23 ก.ย. 2568 | 19:59 น.
ในขณะที่ภาพจำของ “รถลักชัวรี” หรือ “แรร์ไอเท็มแฟชั่น” มักจะผูกกับโลเคชันใจกลางเมืองอย่างสยาม สุขุมวิท หรือย่านไลฟ์สไตล์พรีเมียม เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ กลับเลือกที่จะ “หักมุม” ด้วยการยกอีเวนต์สุดหรูอย่าง “GALLERY OF DREAM” มาจัดในย่านฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ
นี่จึงไม่ใช่เพียงการโชว์รถซูเปอร์คาร์หรือสินค้าแบรนด์เนม แต่เป็นการสะท้อน “กลยุทธ์การตลาด” ที่ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ต้องการยกระดับศูนย์การค้าให้กลายเป็น Social Space ที่เข้าถึงทุกกลุ่ม ทั้งครอบครัว คนรุ่นใหม่ และแม้กระทั่งลูกค้ากำลังซื้อสูง เพราะวันนี้ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ เป็นศูนย์ฯ ที่รวมไลฟ์สไตล์แบรนด์ กิน ดื่ม แฟชั่น อาทิ NaiSnow ชาผลไม้จีน, กาแฟ Pacamara, SUSHI SEKI อาหารญี่ปุ่น , แบรนด์เครื่องหอมอย่าง Karmakamet, Nitori ของตกแต่งบ้านสไตล์ญี่ปุ่น, ร้านอุปกรณ์กีฬาครบวงจร Foot Locker, แบรนด์เสื้อผ้าและแฟชั่นสัญชาติไทยสุดฮิต Gentle Woman, Urban Revivo แบรนด์แฟชั่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และอีกหลากหลายแบรนด์ดังที่ไม่แพ้ศูนย์ฯใจกลางเมือง รองรับลูกค้าในวันที่ต้องการใช้ชีวิตสบายๆ อย่างง่ายๆ สอดรับกระแส Quiet Luxury
สิ่งที่น่าสนใจคือ เดอะมอลล์ เลือกใช้ M Grand Hall ของสาขาบางกะปิ เป็นเวทีนำเสนอยนตรกรรมระดับตำนาน เช่น Porsche 911 Targa 4S, Aston Martin Vantage ไปจนถึง Nissan GTR R35 Nismo Special Edition ที่ผลิตเพียง 300 คันทั่วโลก พร้อมด้วยสินค้าแบรนด์เนม Rare Item Handmade กว่า 40 ชิ้น มูลค่ากว่า 50 ล้านบาทมาจัดแสดง เมื่อประกอบกับสิทธิประโยชน์ที่ให้ลูกค้า
ในงาน ไม่ว่าจะเป็น Voucher Giveaway มูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท หรือการดื่มกาแฟพรีเมียมจาก Hai Coffee Roaster จึงทำให้ประสบการณ์ในครั้งนี้ไม่ต่างจากการ “จำลองวิถีชีวิตลักชัวรี” มาไว้ในย่านที่ปกติไม่ได้ถูกนิยามว่าเป็น High-end
หากมองผิวเผิน การจัดงานลักชัวรีในศูนย์การค้าที่มีภาพจำเป็น “ศูนย์การค้าสำหรับครอบครัว” อาจดูขัดแย้ง แต่เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ กลับพลิกมุมมองนี้ให้เป็นจุดแข็ง — การทำให้ความหรูหรา เข้าถึงได้และสัมผัสได้จริง (Accessible Luxury) เป็นประสบการณ์ที่เงินก็หาซื้อไม่ได้
และในเชิงกลยุทธ์ นี่คือการ “รีโพซิชัน” เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ไม่ใช่เป็นแค่ศูนย์การค้า แต่เป็น แลนด์มาร์กแห่งประสบการณ์ ที่คนทุกกลุ่มสามารถมา “เช็กอินความฝัน” ได้
“GALLERY OF DREAM” ที่กำลังจัดอยู่ตั้งแต่วันนี้ – 28 กันยายน นี้ จึงไม่ใช่แค่อีเวนต์แสดงซูเปอร์คาร์หรือสินค้าแฟชั่น แต่เป็นกรณีศึกษาว่าศูนย์การค้าในยุคใหม่สามารถใช้ Experiential Marketing + Accessible Luxury ในการสร้างความแตกต่างและดึงดูดกลุ่มลูกค้าหลากหลาย พร้อมวางหมากให้ “บางกะปิ” กลายเป็น Destination ของประสบการณ์เหนือระดับไม่แพ้ย่านใจกลางเมือง