ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ : ผู้ก่อตั้ง iTax ที่ไม่อยากเห็นคนเสียภาษีเป็นเพียง 'วัวนม' ถูกรีดเค้นจากภาครัฐ

ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ : ผู้ก่อตั้ง iTax ที่ไม่อยากเห็นคนเสียภาษีเป็นเพียง 'วัวนม' ถูกรีดเค้นจากภาครัฐ

ผศ.ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ สร้างแอปพลิเคชัน iTax ขึ้นจากความคับข้องใจที่มองว่าภาครัฐปฏิบัติต่อผู้เสียภาษีเหมือน ‘วัวนม’ และทำให้กระบวนการยื่นภาษีมีความซับซ้อนเกินจำเป็น

KEY

POINTS

“ผมรู้สึกว่าเขามองผู้เสียภาษีเหมือน ‘วัวนม’ ที่เรามีหน้าที่ต้องผลิตนมให้ได้มากพอ แล้วพอถึงเวลาก็พยายามมาเค้นมาบีบเราทุกทาง

“แม้กระทั่งหน้าเว็บไซต์ยื่นภาษีก็ใช้ยากเหลือเกิน ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ทำให้เข้าใจง่ายกว่านี้หน่อย พอเราเห็นเราก็หงุดหงิด ทำไมที่เก็บภาษีของเรามันถึงพัฒนาตรงนี้ไม่ได้” 

‘ผศ.ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์’ ผู้ก่อตั้ง iTAX แอปพลิเคชันที่ทำให้ภาษีเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน และรองคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม บอกถึงความขุ่นเคืองที่ติดค้างอยู่ในใจมานานถึง 13 ปีให้ฟัง แต่ใช่ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาจะทำได้แค่ ‘บ่น’ จนเกิดเป็นแฮชแท็ก #อาจารย์มิกเป็นคนซีเรียส เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ชายคนนี้คือคนคิดการณ์ใหญ่ เขาอยากเห็นคนไทยมีที่พึ่งในการเสียภาษี โดยไม่ต้องเปิดคู่มือหรือตำราเล่มไหน ง่ายชนิดที่ว่าเด็กจบใหม่ก็สามารถยื่นภาษีได้โดยไม่ต้องมีที่ปรึกษาหรือข้อกังวลใจ

และเป็นเวลา 13 ปีแล้วที่เขาเปลี่ยนจากเสียงบ่น เสียงก่นด่า และความคับแค้นใจ มาเป็นการลงมือทำ พัฒนา ปรับปรุง นำความน่าปวดหัวของผู้เสียภาษีหลายล้านคนที่พบเจอ มาเปลี่ยนเป็นแอปฯ ยื่นภาษีของทุกคน 

นี่คือเรื่องราวของ ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ หรืออาจารย์มิกเป็นคนซีเรียส แฮชแท็กที่หากโผล่ขึ้นหน้าฟีดใครแล้วเป็นต้องสะดุ้งกันบ้าง เพราะทุกตัวอักษรที่ถ่ายทอดออกมาล้วนแสบสันต์เสียจนอดทึ่งกับความจริงที่ชายคนนี้บอกเสียไม่ได้ เราอยากให้คุณสูดหายใจลึก ๆ มาทำความรู้สึกกับอาจารย์มิกเวอร์ชันไม่ซีเรียสกันบ้าง เพราะเขาคือคนที่ทำให้คนไทยไม่ต้องปวดหัวกับการยื่นภาษีอีกต่อไป 

ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ : ผู้ก่อตั้ง iTax ที่ไม่อยากเห็นคนเสียภาษีเป็นเพียง \'วัวนม\' ถูกรีดเค้นจากภาครัฐ

ก่อนจะมาเป็น ‘ฮีโร่’ ของประเทศ

“ผู้เสียภาษีคือฮีโร่ตัวจริงของประเทศนี้ เราจึงพัฒนาเทคโนโลยีที่ทำให้ภาษีเป็นเรื่องง่ายที่สุดสำหรับทุกคน เพราะนี่คือสิ่งที่ผู้เสียภาษีสมควรได้รับ” 

ข้อความเด่นหราที่ปรากฎบนหน้าเว็บไซต์ iTax ทำให้ผู้เขียนรู้สึกกินใจอย่างน่าประหลาด เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าเหล่าผู้ใช้แรงงานทั้งหลาย คือกลุ่มคนที่ทำให้ประเทศขยับเข้าใกล้ความเจริญเร็วขึ้นอีกขั้น หากไม่มี ‘ฮีโร่’ ซึ่งก็คือคนไทยทั้งประเทศ แน่นอนว่าบ้านเมืองเราคงพัฒนาไปได้ไม่ไกลมากนัก

แต่กว่าจะมีคนอย่างยุทธนาที่คิดถึงผลประโยชน์ของชาติได้ขนาดนี้ เราต้องขอย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของเขาเสียก่อน 

ยุทธนาเกิดและโตในครอบครัวคนจีน เป็นลูกชายคนเดียว วัยเด็กถูกรายล้อมด้วยญาติผู้ใหญ่ที่คอยดูแลไม่ห่างกาย เรียกได้ว่าหน้าที่ของเขามีเพียงอย่างเดียว คือ เรียนหนังสือให้ดีที่สุดก็พอ และยุทธนาก็ไม่ทำให้ที่บ้านผิดหวัง เขาเรียนอยู่ในระดับท็อปมาโดยตลอด ไม่เคยสร้างเรื่องหนักใจให้พ่อแม่เลยสักครั้ง นอกจากเก่งด้านวิชาการแล้ว เขายังมีความถนัดที่ถ่ายทอดมาจากคุณพ่ออีกทีหนึ่ง นั่นคือ การเป็นนักประดิษฐ์

“ผมอยากเป็นนักประดิษฐ์ มันเป็นอะไรที่สนุกดี ได้หยิบจับนู่นนี่นั่นมาทำเป็นอะไรใหม่ ๆ” เขาเล่าถึงความชื่นชอบวัยเด็ก 

“แต่การที่เรามาเรียนด้านนิติศาสตร์ เอาจริง ๆ ที่บ้านเขาน่ารักกับเรามาก ไม่เคยยัดเยียดความคิดอะไรมาเลย เขาพร้อมเคารพการตัดสินใจของเรา ซึ่งนิติศาสตร์ในมุมมองของเขามันก็ดี มันเป็นรากฐานของอะไรหลาย ๆ อย่าง เป็นมาตรฐานในสังคมเราก็ว่าได้”

ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ : ผู้ก่อตั้ง iTax ที่ไม่อยากเห็นคนเสียภาษีเป็นเพียง \'วัวนม\' ถูกรีดเค้นจากภาครัฐ

ก่อนจะไล่เรียงอาชีพที่เขาวางแผนไว้ว่า หลังจากเรียนจบกฎหมายจะก้าวสู่เส้นทางไหนให้ที่บ้านฟัง มีตั้งแต่ ทนายความ อัยการ ผู้พิพากษา ที่ปรึกษากฎหมาย นิติกร รับราชการ ประกอบธุรกิจส่วนตัว สอนหนังสือ เป็นทหาร หรือแม้กระทั่งตํารวจ

“ผมยังไม่เห็นวิชาชีพไหนที่ไม่ต้องการกฎหมายนะ” เขาย้ำ

ส่วนชีวิตการเป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยสยาม อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่ายุทธนาเป็นคนเรียนเก่ง ช่วงมหาลัย’ ของเขาจึงมักได้รับหน้าที่ติวหนังสือให้เพื่อน ๆ ก่อนสอบ ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าเพื่อนจะได้รับความรู้มากน้อยแค่ไหน แต่การทบทวนบทเรียนให้เพื่อนก่อนสอบ ทำให้เขาเจอความชอบของตัวเองอีกอย่าง นั่นคือ การเป็นคุณครู

“ตอนเรียนอยู่มหาลัย’ สยาม ผมรับหน้าที่ติวให้เพื่อนตั้งแต่ปี 1 ถึงปี 4 เหมือนว่าเพื่อนเขาดูทรงออกว่าใครจะสอนเขาได้ ทรงอย่างงี้น่าจะตั้งใจเรียน ผมเลยดูเหมือนจะเป็นที่พึ่งพาได้ เพื่อนเริ่มมาบอกให้เราช่วยติวให้หน่อย ไอ้ผมเองก็ได้สิ ตอนนั้นมันเหมือนพิธีกรรมเลยนะที่ทุกเทอมจะต้องมาติวกัน เริ่มจากการจับกลุ่มติวเล็ก ๆ 2-3 คน แล้วกลุ่มก็ค่อย ๆ ขยายใหญ่เรื่อย ๆ สมมติเราสอบกัน 5 วิชา ก็ติวกันเลย 5 วัน ก่อนเข้าสอบก็ติวอีก ผมทำแบบนี้สี่ปีติดกัน”

สิ่งหนึ่งที่ยุทธนาได้เรียนรู้ระหว่างการสอนคือ เขาเห็นแววตาที่เป็นประกายของเพื่อน หลังจากเขาบอกเทคนิคการจำไป และเพียงแค่แววตาที่ได้รับกลับมาระหว่างสอน ก็ทำให้ความฝันในการอยากเป็นครูของเขาเริ่มผลิบานในใจอย่างช้า ๆ

“เรารู้สึกเหมือนว่าเสพติดความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกที่ทำให้เขาเข้าใจเนื้อหา ความรู้สึกที่ทำให้เขาสอบผ่าน ทำให้เพื่อนมีชีวิตที่ดีขึ้น ทุกอย่างมันทำให้เรารู้สึกดีทั้งหมด กลายเป็นแพสชันในการสอนของเราในทุกเทอม”

ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ : ผู้ก่อตั้ง iTax ที่ไม่อยากเห็นคนเสียภาษีเป็นเพียง \'วัวนม\' ถูกรีดเค้นจากภาครัฐ

ปัง ปัง ปัง! ไปต่อแบบไม่มีหยุดพัก

ชีวิตสี่ปีในมหาลัย’ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ยุทธนาเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง สมกับการได้รับความไว้วางใจจากเพื่อน ๆ ให้เป็นคุณครูจำเป็นตลอดเวลาที่ผ่านมา แน่นอนว่านี่ก็กลายเป็นอีกครั้งที่ต้องเลือกทางเดินของชีวิต

ยุทธนาบอกว่าเขาโชคดีที่เรียนจบได้เกรดที่น่าพึงพอใจ จึงได้รับการทาบทามจากอาจารย์เอกชัย ไชยนุวัติ รองคณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม ให้กลับมาทำงานเป็นอาจารย์ผู้ช่วยที่คณะนิติศาสตร์ แต่สำหรับเราแล้วยุทธนาไม่ได้แค่โชคดี เพราะนี่คือผลแห่งความพยายามที่ชายคนนี้เก็บเกี่ยวเอาไว้ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา

“อาจารย์บอกว่าเขามีทุนพัฒนาบุคลากรของมหาวิทยาลัยสยาม คือหมายถึงว่าถ้าบุคลากรอยากเก่งขึ้นก็มีทุนสนับสนุนไปให้ ซึ่งรวมถึงการเรียนต่อต่างประเทศด้วย ซึ่งเรื่องต้องบอกว่าเรื่องไปเรียนต่อต่างประเทศมันเป็นความคิดที่คุณพ่อ ผมว่ามันถูกฝังหัวมาเรื่อย ๆ คือคุณพ่อเขาบอกว่าสมบัติหนึ่งที่มีติดตัวเราได้แน่แน่คือความรู้ 

“ฉะนั้นการไปเรียนต่างประเทศ ค่านิยม ณ วันนั้นของคนรุ่นนั้นด้วยนะ เขาบอกว่าการไปเรียนต่างประเทศ มันเป็นเรื่องที่โก้เก๋ เป็นเรื่องที่พิเศษ ไปแล้วเราคงได้อะไรบางอย่างกลับมา พ่อเชื่อว่าแบบนั้น ซึ่งเขาก็พูดถูก

ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ : ผู้ก่อตั้ง iTax ที่ไม่อยากเห็นคนเสียภาษีเป็นเพียง \'วัวนม\' ถูกรีดเค้นจากภาครัฐ

“แต่พ่อผมเนี่ย เขาสายอเมริกัน คือ ใส่ยีนส์ ขับรถอเมริกันพวงมาลัยซ้ายอะ ชอบอเมริกันมาก เขาบอกว่าไปอเมริกาดีกว่า ซึ่งเข้าใจได้ เพราะพ่อผมเขาเกิดในยุคหลังสงครามโลก อเมริกาเขาก็คือมหาอำนาจจริง ๆ เราก็เลยอยากไปเรียนต่างประเทศ และถ้าจะไปต้องไปอเมริกา อันนี้คือสิ่งที่คุณพ่อปลูกฝังความรู้สึกนี้มาให้”

โดยก่อนหน้าจะเดินทางไปเรียนต่างประเทศ ยุทธนาได้รับทุนปริญญาโท สาขาการทูตและการต่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยรังสิต หลังจากเรียนจบในปี 2551 เขาก็เดินทางไปใช้ชีวิตที่อเมริกา เรียนต่อสาขากฎหมายภาษีอากร มหาวิทยาลัยเซาท์เธิร์นเมโธดิสในวันต่อมา

เรียกได้ว่าชีวิตของเขาแทบไม่ได้หยุดพักจากการเรียนเลยก็ว่าได้

“ผมจำได้ว่าสอบเสร็จวันนี้วันรุ่งขึ้นขึ้นเครื่องเลย” เขาหัวเราะ

“ตอนไปถึงนี่ก็คือไปวันไปวันปฐมนิเทศเลยอะ คือ ปัง ปัง ปัง ปัง! ไม่ได้พักเลย อันนั้นก็เป็นจุดที่ทําให้ได้ไปได้ไปเรียนต่อ ก็คืออยู่ทํางานที่คณะก่อน 2 ปี เรียนเรียนปริญญาโทด้วย แล้วเราก็ค่อยไป”

ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ : ผู้ก่อตั้ง iTax ที่ไม่อยากเห็นคนเสียภาษีเป็นเพียง \'วัวนม\' ถูกรีดเค้นจากภาครัฐ

ความสัมพันธ์ที่ทั้งรักทั้งชัง 

“บอกตามตรงว่าหน้าที่ในการให้ความรู้ประชาชนในการยื่นภาษี ไม่ใช่หน้าที่ผมเลย มันก็น่าแค้นใจอยู่เหมือนกันนะ” อาจารย์มิกว่า เราได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วยกับอาจารย์ทุกอย่าง

“การเสียภาษีมันปรากฎอยู่ในรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำ เขาบอกว่าปวงชนชาวไทยมีหน้าที่เสียภาษีอากรตามที่กฎหมายกำหนด คือเขาพูดชัดมากว่าเรามีหน้าที่ ส่วนจะรู้ได้อย่างไรนั้นน่ะ มันควรจะเป็นภาครัฐที่มาสนับสนุนเรา ถูกมั้ย?” อาจารย์ถาม

เราพยักหน้าอีกครั้ง

“เขาไม่ให้กฎหมายมันเข้าถึงเราอะ ตอนนี้คือเขามองแบบภาครัฐจริง ๆ มองเราเป็นพลเมือง เป็นกำลังของเมือง ดังนั้นกฎหมายกำหนดมาตามนี้ คุณมีหน้าที่ต้องเสียภาษี ดังนั้นคุณต้องไปเสาะแสวงหาความรู้ด้วยมือของตัวเอง ซึ่งผมรู้สึกว่ามันดูผิดฝาผิดตัวไปนิดนึง คือถ้าเขาอยากให้คนทำถูกต้อง มันต้องสอนน่ะ ต้องให้ความรู้ ต้องเข้าถึงได้ 

“ผมคิดว่าถ้ามาได้ถูกทางเราจะไม่บ่นเรื่องนี้ แสดงว่าที่ผ่านมามันน่าจะมีอะไรผิดผิดพลาดประการใดบางอย่าง ต้องมีอะไรผิดพลาดตรงไหนอะ ทําให้เรารู้สึกว่าภาษีกับเราดู เป็นเรื่องที่มันห่างไกล อันนั้นก็คือเป็นเรื่องที่รู้สึกว่ามันต้องแก้นะ”

คำตอบของอาจารย์ส่งตรงมาถึงแก่นของความสงสัย ซึ่งการจะไขข้อสงสัยได้นั้นต้องแก้ที่ต้นเหตุ โชคดีที่อาจารย์ได้มีโอกาสเข้าไปพูดคุยกับกรมสรรพากร ในสมัย ‘ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ’ อธิบดีกรมสรรพากร เขาเป็นคนอนุญาตให้ iTAX เข้าไปเสนอไอเดีย 

“ผมคิดว่าผมเองก็พอมีศักยภาพอยู่บ้าง ก็เลยทำ iTax ขึ้นมา หงุดหงิดก็หงุดหงิด แค้นก็แค้น ผมบ่นแต่ก็ทำ บ่นไปทำไป มันก็เลยเป็นที่มาของ iTax 13 ปีแล้ว

“แล้วก็การเข้าไปพบกับอธิบดีกรมสรรพากร มันเริ่มมากจากสองฝั่ง ฝั่งแรกคือมาจากอาจารย์ของผมเขาติดต่อมา บอกว่าอธิบดีเขาสนใจผลงานอยากคุยด้วย คือถึงผมจะเรียนจบไปแล้วอาจารย์ก็ยังซัพพอร์ตมาโดยตลอด ไม่ได้หายไปไหน นั่นคือจุดแรกที่ทำให้ผมได้เข้าไปคุยกับสรรพากร

“ส่วนจุดที่สอง ผมมีรุ่นพี่ที่เป็นสตาร์ทอัพเหมือนกัน ไปเจอกับ ดร.เอกนิติพอดี ก็ขายให้เต็มที่ถามว่า ‘พี่เอกรู้จัก iTax มั้ย’ เขาก็บอกว่าไม่รู้ คืออะไร พี่เขาก็ลองจิ้ม ๆ ให้ดู ปรากฎว่าดร.เอกนิติชอบ เขาบอกว่ามันดีมาก เจ๋งมากเลย แล้วก็ถามอีกว่า iTax เชื่อมสรรพากรหรือยัง รุ่นพี่ก็บอกว่ายัง อธิบดีก็ถามเลยว่าทำไมยังไม่เชื่อม ประมาณว่าเอกชนมาช่วยเราแล้วทำไมเราไม่ซัพพอร์ตเขา มันก็เลยเป็นที่มาของการเชื่อมต่อ แล้วก็ได้มาคุยกัน เราก็เลยกลายเป็น official partner น่าจะเป็นรายแรก แล้วก็รายเดียว ณ เวลานี้ที่บุคคลธรรมดาสามารถเอาโปรไฟล์ข้อมูลที่กรอกไว้ในแอปฯ iTax ตอนยื่นภาษีนะ กดจิ้มยื่นปุ๊บ ข้อมูลที่อยู่ในแอปฯ ทั้งหมด มันจะวิ่งไปหาระบบของสรรพากรเลย”

ยุทธนาบอกอย่างภูมิใจ ว่าอย่างน้อยที่สุดความพยายามของเขาและทีมงานก็ไม่ได้สูญเปล่า 

แต่ยังมีอีกคำถามหนึ่งที่วิ่งวนไปมาไม่หยุดคือ ในฐานะที่ยุทธนาเติบโตมาจากสตาร์ทอัพก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม แอปฯ อย่างนี้ถึงมีคู่แข่งน้อยรายนัก ทั้ง ๆ ที่การแข่งขันน่าจะสูง แต่กลายเป็นว่า เขายังคงเป็นรายแรกและรายเดียวจนถึงปัจจุบัน

“ผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองนะ สมัยตอนที่เริ่มทำใหม่ ๆ ทำไมมันไม่มีคู่แข่งแบบตรง ๆ เลย ก็ไปถามพี่ที่เป็นนักลงทุน เขาบอกว่าประเทศไทยมีเจ้านึงพี่ยังว่าเยอะเลยนะ เพราะการจะหาคนที่รู้เรื่องภาษีอย่างดีทุกซอกทุกมุม แล้วต้องดีขนาดที่ว่าออกแบบได้ด้วยนะ มันก็ยิ่งลดลงมา ยิ่งยากไปใหญ่ พอเวลาผ่านไปเราก็มองมาที่เรื่องวัฒนธรรมองค์กรมากขึ้น ผมมาเป็นซีอีโอเอง ก็เลยเซ็ตขึ้นมาว่าอยากให้วัฒนธรรมองค์กรของเราไม่ซับซ้อน เป็งองค์กรที่เลือกทำสิ่งที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม เราอยากทำสิ่งนี้ให้เป็นมาตรฐาน ทำให้เห็นว่าเวลาจะดูแลประชาชนน่ะ นี่คือมาตรฐานที่ควรจะเป็น

“เพราะเราเองก็ออนอบร์ดเรื่องยื่นภาษี ทำให้กรมสรรพากรเก็บภาษีได้ง่ายขึ้น ถ้าบริการอื่นของภาครัฐมองเราเป็นต้นแบบว่านี่คือมาตรฐานที่ควรจะเป็น ผมว่าชีวิตคนไทยเราคงง่ายขึ้นเยอะ”

ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ : ผู้ก่อตั้ง iTax ที่ไม่อยากเห็นคนเสียภาษีเป็นเพียง \'วัวนม\' ถูกรีดเค้นจากภาครัฐ

iTax แอปฯ ที่ช่วยลดความปวดหัวในการยื่นภาษีให้คนไทย

66 ล้านคน คือ จำนวนประชากรไทย

11 ล้านคน คือกลุ่มคนที่อยู่ในในระบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

1.3 ล้านคนคือจำนวนคนที่ iTax ช่วยลดความปวดหัว ทำให้พวกเขายื่นภาษีง่ายขึ้น

ส่วนคนที่จ่ายภาษีก็มีจำนวนลดลงไปอีก คาดว่าจะมีราว 5 ล้านคนเท่านั้น 

นี่คือตัวเลขที่อาจารย์มิกแจกแจงให้ฟัง เรียกได้ว่าลดลงเหลือน้อยลงทุกขณะ แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาท้อแต่อย่างใด เพราะทุกคะแนนรีวิวแอปฯ ต่างกดให้ไม่ต่ำกว่าสี่ดาวทั้งนั้น

“ผมคงไม่กล้าการันตีว่ามันช่วยได้ทุกคนนะ แต่ผมว่า iTax น่าจะช่วยคนจํานวนมากได้ เหตุผลที่ผมเข้าข้างตัวเอง เพราะว่าผมดูตัวเรตติ้งเราได้ 4.8 เต็ม 5 ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าง่าย ใช้สะดวก สวย อัปเดต คือมันจะมีคีย์เวิร์ดวนไปวนมาอยู่แถวนี้ ซึ่งเรารู้สึกว่าสิ่งที่เรามองหาเรื่องภาษีจริง ๆ มันก็มีแค่นี้เองนะ 

เข้าใจง่าย

สะดวก

สวยงาม

และอัปเดตข้อมูลตามกฎหมายปัจจุบัน

คือสิ่งที่ยุทธนายืนยันว่าประชาชนผู้เสียภาษีมองหา พวกเขาไม่ได้ร้องขออะไรมากมาย ขอเพียงแค่นี้ก็ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นอีกเท่าตั้ว

ส่วนคำถามที่ว่าภาษีเก็บแล้วไปไหนนั้น ยุทธนาบอกว่าน่าแปลกที่ภาษีส่วนใหญ่ มักจะนำมาซึ่งสิ่งที่คนเสียภาษีไม่ได้ต้องการ

“ภาษีมันมาจากหลายที่ แต่ว่าการเอาไปใช้ ผมเรียกว่าไม่ถูกใจเราแล้วกัน ภาษีมันไม่เคยซื้อของให้เราอยากได้ แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทําไมมันถึงเป็นอย่างงั้นเหมือนกันนะ อย่างของมาเลเซียภาษีบ้านเขาคล้ายกับบ้านเรา แต่อัตราภาษีของเขาจะต่ำกว่าบ้านเรา ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ ซึ่งอันนี้เป็นวิจัยที่ผมทำสมัยเรียนจบใหม่ ๆ ไฟแรงมากก็ลองทำพวกนี้ดู เลยเห็นว่าภาษีที่เขาเก็บไปนำไปเขาโฟกัสเรื่องการสนับสนุนประชาชน จะมีเรื่องของการลดหย่อนภาษี หรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์กีฬา ค่าฟิตเนส ซึ่งมันมีตั้งแต่ตอนนั้นเลย

“เพราะเขาอยากให้คนไปออกกำลังกาย บ้านเราไม่มีนะ บ้านเราต้องไปรอ Easy E-Receipt แต่ของมาเลเซียเขามีเป็นประจำทุกปี แสดงว่าเขามองว่านี่คือสิ่งที่กระตุ้นให้คนไปทำสิ่งนั้น คือรัฐสนับสนุนประชาชนจริง ๆ พอผมเห็นเรื่องของการพัฒนาบุคคล ผมรู้สึกว่าค่าลดหย่อนมันสะท้อนวิธีคิดของรัฐบาลยังไง”

ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ : ผู้ก่อตั้ง iTax ที่ไม่อยากเห็นคนเสียภาษีเป็นเพียง \'วัวนม\' ถูกรีดเค้นจากภาครัฐ

ซีเรียส เพราะเป็นผลประโยชน์ของทุกคน

ไหน ๆ ก็ขึ้นชื่อว่าอาจารย์มิกเป็นคนซีเรียสแล้ว เราจึงอดถามไม่ได้ว่า ประเด็นไหนบ้างที่อาจารย์จะซีเรียสมากเป็นพิเศษ เขาตอบอย่างไม่ลังเลว่า คงเป็นประเด็นทางสังคม เพราะนี่คือสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ไม่ใช่สิ่งที่มองว่าควรปล่อยปละละเลยให้เป็นไปตามยถากรรม

“ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องตลก เพราะกระทบต่อชีวิตคน ยิ่งผมทำงานเรื่องภาษีด้วยแล้ว ทั้งเรื่องของการเป็นครูสอนหนังสือ ทำงานวิจัย ทำซอฟท์แวร์อะไรต่าง ๆ เองด้วย

“เราเป็นคนบอกว่าภาษีเป็นเรื่องดี ภาษีเป็นสิ่งที่นํามาสู่ความเจริญ เราควรจะทําหน้าที่อย่างถูกต้อง ซึ่งผมว่าผมมาส่งได้ครึ่งทางคือภาษี ถูกนําไปใช้ถูกเก็บอย่างถูกต้อง เราทําหน้าที่อย่างถูกต้อง แต่เอาไปใช้อย่างถูกต้องหรือเปล่า หมดหน้าที่ แล้วพอว่าเราเห็นว่าเราโกยคนเข้ามาเข้าระบบภาษีได้ สุดท้ายภาษีเอาไปใช้อะไรก็ไม่รู้ เราก็จะเริ่มรู้สึกว่า เฮ้ย! เหมือนเราไปหลอกเขามาจ่ายภาษียังไงไม่รู้ 

“เรามีความรับผิดชอบในหน้าที่ละ ว่าเราทําหน้าที่ผู้เสียภาษีอย่างถูกต้อง แล้วคนเอาภาษีเราไปใช้เนี่ย เขาทําหน้าที่บ้างรึเปล่า เขาใช้เหมือนเป็นเงินของตัวเองมั้ย หรือเขามองว่ามันเป็นเงินฟรี หรือเขามองว่ามันคืออํานาจหรือมันคืออะไร 

“คือผมก็ตั้งคําถามกับเรื่องนี้เยอะ พอเราทํามาสักพักแล้วเราเห็นความอิหยังวะหลายเรื่อง ก็เริ่มปากดี เริ่มปากแจ๋วขึ้น แล้วก็เริ่มพูดประเด็นพวกนี้เยอะขึ้น เรื่องพวกนี้เลยเป็นเรื่องที่ผมซีเรียสเป็นพิเศษ ผมอยากพูดมันออกมา อย่างน้อย ๆ ผมก็ไม่มีจะเสีย”

คำว่าไม่มีอะไรจะเสียของยุทธนายิ่งกระตุ้นความสงสัยเข้าไปอีกหนึ่งสเตป ราวกับชายตรงหน้าอ่านใจออก เขาเฉลยออกมาทันทีว่า ชีวิตตอนนี้เหมือนตัวคนเดียว ไม่มีลูก ไม่มีครอบครัว ดังนั้นการออกมาพูดของเขาจึงเป็นสิ่งที่ไม่ต้องกังวลมากนัก

แล้วไม่กลัวเหรอ - เราถาม

กลัวอยู่แล้ว - เขาตอบโดยไม่ลังเล

“กลัว…

“กลัวอยู่แล้ว ผมบอกว่าไม่กลัวก็คงไม่ได้ เพราะว่าเพื่อนผมยังกลัวแทนเลย บอกว่าประเทศนี้มันไม่ปกตินะมิก แต่ว่าผมไม่มีอะไรจะเสีย คุณพ่อคุณแม่ผมไม่อยู่แล้ว ผมไม่มีลูก ไม่มีครอบครัว คือผมตัวคนเดียวมาก ๆ ผมรู้สึกว่าอาจจะต้องเป็นคนแบบผมด้วยซ้ำที่สามารถเป็นคนเปิดให้เพื่อน ๆ ได้ก่อน

“เพื่อนก็แซว โอ้โห สุดยอดมากเลยมิก อยากกินไรนะ คือเขาบอกว่ามันเป็นมุกตลกร้ายนะที่เราพูดกันจนชินเนี่ย แสดงว่าลึก ๆ เรามีความกลัวเรื่องนี้อยู่แล้วถูกมั้ย ผมก็เข้าใจ แต่ว่าไม่เป็นไร ผมคิดว่างั้นก็ลองไปก่อนละกัน ถ้าผมเริ่มแค่เล็ก ๆ คนเดียวไม่เท่าไหร่ ผมก็คงโดนเก็บง่าย ๆ มั้ง ว่ากันตามตรง แต่ถ้าสิ่งนี้มันกลายเป็นบรรทัดฐาน แล้วคนรู้สึกว่าการออกมาพูดเป็นเรื่องปกตินี่นา ผมว่าถึงวันนั้นการเก็บผมเริ่มยากขึ้นแล้วนะ”

ถึงเรื่องที่คุยจะซีเรียสแค่ไหน แต่อาจารย์มิก(ที่เป็น)คนซีเรียสคนนี้ ก็ยังทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงด้วยตัวของเขาเอง เขาบอกว่าได้ไปดูหมอดูมาแล้ว ว่าทำเรื่องนี้ไม่อันตราย เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง ก่อนที่เราจะหลุดขำออกมา

“แต่ถ้าหมอไม่คอนเฟิร์มก็ไม่กล้าเหมือนกันนะ” (หัวเราะ)

ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ : ผู้ก่อตั้ง iTax ที่ไม่อยากเห็นคนเสียภาษีเป็นเพียง \'วัวนม\' ถูกรีดเค้นจากภาครัฐ

ก่อนที่เขาจะบอกว่าตอนนี้กำลังทำสตรีทแฟชั่นในชื่อแบรนด์ว่า TAXPLAYER เพราะจากที่เขาสังเกตเวลาแฟนบอลทีมต่าง ๆ จะมีเสื้อและสีประจำทีม ทำให้เขาเกิดคำถามในใจว่าแล้วคนเสียภาษีอย่างเรา ๆ จะมีเสื้อทีมบ้างได้หรือเปล่า

“เรียกว่าเป็นสตรีทแฟชั่นของผู้เสียภาษีแล้วกัน อย่างเวลาเราไม่พอใจเรื่องเหตุการณ์บ้านเมือง เราจะใส่เสื้อสีอะไร มันไม่มี ถูกมั้ย ผมอยากมีเสื้อสักตัวนึงที่เหมือนกับไม่พอใจเรื่องเนี้ย กูใส่เสื้อตัวนี้แหละให้รู้ว่ากูไม่พอใจนะ หรือเวลาติดต่อราชการ โอ้โห รู้สึกพินอบพิเทามากเลย เรารู้สึกเกรงใจ ทั้ง ๆ ที่เราเป็นคนเอาเงินภาษีไปจ่ายเงินเดือนเขาด้วยซ้ำ 

“ผมเลยอยากมีเสื้อตัวนึงที่ใส่ไปแล้วแบบ เฮ้ย! มันมาว่ะ นึกออกมั้ย ประกาศว่าเราเป็นเจ้าของประเทศ ว่าวันนี้ฉันมารับบริการน่ะ เธอต้องบริการฉันนะ เพราะฉันเป็นคนจ่ายภาษีให้เธอ อันนี้คือคอนเซ็ปต์ที่ผมอยากประกาศตัวว่าเราเป็นเจ้าของภาษี”

ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ : ผู้ก่อตั้ง iTax ที่ไม่อยากเห็นคนเสียภาษีเป็นเพียง \'วัวนม\' ถูกรีดเค้นจากภาครัฐ

ประเทศในฝันของผู้เสียภาษี

สิ่งหนึ่งที่อาจารย์มิกบอกตั้งแต่แรกว่าเขาเริ่มทำ iTax เพราะมีความแค้นเป็นประกายไฟเล็ก ๆ ให้เขาลุกขึ้นมาทำบางอย่าง เมื่อถามว่าทุกวันนี้เขายังแค้นใจอยู่ไหมที่เกิดเป็นคนไทย ชายตรงหน้าตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่า เขาไม่เคยรู้สึกแค้นที่เกิดในประเทศนี้ ในทางกลับกัน เขารู้สึกดีเสียอีกที่เกิดมาในประเทศที่ดีมาก ๆ อย่างประเทศไทย

“ผมรู้สึกโชคดีมากที่เกิดเป็นคนไทย เพราะถ้าผมได้เกิดอยู่ในประเทศที่ดีมาก ๆ อยู่แล้ว ผมอาจจะไม่สร้างความเปลี่ยนแปลงเลยก็ได้นะ ถ้าไม่อยู่ในประเทศนี้ คือผมอาจจะเป็นแค่ผู้ชม ผมไม่ได้ลงมาเป็นผู้เล่น แต่พอผมมาอยู่ที่ประเทศนี้ โอ้โห โอกาสในการพัฒนามันเยอะมากเหมือนกันนะ  อาจจะดูคิดบวก แต่ผมรู้สึกจริง ๆ ว่าชาเลนจ์ที่มันเกิดขึ้นทุกวันนี้ เพราะผมได้เกิดมาอยู่ในที่ที่ดีแล้ว

“ประเทศนี้จริง ๆ มีของดีเยอะมาก ผมคิดว่าเราแค่ต้องเก็บกวาดเรื่องชั่ว ๆ ออกไปให้หมด ประเทศนี้มันจะดีขึ้นได้แน่นอน”

ส่วนอนาคตที่จะเห็นประเทศในฝัน เขาบอกว่าคงเกิดขึ้นในอีก 20 ปี อย่างน้อย ๆ น่าจะก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างก่อนเขาเกษียณอายุการทำงานก็เป็นได้ แม้หนทางยังอีกยาวไกล แต่ชายคนนี้ก็ดูมีความหวังอยู่ไม่น้อย

“ผมว่าสัก 20 ปี น่าจะได้เห็นนะ ประเทศนี้น่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาดีกว่านี้ได้ เพราะปัจจัยบวกบ้านเรามีเยอะ แล้วก็ผมว่าคนไทยเริ่มตื่นรู้เรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกมากขึ้นอยู่พอสมควร เริ่มถามหาเรื่องสิ่งที่มันควรจะเป็นและเริ่มเรียกร้องในสิ่งที่แบบควรจะได้ ในขณะเดียวกันเราก็กล้าชี้แล้วว่าอะไรคือสิ่งที่ไม่ควรจะเป็น ผมว่าเทคโนโลยีทําให้เกิดความโปร่งใสเพิ่มขึ้น อะไรที่ไม่ถูกต้อง คนจะเริ่มออกมาพูดถึงมากขึ้น อีกอย่างคือผมอยากให้ประเทศนี้เอื้อกับเยาวชน เราอยากสร้างประเทศดี ๆ ส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้พวกเขา เราไม่อยากเป็นเหมือนคนรุ่นก่อนที่ส่งอะไรมาก็ไม่รู้ 

ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ : ผู้ก่อตั้ง iTax ที่ไม่อยากเห็นคนเสียภาษีเป็นเพียง \'วัวนม\' ถูกรีดเค้นจากภาครัฐ

“แต่โดยปกติผมเองก็ไม่ได้ใจดีขนาดนั้นนะ แต่ว่ามันเป็นความชอบของผมแล้วกัน คือผมรู้สึกว่าผมชอบทําสิ่งที่สามารถช่วยเหลือคนจํานวนมากได้ แล้วก็สถานะของผมตอนนี้ มีความพร้อมในระดับหนึ่ง ไม่ได้รู้สึกว่าการออกมาทุกครั้ง ต้องมีคนจำได้ แค่คิดว่าคงมีแต่เราเท่านั้นแหละที่สามารถปากแจ็วออกมาพูดเรื่องนี้ ช่วยแก้ปัญหานี้ให้คนได้ แล้วเขาได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ 

“มันก็เป็นศิลปินทํางานศิลปะน่ะ มีคนชื่นชมงานศิลปะของเรา เราในฐานะศิลปิน ก็มีความสุข ต้องการแค่นี้เลย”

ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ : ผู้ก่อตั้ง iTax ที่ไม่อยากเห็นคนเสียภาษีเป็นเพียง \'วัวนม\' ถูกรีดเค้นจากภาครัฐ

เรื่อง : วันวิสาข์ โปทอง

ภาพ : จุลดิศ อ่อนละมุน