25 ก.ค. 2568 | 16:30 น.
KEY
POINTS
ท่ามกลางผืนทรายอันเวิ้งว้างของตะวันออกกลาง ในประเทศที่ประชาชนถูกบังคับให้เชื่อในสิ่งที่ไม่เคยเห็นด้วยตา ‘ซัดดัม ฮุสเซน’ สถาปนาระบอบเผด็จการขึ้นในอิรัก มิใช่เพียงด้วยปืนกลหรือคำประกาศทางวิทยุ แต่ด้วยกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่ซับซ้อน นั่นคือการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ตนเอง และกระจายภาพลักษณ์แห่ง ‘ความหวัง’ ไปยังเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง
ในโลกของซัดดัม ลูกชายไม่ใช่เพียงลูกชาย แต่คืออนาคต คือเครื่องยืนยันว่าอำนาจจะตกทอดต่อไปอย่างไร้รอยรั่ว นั่นคือที่มาของตำนาน ‘อูเดย์ ฮุสเซน’ ลูกชายคนโตผู้ถูกเลือกให้เป็น ‘เทพบุตรของชาติ’
อูเดย์ ฮุสเซน เกิดเมื่อ 18 มิถุนายน 1964 ในกรุงแบกแดด และเป็นบุตรชายคนโตของซัดดัม ฮุสเซน ซึ่งในระยะแรกได้รับการถือว่าเป็นทายาทที่เป็นที่ชื่นชอบและน่าจะเป็นผู้สืบทอดอำนาจ
ตั้งแต่กลางทศวรรษ 1980 อูเดย์ได้ควบคุมสถานีวิทยุ สถานีโทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์รายวัน Babil (ชื่ออาหรับของบาบิโลน) รวมถึงกระทรวงเยาวชน แต่ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการโอลิมปิกของอิรักในช่วงกลางทศวรรษ 1990 กลับมีรายงานว่าอูเดย์ได้คุมขังและทรมานนักกีฬาที่ผลงานไม่เป็นที่พอใจ
ในสงครามอิรัก-อิหร่าน (1980-1988) ซึ่งยืดเยื้อยาวนานเป็นเวลาเกือบแปดปี ซัดดัมใช้อุดมการณ์ชาติพันธุ์และศาสนาเป็นเชื้อเพลิงเร่งไฟแห่งความเกลียดชัง เขาประกาศว่าศัตรูคือชีอะห์หัวรุนแรงจากอิหร่านที่มุ่งทำลายศักดิ์ศรีของชาวสุหนี่ในอิรัก และเมื่อกองทัพต้องการ ‘พลังใจ’ ซัดดัมก็ให้ลูกชายของเขาสวมเครื่องแบบ สวมบทผู้นำเยาวชน และเป็นดั่งเงาของพ่อในสนามรบ
อูเดย์ในสนามรบคือมายาภาพของการเสียสละ เขาถูกถ่ายภาพขณะโอบทหาร ตะโกนปลุกใจ หรือแจกอาหารในโซนหลังแนวรบ กล้องทุกตัวบันทึกไม่ใช่เพื่อรายงานข่าว แต่เพื่อสร้างความเชื่อในตำนานว่า ‘เลือดของซัดดัมกำลังอยู่ในแนวหน้า’ ความจริงที่ว่าลูกชายแทบไม่เคยเสี่ยงอันตราย กลับถูกลบล้างด้วยโฆษณาชวนเชื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลังสงครามที่ยืดเยื้อจบลงอย่างไร้ผู้ชนะ ซัดดัมหันเหเป้าหมายใหม่ไปที่คูเวต ด้วยข้ออ้างว่าคูเวตกำลังขโมยน้ำมัน และทำลายเศรษฐกิจของอิรัก เป็นอีกครั้งที่ อูเดย์ ฮุสเซน กลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของความกล้าหาญแบบปลอม ๆ
หลังจากนั้น ยังได้ก่อตั้งและผู้บัญชาการของ Fedayeen Saddam องค์กรกึ่งทหารที่ภักดีซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยส่วนตัวของซัดดัม ฮุสเซน เขาควบคุมสถานีโทรทัศน์อิรัก สั่งผลิตสารคดี ปราศรัยปลุกใจ และบันทึกภาพตนเองในบทผู้นำการต่อต้านจักรวรรดินิยม
แต่ในโลกของซัดดัม ภาพนั้นไม่มีอยู่จริง เบื้องหลังภาพเหล่านั้นเต็มไปด้วยความวิปริตของลูกชาย
อูเดย์ใช้เงินฟุ่มเฟือยและชอบใช้ความรุนแรง พฤติกรรมที่ผิดปกติของเขาเป็นที่รู้กันอย่างแพร่หลาย เขาเพลิดเพลินกับการฆ่าคนเป็นว่าเล่น การล่วงละเมิดทางเพศ และการทรมานที่โหดร้าย
นักกีฬาแทบทุกคนมีรอยแผลเป็นทางร่างกายหรือจิตใจที่เกิดจากการกระทำของอูเดย์ ฮุสเซน บุตรชายคนโตของซัดดัม ฮุสเซน ผู้ที่เข้าควบคุมคณะกรรมการโอลิมปิกของอิรักในปี 1984
อูเดย์ทำให้พ่อของเขาไม่พอใจในปี 1988 เมื่อเขาทำร้ายผู้ช่วยส่วนตัวคนหนึ่งของซัดดัมจนตายในที่สาธารณะ ผลที่ตามมาคือเขาถูกจำคุกสั้น ๆ แล้วถูกเนรเทศไปสวิตเซอร์แลนด์
ไม่ใช่เพียงอูเดย์เท่านั้นที่ได้รับการสร้างภาพ กูเซย์ ฮุสเซน ผู้เป็นน้องชายก็ถูกวางไว้ในบทบาทที่สงบกว่า ในฐานะเจ้าชายผู้เงียบขรึม แม้ว่ากูเซย์จะโหดร้ายเท่ากับพี่ชายของเขา แต่เขามีความรอบคอบและเก็บตัวมากกว่าอูเดย์ และด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงไม่ค่อยรู้เรื่องชีวิตส่วนตัวของเขามากนัก
กูเซย์ศึกษากฎหมายที่มหาวิทยาลัยแบกแดดและทำหน้าที่เป็นรองหัวหน้าองค์กรรักษาความปลอดภัยพิเศษของซัดดัม ซึ่งกล่าวกันว่าเขาใช้อำนาจของเขาในการทรมานและประหารนักโทษและฝ่ายค้านทางการเมืองโดยไม่ผ่านการพิจารณา และตัวเขาเองได้กลายเป็นแผนสำรองในกรณีที่ตำนานของพี่ชายล่มสลาย
หลังจากความพยายามลอบสังหารในปี 1996 ซึ่งอูเดย์ถูกยิงและพิการ กูเซย์เข้าควบคุม fedayeen รวมถึงกองรักษาการณ์สาธารณรัฐและกองกำลังรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ
หลังอิรักพ่ายแพ้ในสงครามอ่าว เศรษฐกิจล่มสลาย ประชาชนเริ่มตั้งคำถาม แม้จะยังพูดไม่ได้ในที่แจ้ง แต่เสียงกระซิบในตลาด ในบ้าน ในโรงเรียน ก็ค่อย ๆ ดังขึ้น อูเดย์เริ่มถูกเกลียดอย่างเปิดเผย การใช้ความรุนแรงของเขาทวีคูณ และสุดท้ายกลายเป็นรอยร้าวที่แม้แต่ซัดดัมเองก็เริ่มกลัว
ในช่วงปลายของระบอบนี้ พฤติกรรมที่เลวร้ายของอูเดย์ทำให้ซัดดัมตัดสินใจว่า เขาจะให้บุตรชายคนที่สองที่รอบคอบกว่าเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง
ในช่วงปลายของระบอบนี้ ลูกชายที่เคยเป็น ‘พระเอก’ กลายเป็น ‘ปีศาจ’ ที่ซัดดัมต้องจัดฉากให้หายหน้าเป็นช่วง ๆ เพื่อคลายแรงกดดันจากประชาชน
เมื่อสหรัฐบุกอิรักในปี 2003 ตำนานทั้งหมดพังทลายลงในเวลาไม่กี่วัน เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม การจู่โจมโดยกองพลร่มลงของสหรัฐ หน่วยที่ 101 และทหารจาก Task Force 20 ได้สังหารบุตรชายของซัดดัม (อูเดย์และกูเซย์) พร้อมกับหลานชายคนหนึ่งของเขา ในเมืองโมซูล ประเทศอิรัก
ซัดดัมตอบสนองต่อข่าวการตายด้วยท่าทีที่ขัดแย้งกัน ทั้งโศกเศร้าและเชิดชู “เราขอบคุณพระเจ้าที่ให้เกียรติแก่เราด้วยการเป็นมรณสักขีของพวกเขาเพื่อพระองค์ ชาวอิรักที่รัก บุตรชายและพี่น้องของพวกท่าน อูเดย์ กูเซย์ และมุสตาฟา บุตรชายของกูเซย์ ได้แสดงการศรัทธาในสนามยุทธแห่งญิฮาดในโมซูล หลังจากการต่อสู้อย่างกล้าหาญกับศัตรูเป็นเวลาหกชั่วโมงเต็ม
“ข้าพเจ้าขอบอกกับประชาชนที่ซื่อสัตย์ของเราและชาติอาหรับที่ยิ่งใหญ่ของเราว่า เราเสียสละชีวิตและเงินทองเพื่อพระเจ้า เพื่ออิรัก และเพื่อชาติของเรา หากซัดดัม ฮุสเซน มีลูกชาย 100 คน นอกจากอูเดย์และกูเซย์ ซัดดัม ฮุสเซน ก็จะยอมเสียสละพวกเขาในเส้นทางเดียวกัน (แห่งการเป็นมรณสักขี)”
นี่คือหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า ซัดดัมใช้การตายของลูกชายเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อจนถึงนาทีสุดท้าย โดยเปลี่ยนความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นการเป็นมรณสักขีและการต่อสู้อย่างกล้าหาญ
สิ่งที่ซัดดัมทำ ไม่ได้แตกต่างจากผู้นำเผด็จการคนอื่น ๆ มากนัก นั่นคือการใช้โฆษณาชวนเชื่อและการควบคุมสื่อเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ต้องการ ความแตกต่างคือการที่เขาเลือกใช้ลูกชายเป็นใบหน้าหลักของการโฆษณาชวนเชื่อนี้
สงครามอิรัก-อิหร่าน และสงครามอ่าว มีสาเหตุทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน ไม่ใช่การ ‘สร้างสงคราม’ เพื่อลูกชาย แต่เมื่อสงครามเหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว ซัดดัมก็ฉวยโอกาสใช้เป็นเวทีในการโฆษณาชวนเชื่อ โดยให้ลูกชายแสดงบทบาทเป็นผู้นำรุ่นใหม่และสัญลักษณ์ของความหวัง
ท้ายที่สุด ระบบโฆษณาชวนเชื่อที่ซับซ้อนที่สุดก็ไม่อาจต้านทานความเป็นจริงได้ เมื่อกองทัพอเมริกันเข้ามา ภาพลักษณ์ที่สร้างขึ้นมาทั้งหมดก็พังทลายลงในเวลาไม่กี่วัน เหลือไว้เพียงบทเรียนว่า อำนาจที่อาศัยแต่ภาพลักษณ์โดยไม่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ย่อมไม่อาจคงอยู่ได้นาน
เรียบเรียง: พาฝัน ศรีเริงหล้า
ภาพ: Getty Images
อ้างอิง:
History.com Editors. "Qusay and Uday Hussein Killed." History, A&E Television Networks, 22 July 2003, https://www.history.com/this-day-in-history/july-22/qusay-and-uday-hussein-killed.
News24. "Profiles of Saddam’s Sons." News24, 22 July 2003, https://www.news24.com/profiles-of-saddams-sons-20030722.
ABC News (Australia). "Profile: Qusay Hussein, Saddam’s Heir Apparent." ABC News, 23 July 2003, https://www.abc.net.au/news/2003-07-23/profile-qusay-hussein-saddams-heir-apparent/1452576.
ABC News. "Saddam Groomed Sons To Be Ruthless, Cruel." ABC News, 4 Oct. 2002, https://abcnews.go.com/International/story?id=81672&page=1.
Encyclopædia Britannica. "Uday Hussein." Britannica, https://www.britannica.com/biography/Uday-Hussein.
EBSCOhost. "Qusay Saddam Hussein." EBSCO Research Starters: Biography, https://www.ebsco.com/research-starters/biography/qusay-saddam-hussein.
ABC News. "Profile: Saddam’s Sons." Good Morning America, 23 July 2003, https://abcnews.go.com/GMA/story?id=125716&page=1.
PBS. "Who Is Uday Hussein?" Frontline/World, PBS, https://www.pbs.org/frontlineworld/stories/iraq/uday.html.
Taipei Times. "Uday, Qusay: Sadistic, Merciless and Spoiled." Taipei Times, 24 July 2003, https://www.taipeitimes.com/News/world/archives/2003/07/24/2003060710
Reporters Without Borders. "Iraqi Media: 25 Years of Relentless Repression." RSF.org, https://rsf.org/en/iraqi-media-25-years-relentless-repression.