29 ก.ค. 2568 | 19:12 น.
ในยุคที่โลกเผชิญกับความขัดแย้งและรอยร้าว ดนตรีได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในฐานะ ‘ภาษาสากล’ ที่ทรงพลังที่สุดในการเชื่อมโยงผู้คน โครงการ "Sounds of Brotherhood" หรือ "เสียงแห่งภราดรภาพ" โดย World Youth Orchestra Foundation (มูลนิธิวงออร์เคสตราเยาวชนโลก) ได้เดินทางมาถึงประเทศไทย เพื่อสร้างสะพานแห่งวัฒนธรรม มิตรภาพ และความเข้าใจอันดีระหว่างสองชาติ
โครงการนี้ไม่ใช่แค่การแสดงดนตรี แต่คือห้องปฏิบัติการทางศิลปะชั้นเลิศ ที่มีเป้าหมายสูงสุดในการส่งเสริมสันติภาพและการเจรจาผ่านบทเพลงและศิลปะการแสดง โดยมีหัวใจสำคัญคือการพัฒนาศักยภาพของนักดนตรีรุ่นใหม่ และใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือในการทลายกำแพงทางวัฒนธรรม
World Youth Orchestra Foundation ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2014 โดยสืบทอดเจตนารมณ์จากโครงการที่เริ่มต้นในปี 2001 มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการใช้ดนตรีเป็นสารแห่งสันติภาพในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก หลังจากประสบความสำเร็จอย่างงดงามในเวียดนาม เลบานอน บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา โมร็อกโก และอิหร่าน โครงการ "Sounds of Brotherhood" ซึ่งได้รับรางวัลเหรียญเชิดชูเกียรติจากประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิตาลี ก็ได้ปักหมุดหมายต่อไปที่ประเทศไทย
กิจกรรมในประเทศไทยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม ถึง 8 สิงหาคม โดยได้รับการสนับสนุนหลักจาก Fondazione CDP และ Studio LCA ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย และสถาบันวัฒนธรรมอิตาลีในกรุงเทพฯ
ความพิเศษของโครงการในครั้งนี้ คือการร่วมมืออย่างแข็งขันกับสถาบันการศึกษาชั้นนำของไทยถึง 7 แห่ง ได้แก่ สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยศิลปากร, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยรังสิต, มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า "เป็นโอกาสพิเศษสำหรับนักศึกษาไทยที่จะเติบโตผ่านการแลกเปลี่ยนทางศิลปะและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก... ส่งเสริมความเป็นพลเมืองโลก ความสามัคคี และมิตรภาพที่ยั่งยืน" เช่นเดียวกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปัณณวิช สนิทนราทร คณบดีคณะดนตรี มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ที่มองว่าโครงการนี้สอดคล้องกับ "ความมุ่งมั่นที่มีมายาวนานของสถาบันฯ ในการร่วมมือทางศิลปะระหว่างประเทศ"
ตลอดระยะเวลาโครงการ จะมีการจัดเวิร์คช็อปและกิจกรรมการศึกษาทางดนตรีขั้นสูง นำโดยบุคลากรระดับโลกอย่าง ฟรานเซสโก มานารา (Francesco Manara) นักไวโอลินโซโล่หลักจากโรงละคร La Scala อันเลื่องชื่อ และ ดามิอาโน จูรันนา (Maestro Damiano Giuranna) ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และผู้ก่อตั้งมูลนิธิฯ ควบคู่ไปกับเวิร์คช็อปการละครสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ
กิจกรรมนี้มี 2 การแสดงสำคัญที่จะเปิดให้ผู้สนใจได้เข้าชม ได้แก่ ร็อกโอเปร่า "Bring Me to Love" การแสดงสุดพิเศษในวันที่ 1 สิงหาคม ณ Alliance Française กรุงเทพฯ นี่คือผลงานต้นฉบับที่เกิดจากการสร้างสรรค์ร่วมกันระหว่าง ดามิอาโน จ
รันน่า, เอมิเลียโน แมนนา (Emiliano Manna), นักศึกษาจาก 3 มหาวิทยาลัยในไทย และ Cosenza Conservatory of Music จากอิตาลี บทเพลงจะถูกถ่ายทอดผ่าน 3 ภาษา (ไทย, อังกฤษ, อิตาลี) เพื่อสำรวจบาดแผลของสงคราม เชิดชูความรัก และภราดรภาพ ในฐานะเครื่องมือแห่งการเยียวยา
ต่อด้วย คอนเสิร์ตใหญ่รอบสุดท้าย (Grand Finale) การแสดงปิดท้ายอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 6 สิงหาคม ณ หอประชุมมหิดลสิทธาคาร (Prince Mahidol Hall) พบกับการรวมพลังของนักดนตรีเยาวชน 90 ชีวิตจากไทยและทั่วโลก ในนาม World Youth Orchestra บรรเลงบทเพลงสุดคลาสสิก โดยมี ฟรานเซสโก มานารา รับหน้าที่นักไวโอลินโซโล และอำนวยเพลงโดย ดามิอันโน จูรันนา
นอกจากนี้ โครงการยังขยายผลสู่สังคมผ่านกิจกรรม WYO4CHILDREN ซึ่งเป็นการฝึกอบรมดนตรีให้แก่เด็กๆ ที่โรงเรียนวังน้อยพนมยงค์วิทยา จ.พระนครศรีอยุธยา และจะมีการจัดประชุมเสวนาทางวิชาการร่วมกับ La Sapienza University of Rome อีกด้วย
เปาโล ดิโอนิสิ (H.E. Paolo Dionisi) เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย กล่าวว่า "โครงการนี้ช่วยสร้างสะพานทางดนตรีระหว่างอิตาลีและไทย ที่ซึ่งดนตรีได้กลายเป็นภาษากลางและเปิดโอกาสให้เกิดการเสวนาข้ามวัฒนธรรม"
ขณะที่ ดามิอันโน จูรันนา ผู้ก่อตั้งโครงการ ได้ให้มุมมองที่ลึกซึ้งว่า "ในยุคที่โลกเผชิญความขัดแย้ง... Sounds of Brotherhood ต้องการทำงานร่วมกับคนหนุ่มสาว... ผ่านศิลปะที่ฟื้นฟูโลกแห่งความรู้สึก และตระหนักว่าผู้อื่นคือพี่น้องของเรา"
โครงการ "Sounds of Brotherhood" เป็นมากกว่ากิจกรรมทางดนตรี แต่คือการยืนยันว่า แม้โลกจะแตกต่างหลากหลาย แต่ศิลปะและดนตรีสามารถเป็นเส้นด้ายที่ร้อยรัดใจผู้คนให้เป็นหนึ่งเดียว สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาสร้างสะพานแห่งภราดรภาพ ความเป็นปึกแผ่น และความผูกพันระหว่างประชาชนต่อไป
นี่คือบทพิสูจน์ของโครงการที่เดินทางมาแล้วทั่วโลก ครอบคลุมกว่า 75 ประเทศ 300 มหาวิทยาลัย และเข้าถึงผู้ชมกว่า 10 ล้านคน
หมายเหตุ: ผู้สนใจร่วมชมการแสดงคอนเสิร์ต ร็อค โอเปร่า Bring Me To Love ในวันที่ 1 สิงหาคม เวลา 19.00 น. ณ สมาคมฝรั่งเศส ถนนวิทยุ และการแสดงคอนเสิร์ต Grand Finale ในวันที่ 6 สิงหาคม เวลา 19.00 น. ณ มหิดลสิทธาคาร ศาลายา สามารถลงทะเบียนเพื่อสำรองที่นั่ง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ได้ที่ https://www.worldyouthorchestra.it/