23 พ.ค. 2568 | 14:37 น.
KEY
POINTS
ในยุคหลังสงคราม ช่วงปลายทศวรรษ 1950 เกาหลีใต้คือประเทศเกษตรกรรมเต็มรูปแบบ ผู้คนกว่า 80% พึ่งพาไร่นาและฝนฟ้าเป็นหลัก รายได้ต่อหัวประชากรต่ำเตี้ยเรี่ยดิน และค่าเงินวอนไม่ต่างจากกระดาษที่ไร้น้ำหนักในเวทีเศรษฐกิจโลก
หากจะมีคำไหนอธิบายสถานการณ์ของเกาหลีใต้ได้ดีที่สุดในเวลานั้น คงเป็นคำว่า ‘ร่อแร่’
รัฐบาลพลเรือนที่ปกครองหลังสงคราม แม้จะตั้งอยู่บนอุดมการณ์ประชาธิปไตย กลับอ่อนแรงอย่างน่าเวทนา การทุจริตฉ้อฉล การทะเลาะเบาะแว้งในรัฐสภา และนโยบายเศรษฐกิจที่ไร้เข็มทิศ ล้วนบั่นทอนศรัทธาของประชาชน ที่อดอยากจนแทบไร้แรงแม้แต่จะโวยวาย
แล้วเขาก็ปรากฏตัวขึ้น พันเอกคนหนึ่ง ผู้มีท่าทีเงียบขรึมและเปี่ยมด้วยระเบียบวินัย ‘พัก จ็อง-ฮี’ ไม่ได้มาจากชนชั้นนำ เขาเติบโตในครอบครัวชาวนาที่ยากจนในเขตชนบทของจังหวัดคย็องซังเหนือ เรียนจบโรงเรียนครู ก่อนจะหันเหเข้าสู่อาชีพทหารและได้ไปฝึกกับกองทัพญี่ปุ่นในยุคที่เกาหลียังอยู่ใต้การยึดครอง
สิ่งที่เขาได้จากญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่ทักษะการรบ แต่เป็นแบบจำลองของ ‘ชาติที่เข้มแข็งด้วยเครื่องจักร’ การรวมศูนย์อำนาจ การวางแผนเศรษฐกิจระดับรัฐ และจริยธรรมของชนชั้นผู้นำที่ต้องการเห็นบ้านเมืองลุกขึ้นยืนได้ด้วยตนเอง ทั้งหมดนี้ฝังรากลึกในวิธีคิดของเขา
วันที่ 16 พฤษภาคม 1961 พัก จ็อง-ฮี นำกองกำลังทหารบุกกรุงโซล ยึดสถานีโทรทัศน์ อาคารรัฐสภา และกระทรวงมหาดไทย รัฐประหารของเขาเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงตะโกน “หยุดความโกลาหล! สร้างชาติใหม่!” เขาสถาปนาสภาฟื้นฟูชาติขึ้นมาแทนรัฐบาล และย้ำว่าต้องการ ‘วินัยแห่งชาติ’ ที่ไม่อาจเกิดได้ในระบอบประชาธิปไตยอ่อนแอ
เขาเชื่อมั่นว่าเกาหลีใต้ต้อง “ปกครองด้วยความเข้มงวด” หากหวังจะหลุดพ้นจากการเป็นลูกไล่ของโลก และสิ่งแรกที่เขาทำคือจัดทำ ‘แผนพัฒนาเศรษฐกิจห้าปี’ ซึ่งกลายเป็นแม่พิมพ์ของเศรษฐกิจเกาหลีใต้นับแต่นั้น
พักไม่ได้มองเกษตรกรรมเป็นคำตอบ เขามองไปยังโรงงาน เหล็กกล้า เรือบรรทุกสินค้า และสายพานการผลิต การเปลี่ยนประเทศต้องเริ่มจากการสร้างอุตสาหกรรมพื้นฐาน และต้องอาศัยรัฐผลักดันอย่างจริงจัง รัฐบาลของเขาจึงเลือก ‘ผู้เล่น’ ขึ้นมา เป็นบริษัทขนาดใหญ่ไม่กี่ราย ที่จะกลายเป็นแขนขาในการทำภารกิจชาติ
และนี่คือจุดเริ่มต้นของ ‘แชโบล’ (Chaebol)
กลุ่มทุนขนาดใหญ่เช่น Samsung, Hyundai, LG และ POSCO ได้รับเงินกู้ อุดหนุนภาษี พร้อมคำสัญญาว่ารัฐจะคุ้มครองความเสี่ยง ขอแค่ผลิต สร้าง ส่งออก และขยายกิจการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ พวกเขาเติบโตเร็วเหมือนเด็กที่ได้รับอาหารบำรุงแบบฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
แชโบลกลายเป็นกระดูกสันหลังของประเทศ พวกเขาไม่ใช่แค่บริษัท แต่เป็นเครือข่ายอุตสาหกรรมที่กินตั้งแต่เหล็ก เส้นใย สารเคมี ไปจนถึงอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และต่อมาก็คือเทคโนโลยีสื่อสาร
เศรษฐกิจเริ่มขยับอย่างรวดเร็ว แรงงานในชนบทอพยพเข้าสู่เมือง โรงงานผุดขึ้นริมแม่น้ำฮัน และเมืองท่าที่เคยว่างเปล่าเริ่มมีเสียงเครื่องจักรหมุนไม่หยุด แม้จะแลกมาด้วยชั่วโมงการทำงาน 12–16 ชั่วโมงต่อวัน ค่าแรงต่ำ และขาดสิทธิแรงงาน แต่คนหนุ่มสาวกลับรู้สึกว่าตนกำลังมีอนาคต
ความก้าวหน้าอันมโหฬารนี้กลายเป็นที่รู้จักในชื่อ ‘ปาฏิหาริย์แห่งแม่น้ำฮัน’ (Miracle on the Han River) เศรษฐกิจที่เคยอิงแต่เกษตรกรรมกลับเติบโตเฉลี่ย 7–10% ต่อปี GDP ต่อหัวของประเทศเพิ่มขึ้นสิบเท่าในช่วงเวลาไม่ถึงสองทศวรรษ และภายในไม่กี่ปี เกาหลีใต้เริ่มถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาแนวหน้าของโลก
แน่นอนว่าเบื้องหลังความรุ่งเรืองนี้ คือการควบคุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ พักแก้รัฐธรรมนูญให้ตนเองดำรงตำแหน่งได้ไม่จำกัดสมัย รัฐบาลของเขาใช้อำนาจพิเศษในการปราบปรามฝ่ายตรงข้าม นักศึกษา นักหนังสือพิมพ์ และนักการเมืองฝ่ายค้านถูกคุมขัง สื่อถูกเซ็นเซอร์ และประชาธิปไตยกลายเป็นคำที่พูดแล้วมีความผิด
แต่ผู้คนจำนวนมากยังคงยอมรับ เพราะพวกเขาเริ่มมีข้าวกิน มีเงินใช้ และมีบ้านพักตึกแทนเพิงไม้ มันคือยุคที่คำว่า ‘พัฒนา’ มีค่ามากกว่า ‘เสรีภาพ’ และผู้นำที่เด็ดขาดย่อมถูกมองว่า ‘จำเป็น’
พัก จ็อง-ฮี เปลี่ยนโฉมประเทศด้วยมือเปล่า เขาสร้างชนชั้นกลางที่เคยไม่มีอยู่ในประเทศ สร้างทางด่วน เชื่อมเมือง สร้างโรงเรียนสายอาชีพ และออกแบบระบบราชการที่มุ่งเน้นผลงานมากกว่าระเบียบแบบแผน
แต่ในความสำเร็จนั้น เขาก็กลายเป็นนักโทษของอำนาจที่เขากุมไว้แน่นเกินไป ปลายทศวรรษ 1970 เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว ขบวนการนักศึกษาเริ่มแข็งแรงขึ้น และความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการและประชาชนก็เริ่มก่อตัวแบบเงียบ ๆ
ผู้ใกล้ชิดเริ่มกังวลถึงการรวมศูนย์อำนาจอย่างไร้ขอบเขต จนในคืนเดือนตุลาคมปี 1979 เสียงปืนดังขึ้นในห้องอาหารของสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ พัก จ็อง-ฮี สิ้นใจจากมือของหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของตัวเอง
เขาล้มลงกลางยุคที่ยังไม่สิ้นสุด กลายเป็นเงาใหญ่ของประวัติศาสตร์เกาหลีสมัยใหม่ รัฐบาลทหารยังคงสืบทอดอำนาจอีกพักใหญ่ก่อนที่ประชาชนจะลุกขึ้นทวงคืนระบอบประชาธิปไตยในทศวรรษ 1980
หลายปีต่อมา ลูกสาวของเขา ‘ปาร์ก กึน-ฮเย’ ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศ แต่ก็จบลงด้วยการถูกถอดถอนจากตำแหน่งในปี 2017 ด้วยข้อหาทุจริตและใช้อำนาจในทางมิชอบ ราวกับชะตากรรมของตระกูลนี้ถูกล้อมด้วยความย้อนแย้งของอำนาจและศีลธรรม
แต่ไม่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร สิ่งที่พัก จ็อง-ฮี ทำไว้ก็ยังคงอยู่ แชโบลยังคงเป็นรากฐานของเศรษฐกิจ เกาหลีใต้ยังยืนอยู่ในแถวหน้าของเทคโนโลยีโลก
แต่บางทีสิ่งที่คนรุ่นใหม่ควรเรียนรู้จากเขา ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการสร้างชาติ หากคือคำถามว่า เราจำเป็นต้องแลกอนาคตด้วยอำนาจที่ไร้ขอบเขตเสมอไปหรือไม่?
เรียบเรียง: พาฝัน
ภาพ: Getty Images
อ้างอิง:
Woo, Jung-en. “An Unpromising Recovery? South Korea’s Post-Korean War Economic Development, 1953–1961.” Education About Asia, vol. 24, no. 2, Fall 2019, https://www.asianstudies.org/publications/eaa/archives/an-unpromising-recovery-south-koreas-post-korean-war-economic-development-1953-1961/.
Haktanır, Göktuğ, and İsmail Daldal. “South Korea’s Economic Development and the Role of Government.” Trends in Social Sciences, Economics and Humanities Research, vol. 1, no. 1, 2023, https://wepub.org/index.php/TSSEHR/article/view/1098.
Duman, Emre. “Han Nehri Mucizesi: Ekonomik Kalkınmada Güney Kore Örneği.” Istanbul Journal of Economics, vol. 74, no. 2, 2024, https://iupress.istanbul.edu.tr/en/journal/ije/article/han-nehri-mucizesi-ekonomik-kalkinmada-guney-kore-ornegi.
Kim, Byung-Kook, and Ezra F. Vogel. “The Economic History of Korea.” EH.Net Encyclopedia, edited by Robert Whaples, Economic History Association, 16 Feb. 2008, https://eh.net/encyclopedia/the-economic-history-of-korea/.