logo-pwa

เพิ่ม Thepeople

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด

‘โคลอี้ หม่า’ ผู้ก่อตั้ง KOI Thé ยกให้ ‘ชานมไข่มุก’ คือจิตวิญญาณและเปรียบเป็นบ้านเกิดของเธอ

‘โคลอี้ หม่า’ ผู้ก่อตั้ง KOI Thé ยกให้ ‘ชานมไข่มุก’ คือจิตวิญญาณและเปรียบเป็นบ้านเกิดของเธอ

จุดเริ่มต้นของ KOI Thé (โคอิ เตะ) ชานมไข่มุกจากไต้หวันที่เริ่มมาจากการคิดต่างของ ‘โคลอี้ หม่า’ (Khloe Ma) เธออยากทำธุรกิจที่ต่างไปจากกิจการครอบครัว ซึ่งทำชาอยู่และและมีชื่อเสียงในไต้หวัน โดยเธอเป็นคนชอบเดินทางต่างประเทศ และปิ๊งไอเดียอยากเห็นเครื่องดื่มประจำชาติไต้หวันอยู่ในทุก ๆ ที่ที่เธอไป

  • KOI Thé (โคอิ เตะ) ก่อตั้งในปี 2006 เป็นแบรนด์ชานมไข่มุกสัญชาติไต้หวัน และปัจจุบันมีเพียง 2 สาขาในไต้หวันที่เป็นธุรกิจโมเดลเพื่อขยายสาขาไปต่างประเทศ
  • โคลอี้ หม่า’ (Khloe Ma) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ KOI Thé ที่หลงใหลงานบริการตั้งแต่เด็ก เติบโตจากครอบครัวธุรกิจชาชื่อดังในไต้หวัน

 

“ฉันเป็นคนชอบท่องเที่ยวมาก แต่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าฉันมีชานมไข่มุกจะรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเสมอ”

ประโยคพูดที่มาจากผู้ก่อตั้ง KOI Thé (โคอิ เตะ) ชานมไข่มุกสัญชาติไต้หวันแท้ ๆ ‘โคลอี้ หม่า’ (Khloe Ma) ที่เกิดและโตมากับครอบครัวทำธุรกิจด้านชาอยู่แล้ว โดยพ่อแม่ของเธอมักให้ช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นการปลูกฝังแนวคิดการทำธุรกิจอยู่บ่อย ๆ

 

 

โตมากับครอบครัวธุรกิจชาในไต้หวัน

สำหรับวัฒนธรรมของไต้หวัน ‘การดื่มชา’ เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ขณะที่บางคนเปรียบเสมือน ‘จิตวิญญาณ’ ของพวกเขา หนึ่งในนั้นก็คือ ครอบครัว ‘หม่า’ ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่และ โคลอี้ หม่า ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์ KOI Thé แต่ตอนแรก ๆ เธอใช้ชื่อว่า KOI Cafe เมื่อเปิดตัว

ธุรกิจครอบครัวของ โคลอี้ หม่า เป็นร้านชาชื่อดังของไต้หวันชื่อว่า 50 Lan’s อยู่ในนครไถจง ภาคกลางของไต้หวัน เริ่มทำธุรกิจตั้งแต่ปี 1994 ดังนั้น ประสบการณ์เกือบ 30 ปีของครอบครัว โคลอี้ หม่า ทำให้เธออยากต่อยอดธุรกิจเกี่ยวกับชา แต่เป็นในสไตล์ของเธอตั้งแต่ที่ได้เข้ามาช่วยกิจการที่บ้านเต็มตัวเรื่องการดูแลเฟรนไชน์ทั้งหมดในภูมิภาค

โคลอี้ หม่า ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร CEO ว่า “ฉันคิดตั้งแต่ตอนนั้นว่าอยากจะทำอะไรที่แตกต่างไปจาก 50 Lan’s ฉันเป็นคนที่หลงใหลและชอบโลกของงานบริการตั้งแต่แรก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม”

 

จุดเริ่มต้นของ KOI Thé

อย่างที่บอกว่า โคลอี้ หม่า อยากทำอะไรสักอย่างที่แตกต่างไปจากธุรกิจครอบครัว และเธอที่เป็นคนไต้หวันแท้ ๆ ที่รักและชื่นชอบการดื่มชาในชีวิตประจำวัน ดังนั้น เธอจึงเลือกชามาต่อยอดธุรกิจของตัวเองจึงเป็นที่มาของเครื่องดื่ม ‘ชานมไข่มุก’

แม้ว่า โคลอี้ หม่า จะไม่ใช่คนแรก ๆ ที่ทำเครื่องดื่มประเภทนี้ขึ้นมา แต่เธอก็คัดสรรชาอย่างดีจาก 50 Lan’s มาต่อยอดเครื่องดื่มใหม่ โดยเริ่มต้นจากเมนูง่าย ๆ เบสิกที่สุดก็คือ ‘ชาดำ + นม’ และเพิ่ม ‘ไข่มุก’ ที่ทำมาจากแป้งมันสำปะหลังหรือเยลลี่ผลไม้เพิ่มความสดชื่น

โคลอี้ หม่า ได้พูดว่า “ฉันมีความสุขมากที่ได้เห็นผู้คนเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มที่ฉันทำเอง ฉันเชื่อในการบริการที่ดีว่าจะช่วยพัฒนาธุรกิจได้เสมอ”

จุดเด่นของ KOI Thé โคลอี้ หม่า เคยพูดเมื่อตอนให้สัมภาษณ์ว่า เป็นรสชาติของชาที่มีคุณภาพสูง เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีกลิ่นชาชัดเจนไม่ใช่นมอย่างเดียว ส่วนไข่มุกเลือกระดับความหนึบพอดีไม่เหนียวจนเกินไป ซึ่งเธอพูดว่า ค่อนข้างมั่นใจในคุณภาพของชา KOI Thé ด้วยความที่ตัวเธอเดินทางไปต่างประเทศมาทั้งชีวิต และชอบศึกษาตลาดเครื่องดื่มจากทั่วโลกมาตลอด

“ฉันอยากทำเครื่องดื่มที่เป็นสัญลักษณ์ของไต้หวันและมีคุณภาพ ฉันเดินทางไปหลายประเทศแต่ยังไม่เจอรสชาติชาที่เหมือนกับของเราเลย”

ทั้งนี้ ช่วงแรก ๆ ที่ KOI Thé เปิดให้บริการ ใช้ชื่อว่า KOI Café ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 โดยครั้งแรกที่เปิดตัวถือว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างสูง จากนั้นในปี 2007 ได้ขยายสาขาในต่างประเทศไปที่สิงคโปร์เป็นที่แรก เหตุผลเพราะว่าคนสิงคโปร์ชอบดื่มชาและเข้าใจรสชาติชาไต้หวันได้ดี

จุดประสงค์ของ KOI Thé ตั้งแต่แรก ๆ ก็คือ ตลาดต่างประเทศอยู่แล้วเพราะต้องการสร้างการรับรู้เรื่องชาของไต้หวันไปทั่วโลก ขณะที่ในไต้หวันมีเพียง 2 สาขาเท่านั้นเพื่อเป็นโมเดลธุรกิจที่ประเทศต้นกำเนิด ดังนั้น โคลอี้ หม่า รับบทหนักศึกษาตลาดต่างประเทศและเปิดสาขามากขึ้นเรื่อย ๆ จนปัจจุบัน KOI Thé ขยายสาขาในหลายประเทศ ตั้งแต่ สิงคโปร์ จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม กัมพูชา ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เมียนมา บังกลาเทศ และ ดูไบ เป็นต้น

 

เปลี่ยนชื่อเพราะปรัชญาธุรกิจ

ย้อนไปในปี 2015 จาก KOI Café เปลี่ยนชื่อมาเป็น KOI Thé เพราะต้องการสื่อถึงปรัชญาของแบรนด์ที่โดดเด่นเรื่องชา ดังนั้น จึงโฟกัสไปที่ชา วัฒนธรรมดการดื่มชาเป็นหลัก และทำให้ภาพลักษณ์ของ KOI Thé ในต่างประเทศว่าเป็นแบรนด์ที่เด่นเรื่องการขายชา ไม่ใช่เป็นคาเฟ่ทั่วไป

ขณะที่ในปี 2021 KOI Thé ในสหรัฐอเมริกาได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘FIFTYLAN’ มีรายงานว่า โคลอี้ หม่า ต้องการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ และเพื่อเป็นแนวทางในการรีแบรนด์ทั่วโลกในอนาคต ซึ่งสหรัฐฯ เป็นประเทศแรกและประเทศเดียวในตอนนี้ที่ใช้ชื่อแบรนด์นี้

โคลอี้ หม่า ถือว่าหนึ่งในนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จจากไอเดีย การคิดค้น และเริ่มต้นจากตัวเองแบบ 100% โดยเธอมองว่า ในเมื่อธุรกิจที่บ้านเป็นธุรกิจชาที่ถูกยกย่องและได้รับการยอมรับในไต้หวันอยู่แล้ว อาจง่ายต่อการต่อยอดธุรกิจได้ แต่หากทำได้ไม่ดี คุณภาพไม่เป็นไปตามมาตรฐานหรือดีกว่า นั่นอาจหมายถึงการพาธุรกิจอื่นในครอบครัวดำดิ่งไปด้วย

“การดื่มชาควรเป็นกิจกรรมที่มีความสุข ดังนั้น เป็นเรื่องง่ายที่เราจะยืนหยัดในการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพราะ KOI Thé ไม่ได้ขายที่รสชาติเท่านั้น แต่จุดขายคือ คุณภาพของวัตถุดิบและที่มาของวัตถุดิบที่เป็นมใตรกับสิ่งแวดล้อม” โคลอี้ หม่า พูดทิ้งท้ายบทสัมภาษณ์กับ CEO Magazine

 

ภาพ: the ceo magazine

อ้างอิง:

CEO Magazine

Koi the

Investerest