‘สะพานสายรุ้ง’ (Rainbow Bridge) ความเชื่อที่ว่าสัตว์เลี้ยงจากไป เพื่อไปรอเรา

‘สะพานสายรุ้ง’ (Rainbow Bridge) ความเชื่อที่ว่าสัตว์เลี้ยงจากไป เพื่อไปรอเรา

‘สะพานสายรุ้ง’ (Rainbow Bridge) ความเชื่อที่ว่าสัตว์เลี้ยงแสนรักจากไป เพื่อไปรอเรา พร้อมบทเรียนจากจิตวิทยาว่าด้วยความผูกพันและการพลัดพราก

KEY

POINTS

  • ความผูกพันระหว่างมนุษย์กับสัตว์เลี้ยงคือความรักที่แท้จริง ไม่ต่างจากความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน จิตวิทยาเรียกสายใยนี้ว่า attachment bond  
  • ตำนาน ‘สะพานสายรุ้ง’ คือรูปแบบหนึ่งของการรักษาความผูกพัน แม้การจากลาจะเกิดขึ้นแล้วก็ตาม แนวคิดนี้สอดคล้องกับทฤษฎี Continuing Bonds 
  • ความเศร้าและความรู้สึกผิดหลังการสูญเสียสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องธรรมดา และสามารถรับมือได้ด้วยวิธีที่อ่อนโยนต่อหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยในความคิด เขียนจดหมาย หรือเลี้ยงสัตว์ตัวใหม่ 

การจากไปของสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นสุนัข แมว หรือสิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วที่เคยซบตัวลงบนตักของเรา มักถูกตีค่าต่ำกว่าความเจ็บปวดจริง ๆ ที่ผู้สูญเสียต้องเผชิญ

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าการสูญเสียนั้น ‘เล็ก’ เช่นเดียวกับร่างกายของพวกเขาเลย
จิตวิทยาเรียกความผูกพันระหว่างมนุษย์กับสัตว์เลี้ยงว่า ‘attachment bond’

เป็นสายใยที่ไม่ได้ต่างอะไรจากความผูกพันระหว่างคนกับคน เป็นรักที่ไม่มีถ้อยคำ แต่ซึมซับด้วยพฤติกรรม ความเคยชิน และความรู้สึกอุ่นใจอย่างลึกซึ้ง

ในโมเมนต์ที่สัตว์เลี้ยงจากไป จิตใจของเจ้าของจึงมักตกอยู่ในภาวะ ‘grief’ หรือความเศร้าโศกที่แท้จริง

‘เอลิซาเบธ คอบเลอร์-รอสส์’ (Elisabeth Kübler-Ross) ได้เสนอโมเดลที่รู้จักกันในชื่อ ‘5 Stages of Grief’ ซึ่งช่วยอธิบายความรู้สึกสับสนของเราหลังการสูญเสีย

ไม่ว่าจะเป็น ‘การปฏิเสธ’ (Denial) ที่พาเราเอาแต่คิดว่า “มันต้องมีอะไรผิดพลาด” หรือ ‘ความโกรธ’ (Anger) ที่เกิดขึ้นอย่างเงียบงันกับโลกที่ไม่ยุติธรรม ตามมาด้วย ‘การต่อรอง’ (Bargaining) ที่มักแฝงอยู่ในการอธิษฐาน เช่น “ถ้าเขายังอยู่ ขอให้ฉันแลกได้” และ ‘ความเศร้า’ (Depression) ที่ค่อย ๆ พาเราเข้าสู่ความเงียบ จนกระทั่ง ‘การยอมรับ’ (Acceptance) ซึ่งไม่ใช่การลืม แต่คือการอยู่กับความคิดถึงโดยไม่จมหาย

หนึ่งในการปลอบโยนที่มีผู้คนพูดถึงมากที่สุด ก็คือตำนาน ‘สะพานสายรุ้ง’ (Rainbow Bridge)

ตำนานเล่าว่าเมื่อสัตว์เลี้ยงตาย วิญญาณของพวกเขาจะเดินทางไปยังทุ่งหญ้าอันแสนสงบที่ปลายสะพานสายรุ้ง และเมื่อวันหนึ่งเจ้าของเสียชีวิต วิญญาณของทั้งสองจะได้พบกันอีกครั้ง 
 

แม้จะไม่ปรากฏอยู่ในหนังสือทางวิชาการ แต่นักจิตวิทยาบางกลุ่มมองว่านี่คือรูปแบบหนึ่งของ ‘Continuing Bonds Theory’ ซึ่งเสนอว่าความสัมพันธ์กับผู้ที่จากไป ไม่จำเป็นต้อง ‘ตัด’ เสมอไป หากเรายังสามารถเก็บรักษาความทรงจำและความผูกพันในรูปแบบใหม่ การเชื่อว่าสัตว์เลี้ยงยังรอเราอยู่ที่ไหนสักแห่ง ไม่ได้เป็นแค่ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ แต่เป็นหนึ่งในกลไกที่ช่วยให้หัวใจมนุษย์ “ยังคงเดินต่อไปได้”

บางคนอาจรู้สึกผิดเมื่อหัวเราะได้อีกครั้ง หรือรู้สึกเหมือนทรยศ เมื่อเริ่มรักสัตว์ตัวใหม่

แต่ในทางจิตวิทยา การรู้สึกผิดหลังความสูญเสียเป็นธรรมชาติของการฟื้นฟู ‘Self-Concept’ หรือ ‘ภาพลักษณ์ตนเอง’ ที่ต้องปรับตัวจากบทบาท ‘เจ้าของสัตว์เลี้ยง’ มาเป็น ‘ผู้ที่เคยมีความรักที่งดงามมาก่อน’

การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ไม่ใช่การลืม แต่เป็นการส่งต่อความอ่อนโยนในรูปแบบใหม่ เหมือนกับแสงอาทิตย์ที่ไม่เคยหยุดส่อง เพียงแค่เปลี่ยนมุมจากฟ้าหนึ่งไปอีกฟ้าหนึ่ง

การเขียนจดหมายถึงสัตว์เลี้ยง การวาดภาพ การวางชามข้าวไว้เหมือนเดิม หรือแม้แต่การพูดคุยกับเขาในความคิด ล้วนเป็นวิธีที่นักจิตวิทยายอมรับว่าเป็น ‘adaptive coping mechanisms’ ซึ่งช่วยให้เรารับมือกับความเจ็บปวดโดยไม่ต้องฝืนลืม

สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การหนี แต่คือการโอบกอดความทรงจำอย่างมีสติ และนั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์ยังคงเป็นมนุษย์ สิ่งมีชีวิตที่สามารถแบกรักอันใหญ่โตไว้ในหัวใจได้ แม้สิ่งนั้นจะจากไปแล้วก็ตาม

สะพานสายรุ้งไม่จำเป็นต้องอยู่บนฟ้าเสมอไป มันอาจเป็นสะพานที่ทอดผ่านจากวันที่มีเขาอยู่ ข้ามคืนวันแห่งน้ำตา มาสู่เช้าใหม่ที่เรายังจำเขาได้อยู่เสมอ
 

หากวันนี้คุณยังร้องไห้เพราะคิดถึงสัตว์เลี้ยง อย่ารู้สึกแปลก หากวันนี้คุณยังเรียกชื่อเขาเบา ๆ ก่อนนอน อย่ารู้สึกผิด เพราะสายใยแห่งรักนั้นไม่เคยตาย แม้กายจะดับลง

และหากวันใดคุณเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วรู้สึกเหมือนมีใครบางตัวกำลังรออยู่เบื้องหลังเมฆ ขอให้รู้ไว้ว่า… คุณไม่ได้คิดไปเอง คุณแค่ยังรัก และยังถูกรัก เหมือนเดิม

 

เรียบเรียง: พาฝัน

อ้างอิง:
Adams, C. L., Bonnett, B. N., & Meek, A. H. (2000). “Predictors of grief and client needs after euthanasia of a pet.” Journal of the American Veterinary Medical Association, 216(11), 1705-1710.  

Packman, W., Field, N. P., Carmack, B. J., & Ronen, R. (2011). “Continuing bonds and psychosocial adjustment in pet loss.” OMEGA - Journal of Death and Dying, 62(4), 335-352.  

Nagasawa, M., et al. (2015). “Oxytocin-gaze positive loop and the coevolution of human-dog bonds.” Science, 348(6232), 333-336.  

Handlin, L., et al. (2011). “Short-term interaction between dogs and their owners: Effects on oxytocin, cortisol, insulin and heart rate-An exploratory study.” Anthrozoös, 24(3), 301-315.  

Anderson Cooper & Stephen Colbert, CNN Interview (2019): “Grief is love with nowhere to go.” CNN Transcript

Harvard Health Publishing, “Coping with grief and loss.”  

Lifton, R. J. (1979). “The concept of symbolic immortality.” Death Education, 3(2), 187-206.  

“Rainbow Bridge: Explaining pet loss to children.” American Veterinary Medical Association (AVMA).  

Romanoff, B. D., & Terenzio, M. (1998). “Rituals and the grieving process.” Death Studies, 22(8), 697-711.  

Field, N. P., et al. (2009). “Continuing bonds in bereavement: An attachment theory based perspective.” Death Studies, 33(8), 684-711.  

Wrobel, T. A., & Dye, A. L. (2003). “Grieving pet death: Normative, gender, and attachment issues.” OMEGA - Journal of Death and Dying, 47(4), 385-393.  

Adams, C. L., & Bonnett, B. N. (1996). “The human side of pet loss.” The Canadian Veterinary Journal, 37(8), 495-498.