The Beatles: ปรัชญาความ ‘ช่างแม่ง’ จากเพลง Let It Be
ท่ามกลางสายลมแห่งมหานครลอนดอน ปี 1969 บนดาดฟ้าของค่ายเพลงที่ก่อตั้งโดยวงดนตรีโคตรตำนานวงหนึ่งของโลก The Beatles อยู่บนนั้น ท่ามกลางเครื่องดนตรีหลากชิ้น สาย และตู้แอมป์ที่ถูกลำเลียงขึ้นมาตั้งรับลม จอห์น เลนนอน, พอล แม็กคาร์ตนีย์, จอร์จ แฮร์ริสัน และริงโก สตาร์ ยืนและนั่งประจำที่ ทั้งสี่คนหยิบเครื่องดนตรีและเริ่มบรรเลงบทเพลงที่ถูกจารึกไว้ในชื่อเรียกการแสดงแบบไม่เป็นทางการนักว่า The Beatles’ rooftop concertลมหนาวพัดพาเอาเสียงกีตาร์ เบส และกลองลงไปยังพื้นถนนด้านล่าง พร้อมกับเสียงร้องของจอห์นและพอลที่ตรึงคนเดินผ่านให้หยุดอยู่กับที่ ไม่ช้ากลุ่มผู้ชมเริ่มแน่นหนาขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็กีดขวางการจราจรบนท้องถนน ความวุ่นวายด้านล่างก่อตัวขึ้นขณะที่ The Beatles ยังคงเล่นเพลง ‘Get Back’ เป็นรอบที่สาม ก่อนที่จะถูกตำรวจสั่งให้หยุดการแสดงคอนเสิร์ตฟรีที่คนต้องแหงนหน้าดูแต่เพียงเท่านั้นนั่นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นการแสดงคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของ The Beatles ด้วยระยะเวลาสั้น ๆ และเพลงที่ถูกเล่นจริงไม่กี่เพลง ฟุตเทจเหล่านั้นถูกบันทึกไว้ในสารคดีที่ปล่อยมาพร้อมอัลบั้มสุดท้ายของวงเมื่อปี 1970อัลบั้มนั้นมีชื่อว่า ‘Let It Be’/ เมื่อผมตกอยู่ท่ามกลางปัญหา คุณแม่แมรีมาหาและบอกผมว่าจง ‘ช่างแม่งมัน’ /อัลบั้มสีขาวและความจริงสีดำย้อนกลับไปเมื่อปี 1968 ก่อนหน้าที่ The Beatles จะผลิตอัลบั้ม ‘Let it Be’ พวกเขากำลังวุ่นวายกับการบันทึกเสียงอัลบั้มก่อนหน้า ‘The Beatles’ หรือที่รู้จักกันในนามอัลบั้มปกขาว ‘The White Album’ Studio album ชุดที่ 9 และเป็นชุดแรกภายใต้ Apple Records Lebel ค่ายเพลงของพวกเขาเองท่ามกลางปกอัลบั้มที่เป็นสีขาวสว่าง ความจริงอันมืดดำถึงจุดจบของวงระดับตำนานวงนี้ได้คืบคลานเข้ามาหาพวกเขาช้า ๆ ในรูปแบบของปัญหาภายในค่าย ความขัดอกขัดใจภายในหมู่สมาชิก และในรูปแบบของ ‘เมีย’ เพื่อนร่วมวงก่อนหน้าช่วงเวลาบันทึกเสียงไม่นาน จอห์นพบรักกับ ‘โยโกะ โอโนะ’ (และหย่าขาดกับภรรยาเก่าอย่าง ซินเธีย เลนนอน) จอห์นและโยโกะตัวติดกันเหมือนปาท่องโก๋ จอห์นมักพกโยโกะมาที่ห้องอัดด้วย และให้เธอมีส่วนช่วยในการออกความเห็นต่าง ๆ เกี่ยวกับ The Beatles ซึ่งแม้เซอร์เจมส์ พอล แม็กคาร์ตนีย์ จะออกมาบอกภายหลังว่าโยโกะไม่ใช่ชนวนสำคัญของการที่สี่เต่าทองต้องวงแตก แต่ในเวลานั้น การมีอยู่ของเธอร่วมกับบุคลิกที่เริ่มจะ ‘ไม่เอาการเอางาน เอาใจแต่โยโกะ’ ของจอห์นก็ได้สร้างความลำบากใจให้กับเพื่อนร่วมวงอยู่ไม่น้อย เช่นที่พอลเคยกล่าวถึงช่วงเวลาเหล่านั้นไว้ว่า“จอห์นขลุกอยู่แต่กับโยโกะ และความสัมพันธ์ของเราก็เริ่มแตกสลาย มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของเราทั้งคู่ ผมรู้สึกได้ถึงจุดสุดท้ายของ The Beatles และนั่นทำให้ผมร้อนใจมากจริง ๆ”แม้จะพบช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่พอลก็ยังเป็นนักแต่งเพลงที่หยิบทุกอย่างในชีวิตมาเป็นแรงบันดาลใจ ในไม่ช้าความระส่ำระสายของวงก็ได้กลายมาเป็นบทเพลงฮิตอีกเพลงของ The Beatles ปรัชญาความช่างแม่งจากแม่ถึงพอลพอลคิดจนหัวแทบระเบิดทุกวันว่าจะทำอย่างไรกับวงที่เริ่มมาถึงทางตันวงนี้ดี และคืนหนึ่งในห้วงฝัน เขาก็ได้พบว่าคำตอบของคำถามนั้นคือการ ‘ช่างแม่ง’ ไปเถอะ (หรือพูดแบบซอฟต์หวานตามน้ำเสียงในเพลงว่า ‘ปล่อยให้มันเป็นไป’)คืนนั้นพอลหลับไป ในฝันเขาเห็นแม่ผู้ล่วงลับจากโรคมะเร็งของเขายืนคอยอยู่“สิ่งดี ๆ ของความฝันคือคุณได้พบกับคนที่จากไปแล้วอีกครั้ง ราวกับว่าเขายังอยู่และได้ใช้เวลาร่วมกันอีกหน”พอลยังบอกอีกว่า“ในความฝัน ‘แมรี’ แม่ของผมบอกว่า ‘ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกังวลจนเกินไปหรอก’ ผมไม่แน่ใจว่าเธอได้พู ดคำว่า ‘Let It Be’ หรือเปล่า แต่นั่นแหละคือใจความสำคัญ”พอลตื่นจากความฝัน เขารู้สึกอบอุ่นและปล่อยวางอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตอนนั้นเองที่เขาเริ่มเขียนเพลง ‘Let It Be’/ When I find myself in times of trouble, Mother Mary comes to me // Speaking words of wisdom, let it be /ถนนแอบบีย์ และ let it be ที่ค้างคาหลังจากปล่อยเพลงชุด ‘The White Album’ ในปี 1968 และ ‘Yellow Submarine’ ในปี 1969 ความระหองระแหงในวง The Beatles ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะปี 1969 ช่วงเวลาที่ทำอัลบั้ม ‘Let It Be’ นั้นเรียกได้ว่าเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ไร้สุข และเป็นประสบการณ์แย่ ๆ ของ The Beatles ทุกคนจอห์นกับพอลทะเลาะกัน ส่วนจอร์จก็ทะเลาะกับพอลและจอห์นอีกที จอร์จสุดจะทนกับความเจ้ากี้เจ้าการของพอล และความไร้ประโยชน์ของจอห์นเสียจนเคยหนีการอัดเสียงไปดื้อ ๆ ได้เป็นอาทิตย์ จนต้องมีคนไปหว่านล้อมให้กลับมาทำเพลงต่อนั่นแหละ จอร์จถึงได้ยอมอย่างเสียไม่ได้อันที่จริงแล้ว The Beatles พา ‘Let It Be’ เข้าห้องอัดก่อนอัลบั้มรองสุดท้ายอย่าง ‘Abbey Road’ ที่เริ่มทำและปล่อยในปี 1969 ด้วยซ้ำ แต่ความเละไม่เป็นท่าของการระดมสมองที่เต็มไปด้วยอัตตาและความไม่ชอบขี้หน้าเพื่อนร่วมวงนั้นก็นำมาซึ่งการเลื่อนปล่อยอัลบั้มนี้ออกไปแบบไม่มีกำหนด มีเพียงเพลง ‘You Know My Name (Look Up the Number)’ และ ‘Let It Be’ เท่านั้นที่ปล่อยออกมาก่อนในรูปแบบซิงเกิล และแน่นอนว่า ‘Let It Be’ ทะยานขึ้นชาร์ตอย่างสง่างามแบบไม่มีอะไรมาฉุดเรื่องน่ารู้คือแม้เครดิตผู้แต่งในเพลงนี้จะถูกบันทึกไว้ว่า เลนนอน - แม็กคาร์ตนีย์ แต่จอห์น เลนนอนกลับยืนกรานเสียงแข็งว่า “ผมไม่ได้มีส่วนในเพลงนี้แม้แต่เสี้ยว พอลแต่งคนเดียว จนมันน่าจะเป็นเพลงของ Wings (วงของพอลหลัง The Beatles วงแตก) มากกว่าวงเราซะอีก”/ And when the brokenhearted people living in the world agree. There will be an answer, let it be /เนื้อเพลงเรียบง่าย เสียงเปียโนคลอเคล้า ท่อน ‘คุณแม่แมรี’ และการเรียบเรียงดนตรีเสมือนเพลง gospel ที่ร้องในโบสถ์ ทำให้ ‘Let It Be’ ถูกตีความในเชิงศาสนาโดยกลุ่มผู้ฟังที่นับถือคริสต์ ‘พระแม่มารี’ ที่ช่วยเหลือ ‘มนุษย์ผู้ช้ำรัก’ และ ‘ต้องพรากจากคนที่ห่วงใย’ ด้วยการบอกให้ ‘ปล่อยวาง’ กลายเป็นการตีความแบบใหม่ที่พอลไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ นอกจากบอกว่าเรื่องราวพวกนี้เป็นอีกสิ่งที่น่าหลงใหลในการฟังเพลงความวุ่นวายที่น่าเศร้าของ Let It Be ยังดำเนินเรื่อยไป ท่ามกลางกล้องวิดีโอบันทึกฟุตเทจมากมายที่ถูกคัดและบรรจุลงในสารคดีชื่อเดียวกันLet The Beatles Beสารคดี ‘Let It Be’ นั้นระอุไปด้วยไอของความขัดแย้ง บรรยากาศอึมครึมเหมือนเมฆและฝนในเมืองลอนดอนที่ตั้งเค้าตลอดเวลา การอัดเสียงทับแทร็ก แก้โซโล่ดนตรี และมิกซ์เพลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบหาจุดลงตัวไม่ได้กันยายน 1969 ระหว่างการบันทึกเสียง ‘The End’ เพลงสุดท้ายของอัลบั้ม ‘Abbey Road’ จอห์น เลนนอน ตัดสินใจบอกเพื่อนร่วมวงว่าเขาจะไม่ร่วมงานกับ The Beatles อีก ขณะที่ พอล แม็กคาร์ตนีย์ ประกาศผ่านสื่อในเดือนเมษายน 1970 หลังจากปล่อย ‘Let It Be’ ในรูปแบบซิงเกิลไปไม่นาน ถึงการลาออกจากวงอย่างเป็นทางการของเขาวันที่อัลบั้มชุดสุดท้าย Let It Be พร้อมสารคดีบันทึกฟุตเทจได้วางขายจริง ๆ The Beatles ก็วงแตกไปแล้ว พวกเขาทุกคน ‘ช่างแม่ง’ ทั้งชื่อเสียง ความสำเร็จ และวงที่สร้างมาด้วยกัน เพื่อออกเดินทางด้วยตัวเอง/ For though they may be parted, there is still a chance that they will see. There will be an answer, let it be /The Beatles ยุบวง ปิดตำนาน จอห์น พอล จอร์จ ริงโก สี่มหาเทพยอดขายถล่มทลายแห่งยุค 60s ไว้ที่ปี 1970 โดยมีอัลบั้ม ‘Let It Be’ พร้อมสารคดีเป็นอัลบั้มอำลา ช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ของ The Beatles ผ่านไป หากก็ทิ้งมรดกมากมายไว้กับโลกดนตรี และทิ้งความทรงจำร้าย ๆ ที่กลายเป็นดีในภายหลังไว้ในใจของเซอร์เจมส์ พอล แม็กคาร์ตนีย์ เจ้าของเพลงฮิตเพลงนี้ที่ตัดสินใจ ‘Let The Beatles Be’ ในวันนั้น เขาออกมาพูดหลังจากผ่านเรื่องราวมากมายมาโดยไร้เพื่อนร่วมวงเคียงกายว่า“ผมดีใจที่พวกเขาบันทึกทุกอย่างในช่วงเวลาที่เราอัดเสียงเอาไว้ มันมีมิตรภาพและความรักซ่อนอยู่ระหว่างเรา เรื่องราวเหล่านั้นเตือนใจให้ผมรู้ว่าผมและพวกเขา - เราเคยมีช่วงเวลาที่สวยงามเพียงใด”เรื่อง: จิรภิญญา สมเทพที่มา: http://www.beatlesebooks.com/let-it-be-songhttps://www.liveabout.com/the-beatles-let-it-be-history-2523729https://www.radiox.co.uk/artists/beatles/let-it-be-meaning-story-lyrics/https://www.billboard.com/articles/columns/rock/8543413/paul-mccartney-billboard-cover-story-interview-2019/http://www.beatlesebooks.com/let-it-be-song