19 ธ.ค. 2561 | 11:05 น.
กุ๊ยปลายแถวที่ถูกรัฐจ้างมาสร้างเรื่องในงานชุมนุมเพื่อซ้อนแผนการลอบสังหารของจริง คนที่คอยเก็บรักษาเศษซากของอดีตที่กำลังสูญหาย นับร่างกายของตัวเองเป็นชิ้นส่วนหนึ่งในหอจดหมายเหตุของตน แท็กซี่ที่พูดจีนกลางไม่ได้เลยในโลกที่ภาษากวางตุ้งประจำถิ่นของเขาเป็นภาษาต้องห้ามไปแล้ว ยายถือร่มที่เผาตัวตายประท้วงรัฐบาล ร้านขายไข่พื้นเมืองที่โดนนีโอยุวชนเรดการ์ดถล่มเพราะคำว่าพื้นเมืองมีนัยกระด้างกระเดื่อง ลูกชายที่ต้องทำร้ายพ่อค้นพบกลุ่มนักเคลื่อนไหวใต้ดินข้างหลังร้านหนังสือ นี่คือหนังห้าเรื่องชุดแรกจากฮ่องกง ที่พูดถึงอนาคตของฮ่องกงในอีกสิบปีข้างหน้า เมื่อต้องคืนสู่จีนอย่างเป็นทางการ เมื่อวัฒนธรรม ชีวิต ภาษา การค้า การปกครองจะถูกริบคืน ขจัดออก ลบทำลายไป นี่คือต้นทางของโปรเจกต์ Ten Years ที่หลังจากฮ่องกง ก็ขยับขยายไปสู่ชาติอื่นๆ ในเอเชีย ไทยเป็นชุดที่สองตามด้วยญี่ปุ่น และไต้หวัน การวาดจินตนาการถึงสิบปีข้างหน้าของแต่ละประเทศที่มีปัญหา ความกลัว ความกังวลแตกต่างกันออกไป คาดเดาไม่ยากจากหนังสองชุดแรก ไม่มีใครจินตนาการถึงโลกที่ดีกว่า ‘ความกังวล’ เกี่ยวกับอนาคตน่าจะเป็นคำที่เหมาะเจาะในการอธิบายภาพรวมของชุดหนังทศวรรษจากฮ่องกง ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน อนาคตที่คุ้นเคยจบสิ้นลง และต้องเตรียมตัวรับมือกับโลกที่มีจีนเป็นผู้ปกครอง โลกที่มีแก่นแกนของสังคมแตกต่างจากโลกเมื่อครั้งอังกฤษยังเป็นเจ้าอาณานิคม หากอนาคตของฮ่องกงคือความกังวล อนาคตของประเทศไทยกลับคือความสิ้นหวัง ในหนังชุดที่สองนี้ ไม่มีใครฝันถึงอนาคตที่ดีกว่าอีกแล้ว ในทางตรงข้ามไม่มีใครพูดถึงอนาคตที่เลวร้ายลงอีกด้วย เพราะดูเหมือนอนาคตของประเทศไทยในหนังทั้งสี่เรื่อง คือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ และจะเกิดขึ้นไปในอนาคต