12 ต.ค. 2563 | 11:45 น.
ความสำเร็จจากรายการเรียลิตีร้องเพลงอย่าง AF (ทรู อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย) ทำให้ชื่อของนักร้องหน้าใหม่อย่าง อ๊อฟ-ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ กลายเป็นที่รู้จักในวงการดนตรีไทย ก่อนที่ต่อมาเพลงจากอัลบั้มแรกในชีวิตของเขาอย่าง ‘จากคนรักเก่า’ จะเป็นความสำเร็จที่การันตีให้ อ๊อฟ-ปองศักดิ์ ก้าวขึ้นมาอยู่ในอุตสาหกรรมเพลงไทยได้อย่างเต็มตัว อ๊อฟ เป็นเจ้าของบทเพลงเศร้าสุดฮิตมากมาย เช่น ‘อย่าใกล้กันเลย’, ‘ของที่เธอไม่รัก’, ‘แทงข้างหลัง...ทะลุถึงหัวใจ’ และ ‘เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย’ เสียงร้องที่ถ่ายทอดความเศร้าผ่านบทเพลงได้เป็นอย่างดี รวมกับการเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ที่แฝงไปด้วยลีลาจัดจ้านบนเวที ทำให้ปัจจุบัน อ๊อฟ-ปองศักดิ์ เป็นที่ยอมรับในฐานะนักร้องคุณภาพ แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เขาก็ต้องผ่านความล้มเหลวมาแล้วมากมาย แถมเมื่อจะมีคอนเสิร์ตเดี่ยว ‘Magic Night Concert คืนมหัศจรรย์วันของอ๊อฟ ปองศักดิ์’ กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็มีอันต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 The People มีโอกาสคุยกับ อ๊อฟ-ปองศักดิ์ ในหลากหลายประเด็นของชีวิต ทั้งเรื่องราวในวัยเด็ก การเปิดตัวว่าเป็น LGBTQ+ มุมมองความรักที่เปลี่ยนไป และเรื่องความสูญเสียที่เขาต้องก้าวข้ามไปให้ได้ The People: กว่าจะมาเป็น อ๊อฟ-ปองศักดิ์? ปองศักดิ์: อ๊อฟโตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างอบอุ่น มีพี่น้อง 4 คน คือพี่สาว 2 คนแล้วก็พี่ชาย อ๊อฟเป็นคนสุดท้อง เราโตมาด้วยความสนิทสนมกันมาก ๆ เพราะคุณแม่กับป๊าจะสอนให้เรารักกัน ดูแลกัน ช่วยเหลือกัน เราอยู่ในครอบครัวฐานะปานกลาง ไม่ได้ลำบากมากแล้วก็ไม่ได้รวย ทำให้เราได้มีโอกาสสู้ชีวิต มีช่วงหนึ่งที่บ้านล้มละลายจากธุรกิจส่งออก ส่งไม้ออกนอกประเทศ มันก็พัง เราก็ผันตัวเองไปเป็นพ่อค้าแม่ค้า ที่บ้านมีรถกระบะ เอามาทำเป็นเหมือนชั้นวางขายพวกข้าวแกง เพื่อที่จะขนไปขายตามตลาดต่าง ๆ เรื่องนี้เลยทำให้เราเข้าใจชีวิตมาก เข้าใจว่าวัฏจักรของชีวิตรวยจนเป็นยังไง มีไม่มีเป็นยังไง ถ้าเกิดว่าอยากจะมีก็ต้องทำ ป๊ากับแม่จะสอนให้เราลำบาก ถ้าอยากได้ก็ต้องทำให้ได้เอง ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ The People: ชีวิตมาเจอกับการร้องเพลงได้อย่างไร ปองศักดิ์: บ้านอ๊อฟเป็นบ้านค่อนข้างบันเทิงนิดหนึ่ง คือป๊าชอบร้องเพลง แม่ก็ชอบร้องเพลง เลยทำให้เราซึมซับมาตั้งแต่เด็ก ๆ เวลาอยู่บ้านก็จะได้ยินป๊าและแม่ร้องเพลง แล้วทุกวันอาทิตย์จะเป็นวันรวมญาติ รวมพี่รวมน้อง แล้วก็ร้องเพลงสนุกสนานเฮฮากัน เลยทำให้เราค่อนข้างเป็นบ้านที่เอนเตอร์เทน ทำให้เรารักไปโดยปริยาย พอร้องเพลงมาสักพักก็รู้สึกว่าตัวเองชอบมาก เริ่มรู้สึกว่าตัวเองชอบจากการที่เราฟังเพลงและไปประกวดร้องเพลง อ๊อฟประกวดร้องเพลงมาเยอะมาก หลายรายการ ต้องบอกก่อนว่าเราเกิดที่กรุงเทพฯ แต่คุณแม่เป็นคนเชียงใหม่ เราก็เลยไปโตที่เชียงใหม่ แล้วก็กลับมาเรียนกรุงเทพฯ ชีวิตจะไป ๆ มา ๆ เกี่ยวข้องกับเชียงใหม่ ซึ่งต้องบอกเลยว่าเชียงใหม่เป็นเมืองผลิตนักร้องเก่ง ๆ นักดนตรีเจ๋ง ๆ เลยทำให้เราได้ซึมซับ แล้วก็ประกวดร้องเพลงตามเวทีต่าง ๆ เวทีเล็กเวทีใหญ่ เวทีในกรุงเทพฯ รายการต่าง ๆ อ๊อฟไปมาหมด เพราะตอนเด็ก ๆ มีความฝันอยากเป็นนักร้อง แต่มันเป็นไปได้ยากสำหรับเด็กบ้านนอก เราเลยต้องเก็บความฝันนั้นเอาไว้ แต่ว่าไม่ใช่เก็บไว้เฉย ๆ ก็พยายามไขว่คว้ามัน ไปประกวดร้องเพลงต่าง ๆ