล่นเบสที่ผ่านการออกแบบเสียงเหล่านั้นออกมาอย่างลงตัว เหมาะสมกับบริบทแนวทางดนตรีในรูปแบบที่พวกเขานำเสนอ ซึ่งถือได้ว่ามีลีลาน่าสนใจไม่เบา และมีลีลาที่สอดคล้องกับบุคลิคภาพที่เราเห็นเขาแสดงออกมา
หากอยากลองค้นหาสุนทรียภาพของเสียงเบสที่คีอานู รีฟส์ นำเสนอออกมาได้อย่างน่าสนใจ แนะนำให้ลองฟังเพลง ‘A Dreamtime’ จากอัลบั้มที่สอง Happy Ending (2000) เสียงเบสที่ลื่นไหลไปบนทางเดินคอร์ดที่ไม่ซับซ้อนด้วยอัตราการดีดแบบเขบ็ตหนึ่งชั้นอย่างมั่นคงและมีน้ำเสียงเป็นไปตามขนบธรรมเนียมเพลงแบบหลังยุคกรันจ์ที่ไม่ใช่แค่ฝีมือระดับมือสมัครเล่นซ้อมกันเล่นในโรงรถข้างบ้าน ประกอบเข้ากับเสียงแตกของกีตาร์ที่เหมาะเจาะพอดีคำกับมวลรวมของบริบทวงที่มีสมาชิกเพียง 3 คน ซึ่งจะเห็นแนวทางที่แตกต่างจากอัลบั้มแรกของพวกเขาที่นำใช้เสียงกีตาร์เป็นบรรยากาศล่องลอยโอบล้อม (ambient) ได้เพิ่มเข้ามามีบทบาทอย่างชัดเจน ตั้งแต่ช่วงหลังโซโลด้วยเสียงเอฟเฟคแบบ Wah (เอฟเฟกต์ที่สืบย้อนได้ว่ามีชื่อเสียงและคนทั่วไปอาจจะคุ้นเคยเสียงนี้ได้จากเพลง Voodoo Child ของ Jimi Hendrix)
และ ‘America’ อีกหนึ่งเพลงที่อยากแนะนำให้ฟังเรียกน้ำย่อย ระหว่างรออัลบั้มใหม่จากพวกเขาชาวดาวหมา เพลงนี้เริ่มต้นด้วย riff ที่กีตาร์และเบสมาพร้อมกันในอัตราจังหวะ 7/4 ในขณะที่กลองเข้ามาในห้องที่ 2 จังหวะที่ 2 โดยตีจังหวะแบบจังหวะ 4/4 ธรรมดาซ้อนเข้าไปในช่วงอินโทรและท่อนเชื่อมต่าง ๆ ที่หากเรียกในแบบเนิร์ดทางดนตรีอาจะเรียกว่าเป็นปรากฏการณ์แบบ Polymeter โดยในท่อน verse แม้ว่าจะกลับไปสู่สภาวะปกติบนอัตราจังหวะ 4/4 แต่สามารถค้นพบความงามของเสียงเบสคีอานู รีฟส์ ได้อย่างชัดเจนในวิธีการเล่นโน้ตในคอร์ดกับย่านเสียงสูงของเบสที่สอดรับกับเสียงกีตาร์แตกอ่อน ๆ ที่ดีดเพียงหัวห้อง และ riff เพลงดังกล่าวยังชวนให้นึกถึงกลิ่นอายของเพลงรวมยุคสมัยอย่าง Incubus (2001) ได้ออกเพลง Nice to Know You อัลบั้ม Morning View
ปัจจุบันพวกเขามีคลิปการแสดงสดในที่ต่าง ๆ ที่หาชมได้ทางสื่อออนไลน์ แต่ยังไม่มีเพลงใหม่ออกมาจากพวกเขาอย่างเป็นทางการทั้งภาพและเสียง ในส่วนของอัลบั้มใหม่ที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการผลิตอยู่นั้น พวกเขาได้จ้าง Dave Trumfio อดีตคนเบื้องหลังที่เคยมีความสำคัญต่อวงสายร็อกทางเลือกอย่าง Willco และ Ok Go เพื่อควบคุมการผลิตผลงานชาวดาวหมาใหม่ล่าสุดที่ชวนน่าค้นหาสุนทรียภาพจากพวกเขา
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การออกแบบเสียงเบสของคีอานู รีฟส์ ว่าจะดุดันไม่เกรงใจใครเหมือนดั่งบทบาทในการแสดงหนังแอกชั่นของเขาในหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมาหรือไม่ ทว่าแม้ไม่สอดคล้องและย้อนแย้งก็อาจเป็นไปเพื่อความผ่อนคลายของเขามาสู่อีกโลกใบ ที่เขาทำเสมือนเป็นเหมือนงานอดิเรกซึ่งดูจะจริงจังไม่แพ้อาชีพนักแสดงของเขา และยังชวนให้พวกเราได้เห็นภาพความเป็นมนุษย์ที่สะท้อนมาจากอีกบทบาทผ่านตัวตนของคีอานู รีฟส์
เรื่อง: กุลธีร์ บรรจุแก้ว
ภาพ: (ซ้าย) คีอานู รีฟส์ ในบทบาทจอห์น วิค (ขวา) คีอานู รีฟส์ เล่นเบสกับวง Dogstar ไฟล์จาก Getty Images