บทเรียนสอนใจจากซีรีส์เกาหลี 5 เรื่องของ Disney+ Hotstar ที่ชีวิตไม่เคยบอก

บทเรียนสอนใจจากซีรีส์เกาหลี 5 เรื่องของ Disney+ Hotstar ที่ชีวิตไม่เคยบอก

ชวนดู 5 บทเรียนจาก 5 ซีรีส์เกาหลีที่สตรีมได้บน Disney+ Hotstar ที่ชีวิตไม่เคยสอน และบางครั้งคำตอบของตัวละครก็เป็นคำตอบให้ชีวิตเราเดินหน้าต่อได้

KEY

POINTS

ซีรีส์เกาหลี คือ กระจกสะท้อนชีวิตมนุษย์

บางครั้งสิ่งที่ตัวละครเผชิญ  ทั้งความสุข ความเศร้า ความรัก ความเปราะบาง หรือการวิ่งไขว่คว้าความฝัน ก็อาจเป็นสิ่งที่เราเองกำลังเจออยู่เหมือนกัน ขณะเดียวกันคำตอบที่เหล่าตัวละครพบก็อาจเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เรากล้าก้าวต่อไปในชีวิตจริง

นี่คือ 5 ซีรีส์เกาหลีบน Disney+ Hotstar ที่เต็มไปด้วยบทเรียนชีวิตเล็ก ๆ ที่อาจเปลี่ยนใจใครบางคนไปตลอดกาล

  1. ‘Jeongnyeon: The Star is Born’ อย่ายอมแพ้เรื่องความฝัน
  2. ‘Snowdrop’ โศกนาฏกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งของความรัก
  3. ‘Law and The City’ ไม่ใช่ทุกเรื่องในชีวิตจะมีคำตอบ
  4. ‘Going to You at Speed of 493km’ หมดแรงได้ แต่ห้ามหมดใจ
  5. ‘Light Shop’ บอกลาอดีตเพื่อเริ่มต้นใหม่

เพราะว่าชีวิตของเราก็ไม่ต่างจากซีรีส์ มันคือการเดินทางที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ไร้การคาดเดา ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ แต่ก็ยังงดงามเสมอ 

‘Jeongnyeon: The Star is Born’ อย่ายอมแพ้เรื่องความฝัน

“ฉันจะประสบความสำเร็จให้ได้”

นี่คือประโยคของ ‘ยุนจองนยอน’ หญิงสาวชาวมกโพจากซีรีส์เรื่อง ‘Jeongnyeon: The Star is Born’ บอกพี่สาว หลังตัดสินใจหลบแม่ ทิ้งชีวิตในชนบท ไปคว้าความฝันการเป็น ‘นักแสดงละครกุกกึก’ ในเมืองหลวงตามคำเชิญของ ‘มุนอ๊กกยอง’ นักแสดงเบอร์หนึ่งของวงการ

แม้ความจริงจะต่างจากที่คิด เธอต้องพิสูจน์ตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะถึงออดิชั่นผ่านแต่เป็นตัวสำรอง ถูกมองว่าเป็นเด็กเส้น และยังมีพื้นฐานการแสดงไม่เท่ากับคนอื่น

บทเรียนสอนใจจากซีรีส์เกาหลี 5 เรื่องของ Disney+ Hotstar ที่ชีวิตไม่เคยบอก

จองนยอนจึงสู้เต็มที่ ฝึกหนักกว่าใคร เต้นไม่ได้ก็พยายามเต้นให้ได้ พยายามเลียนแบบคนที่ทำการแสดงเก่ง ๆ จนค้นพบวิธีแสดงของตัวเอง เพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ชม เธอต้องพร้อมที่สุด

“ฉันไม่สนว่าบทของฉันจะเล็กแค่ไหน ขอแค่ให้ฉันได้แสดงบนเวที” เธอเคยพูดไว้ 

แต่ไฟที่เคยมี กลับค่อย ๆ มอดลง เหลือเพียงความน้อยใจ การกล่าวโทษตัวเอง และความอยากเอาชนะเพื่อได้บทที่ตัวเองต้องการ

ทุกก้าวเดินบนเส้นทางความฝันของจองนยอนจึงแลกมาด้วยรอยฝืนยิ้ม ความเจ็บปวด หยาดเหงื่อ และคราบน้ำตา เพราะความฝันครั้งนี้ เธอทุ่มจนสุดตัว และช้าเกินกว่าจะหันหลังกลับ

บทเรียนสอนใจจากซีรีส์เกาหลี 5 เรื่องของ Disney+ Hotstar ที่ชีวิตไม่เคยบอก “ฉันมาถึงจุดนี้ได้ด้วยเสียงอย่างเดียว ฉันกล้าออกจากบ้านมาก็เพราะเสียงตัวเอง ฉันล้มแล้วลุกได้ทุกครั้งก็เพราะเสียงตัวเอง เสียงคือผืนดินและผืนฟ้าของฉัน มันคือทุกอย่างของฉัน แล้วเธอจะมาบอกให้ฉันหยุดเนี่ยนะ ถ้าฉันหยุดตอนนี้ก็คงมีแต่หุบเหวลึก แล้วฉันจะอยู่ได้ยังไง” จองนยอนบอกคู่แข่งของเธอทั้งน้ำตา

Jeongnyeon: The Star is Born ไม่ได้เล่าเพียงเส้นทางของหญิงสาวผู้วิ่งตามความฝัน แต่ยังสะท้อนให้เห็นว่า ทุกดวงดาวต้องผ่านค่ำคืนอันมืดมิดที่ทำให้เราเติบโตและแข็งแกร่ง ก่อนจะได้เปล่งประกายบนท้องฟ้า

‘Snowdrop’ โศกนาฏกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งของความรัก

Snowdrop คือ ซีรีส์เกาหลีที่เล่าเรื่องรักต้องห้ามของ ‘อึนยองโร’ นักศึกษามหาวิทยาลัยสตรี ดีกรีลูกสาวหัวหน้าฝ่ายมั่นคงของเกาหลีใต้ และอิมซูโฮ สายลับเกาหลีเหนือที่ถูกมองว่าเป็นภัยต่อชาติ  ภายใต้ยุคการเปลี่ยนผ่านการปกครองจากระบบเผด็จการสู่ประชาธิปไตย ปี 1987 

ความรักของพวกเขาจึงกลายเป็นความรู้สึกที่ต้องเลือกระหว่าง ‘ชาติ’ และ ‘คนรัก’ โดยเฉพาะซูโฮ ถ้าไม่ทำ เขาก็ตาย และถ้าเขาขัดขืน ยองโรก็ต้องตายด้วยเหมือนกัน ซูโฮจึงทำได้เพียงปกป้องเธออย่างเงียบงัน รับรู้ความเจ็บปวดอยู่ลำพัง และเก็บความห่วงใยทั้งหมดไว้ในใจ

“ถ้าเกิดเราสองคนเป็นแค่คนธรรมดา มันจะเป็นยังไงเหรอคะ” ยองโรเอ่ยถามสายลับเกาหลีเหนือที่นั่งอยู่ข้าง ๆ 

“ฉันอาจจะร้องเพลงอยู่ที่คาเฟ่ที่ไหนสักแห่ง ฉันอยากเป็นนักดนตรีเหมือนพ่อ มันคือสิ่งที่ทำให้เรายิ้มได้ แม้จะอยู่ในที่เหน็บหนาวและทุรกันดาร ฉันเลยอยากใช้ชีวิต ร้องเพลงแบบนั้นให้คนที่ฉันรักฟัง” ซูโฮตอบ

บทเรียนสอนใจจากซีรีส์เกาหลี 5 เรื่องของ Disney+ Hotstar ที่ชีวิตไม่เคยบอก

ก่อนที่ยองโรจะตอบว่า “ฉันจะไปคาเฟ่นั้นทุกวัน ไม่ขาดเลย”

นี่อาจเป็นประโยคบอกรักของนักศึกษาหญิงคนหนึ่งที่เก็บความรู้สึกนี้ไว้มานาน และรู้ว่านี่คือความรักที่ไม่ง่าย แต่อยากจะขอลองดูสักตั้ง

ดังนั้น ต่อให้บทบาทของเขาและเธอจะดูซับซ้อนและส่งผลต่อความมั่นคงของชาติ สิ่งที่ยองโรทำ คือ การยึดมั่นในความรักและอยู่กับชายที่รักให้ได้นานที่สุด

“ฉันจะอยู่กับคุณซูโอจนสุดทาง” ยองโรบอกกับซูโฮ

บทเรียนสอนใจจากซีรีส์เกาหลี 5 เรื่องของ Disney+ Hotstar ที่ชีวิตไม่เคยบอก

แม้แต่ลมหายใจสุดท้าย ยองโรกอดซูโฮไว้แน่น ขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ยองโร… เธอต้องมีชีวิตอยู่ ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน”

แล้วซูโฮก็จากไป ทิ้งความว่างเปล่าและน้ำตาไว้กับหญิงที่เขารัก 

หลังจากนั้น เมื่อยองโรกลับมาเปิดเทปที่เขาฝากไว้ เธอถึงได้ยินคำที่รอคอยมาตลอด คำว่า ‘รัก’ ที่ซูโฮอยากบอกตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน

เพราะบทเรียนที่ Snowdrop ทิ้งไว้ให้เรา ไม่ใช่คติสอนใจที่บอกว่า ความรักจะชนะทุกสิ่ง แต่คือความจริงที่บอกว่า บางครั้งโศกนาฏกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งของความรักที่ฝังบาดแผลไว้ในใจที่ยากจะลืมเลือน

‘Law and The City’ ไม่ใช่ทุกเรื่องในชีวิตจะมีคำตอบ

เขาว่ากันว่า เพื่อนที่ทำงาน มักเป็นเพื่อนแค่ชั่วคราว แต่สำหรับแก๊งทนาย 5 คน จาก 5 สำนักงานกฎหมายในย่านซอโซ ใน Law andThe City ความสัมพันธ์ของพวกเขากลับเป็นมากกว่านั้น

พวกเขาคือทนายที่เก่งคนละด้าน สมาชิกทั้งหมดประกอบด้วย ‘อันจูฮยอง’ ที่เก่งหมดทุกด้าน ‘แบมุนจอง’ ที่เจอคดียากก็ทุ่มสุดตัว ‘ฮาซังกี’ ชอบสอนและเก่งเรื่องเอกสารที่สุด ‘โจชางวอน’ ที่ไม่เคยหวั่นแม้จะได้รับงานเล็ก ๆ และ ‘คังฮีจี’ ที่สู้เพื่อลูกความทุกคน

ในที่ทำงาน พวกเขาคือเพื่อนร่วมงาน แต่ในชีวิตจริง พวกเขาเป็นทีมกินข้าว คอยเมาท์มอย และอยู่เคียงข้างในวันที่อ่อนแอ

บทเรียนสอนใจจากซีรีส์เกาหลี 5 เรื่องของ Disney+ Hotstar ที่ชีวิตไม่เคยบอก

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพ่อของคังฮีจี การสนับสนุนความฝันการเป็นอาจารย์ของฮาซังกี การตัดสินใจเปิดสำนักกฎหมายของตัวเองของอันจูฮยอง รับฟังความทุกข์ของโจชางวอน และมอบความมั่นคงทางใจให้แบมุนจอง ช่วงเวลาเหล่านั้น พวกเขาก็อยู่ด้วยกันเสมอ

“ขอบคุณทุกคนมากจริง ๆ ถ้าทำคนเดียว ฉันคงทำไม่ไหวหรอก”  ฮีจีบอกกับเพื่อน ๆ ทนายในวันที่ทุกคนช่วยทำให้พ่อของเธอที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นนักธุรกิจขี้โกงพ้นผิด

ซีรีส์เรื่องนี้อาจจะไม่ได้มีวรรคทองมากมาย แต่ทุกการกระทำ ทุกคำพูดแสนธรรมดา และทุกสายตาที่พวกเขามองกันมันทำให้เรารู้ว่า การมีคนที่อยู่ข้างเราในวันที่โลกของเราถล่มลงมันเป็นอย่างไร

บทเรียนสอนใจจากซีรีส์เกาหลี 5 เรื่องของ Disney+ Hotstar ที่ชีวิตไม่เคยบอก

“พวกเราเหนื่อยกันมาเยอะเลย” ฮาซังกีบอกเพื่อน หลังนัดกินราเม็งด้วยกันหลังเลิกงาน 

ก่อนที่จูฮยองจะตอบกลับไปว่า “ทำได้ดีมาก”

เพราะบางเรื่องในชีวิตมันไม่ได้มีคำตอบถูกผิดเหมือนข้อกฎหมาย ปล่อยให้ชีวิตเดินไปตามทางของมัน โดยมีเพื่อนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเรา ไม่ว่าจะล้มอีกกี่ครั้ง แบบที่ทนายทั้ง 5 คนจาก Law and The City พิสูจน์ให้เราเห็น

‘Going to You at Speed of 493km’ หมดแรงได้ แต่ห้ามหมดใจ

แม้จะเคยเป็นดาวรุ่งของวงการแบดมินตัน แต่เพราะคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้อนาคตของรุ่นพี่คนสนิทต้องปิดฉากลง ทำให้ ‘พัคแทยัง’ ตัดสินใจแขวนไม้แบตไปเป็นแม่ค้าขายปลาอยู่ 3 ปี 

กระทั่งวันหนึ่ง เธอเลือกกลับมาสโมสร เตรียมตัวลงสนามอีกครั้ง แต่ทุกคนกลับหันหลังให้ ร่างกายก็ไม่ได้รวดเร็วเหมือนก่อน พัคแทยังเลยเป็นนักกีฬาที่เริ่มฝึกก่อน และกลับทีหลัง เป็นแบบนี้อยู่เสมอ 

“เพราะถึงออกไป ฉันก็ไม่มีความสุขเลยสักนิด ไม่สบายใจ เหมือนผัดวัน และไม่ยอมทำสิ่งที่ต้องทำ เพราะฉันเป็นนักแบตมินตัน”

และเมื่อโอกาสมาถึง เธอได้เจอ ‘พัคแทจุน’ พาร์ทเนอร์ที่เข้าใจเธอดีและเป็นกำลังใจให้เธออยู่ตลอดทั้งในและนอกสนาม

ในการแข่งขันครั้งแรก คู่ฝาแฝดพัค (พัคแทยัง - พัคแทจุน) เป็นนักแบตมินตันคู่ผสมที่จับมือกันสู้พากันเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ แต่สุดท้ายร่างกายเธอไม่ไหวจนต้องไปพักข้างสนาม ปล่อยให้พัคแทจุนสู้อยู่ในสนามคนเดียว

บทเรียนสอนใจจากซีรีส์เกาหลี 5 เรื่องของ Disney+ Hotstar ที่ชีวิตไม่เคยบอก

เธอได้แต่นึกว่า ขนาดความเร็ว 493 กิโลเมตรต่อชั่วโมงยังเป็นความเร็วของลูกที่เป็นสถิติโลกอย่างไม่เป็นทางการ แล้วชีวิตของเธอล่ะ จะมีวันไหน วันที่เธอแข็งแกร่ง แม้จะไม่มีใครมองเห็น

“เราจะมีช่วงเวลาแบบนั้นเหมือนกันใช่ไหม ช่วงเวลาที่ตัวเราแข็งแกร่งที่สุด ต่อให้ไม่มีใครยอมรับก็ตาม”

ตอนนั้นแม้ใจอยากจะยอมแพ้ แต่เธอก็ยังบอกตัวเองว่า ตัวเองแข็งแกร่งมากที่สุด มากพอที่จะทำให้เธอลุกขึ้นสู้ต่อได้

ถึงแมทช์นั้น เธอจะแพ้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอหมดใจ แทยังกลับมาฝึกให้หนักกว่าเดิม ฝึกตีลูกต่ออีกหลายพันครั้ง ซ้อมวิ่งให้ร่างกายพร้อมที่สุด และไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง เพราะนี่คือช่วงเวลาที่เรายังลองผิดลองถูก และสู้กับตัวเองได้ทุกวัน

บทเรียนสอนใจจากซีรีส์เกาหลี 5 เรื่องของ Disney+ Hotstar ที่ชีวิตไม่เคยบอก

“ถ้าหยุด เดี๋ยวก็อยากนอน ถ้านอนเดี๋ยวก็อยากยอมแพ้” แทยังบอกแบบนั้น

‘Going to You at Speed of 493km’ ไม่ได้บอกให้เราวิ่งตามความฝันด้วยความเร็วที่คนอื่นยอมรับ แต่เป็นจังหวะที่เราเลือกเอง

สุดท้ายแล้ว ชีวิตไม่ได้วัดกันที่จำนวนครั้งที่เราล้ม แต่อยู่ที่ความกล้าที่จะลุกขึ้นใหม่ ต่อให้หมดแรงแค่ไหน ตราบใดที่ไม่หมดใจ เราก็ยังมีแรงก้าวต่อไปได้เสมอ

‘Light Shop’  การบอกลาอดีตคือประตูการเริ่มต้นใหม่

คุณเคยสงสัยชีวิตของมนุษย์หลังความตายไหม?

มันคือวันที่ตัวคุณจะอยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นกับความตาย ไม่รู้ว่าตัวเองไร้ตัวตน รวมถึงไม่สามารถหมดห่วงและปล่อยวางความทุกข์ที่อยู่ในใจได้

แต่ ‘Light Shop’ ซีรีส์เกาหลีที่รีเมกจากเว็บตูนของ ‘คังฟูล’ นักเขียนเว็บตูนระดับตำนาน กลับพาเราไปสำรวจความเปราะบางของชีวิตผ่านหลากหลายตัวละครที่อยากจะใช้ชีวิตกับคนที่พวกเขารักเป็นครั้งสุดท้าย

บทเรียนสอนใจจากซีรีส์เกาหลี 5 เรื่องของ Disney+ Hotstar ที่ชีวิตไม่เคยบอก

ไม่ว่าจะเป็นสามีที่อยากเจอภรรยา พ่อที่อยากเจอลูก ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากกลับมาหาคนรักอีกครั้ง มันคือชีวิตธรรมดา ๆ ที่มนุษย์คนหนึ่งอยากทำก่อนไปเกิดใหม่ 

ร้านขายโคมไฟจึงทำหน้าที่ไม่ต่างจากพรมแดนความเป็นและความตาย มีทั้งความเศร้า ความหวัง ความสุข ความคลุมเครือ และไม่มีอะไรแน่นอน

ชีวิตของเราจะได้ไปต่อหรือไม่ มันอยู่ที่ความตั้งใจของแต่ละคน หมายถึง ตั้งใจว่าจะอยู่หรือไป

สำหรับพยาบาลที่เจอคนไข้มานับไม่ถ้วน เธอเองก็ตอบได้เพียงว่า “ขึ้นอยู่กับความตั้งใจการมีชีวิตอยู่ของคนไข้”

สำหรับเจ้าของร้านโคมไฟคนเก่าก็บอกกับพ่อที่เพิ่งเสียลูกไปได้แค่ว่า “ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของลูก” บทเรียนสอนใจจากซีรีส์เกาหลี 5 เรื่องของ Disney+ Hotstar ที่ชีวิตไม่เคยบอก

เรื่องราวทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับความตั้งใจของคนคนหนึ่งที่จะเลือกบอกลาอดีตเพื่อไปเริ่มชีวิตใหม่ หรือเลือกจะอยู่ต่อ แล้วใช้ชีวิตต่อในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง 

ช่วงเวลาที่เหล่าตัวละครเจอโคมไฟ มันคือ ช่วงเวลาที่พวกเขาจะค้นพบคำตอบของการมีชีวิตอยู่ต่อ การตายไปไม่ได้ผิด และการอยู่ต่อก็ไม่ผิดเช่นกัน เพราะชีวิตหลังความตาย อาจไม่สำคัญเท่ากับการได้รู้ว่า วันนี้เรายังมีชีวิตอยู่เพื่อใคร และเพื่ออะไร

ท้ายที่สุด Light Shop สอนให้เรากล้าที่จะบอกลาอดีต แล้วการเริ่มต้นใหม่จะเกิดขึ้นได้ เมื่อเราเลือกก้าวต่อไปด้วยความรัก ความเข้าใจ และมอบความหมายให้ชีวิตตัวเอง

 

ภาพ : Disney+ Hotstar Thailand