29 ต.ค. 2568 | 08:09 น.

การเป็น “มืออาชีพ” คือเป้าหมายในการทำงานของใครหลายคน แต่เคยรู้สึกไหมว่า...บางครั้งความตั้งใจที่จะทำให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด กลับกลายเป็นแรงกดดันที่ตัวเองแทบจะทนไม่ไหว ความรู้สึกนี้เองอาจเป็นสัญญาณว่าคุณกำลังติดอยู่ในภาวะ “กับดักความเป็นมืออาชีพในที่ทำงาน” (Professionalism Trap) ซึ่งหากปล่อยไว้นานจนไม่สามารถปล่อยวางได้ อาจนำไปสู่ความเครียดสะสมและปัญหาสุขภาพจิตในระยะยาว
วันนี้ พญ.นงนุช สัตกรพรพรหม จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช ศูนย์สุขภาพใจ โรงพยาบาลวิมุต จะมาชวนคนทำงานสำรวจใจและปลดล็อกกับดักนี้ไปด้วยกัน เพื่อเปลี่ยน “ความเป็นมืออาชีพ” ให้กลายเป็นพลังบวก ไม่ใช่ภาระที่หนักอึ้งอีกต่อไป
“กับดักความเป็นมืออาชีพในที่ทำงาน” (Professionalism Trap) ไม่ใช่โรคทางกาย แต่เป็นภาวะทางใจที่มีลักษณะคล้ายโรคบุคลิกภาพย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive Compulsive Personality Disorder: OCPD) มักเกิดขึ้นกับคนที่ให้ความสำคัญกับความสมบูรณ์แบบ ความเป็นระเบียบ และความถูกต้องมากเกินไป รวมถึงผู้ที่ตั้งมาตรฐานกับตัวเองไว้สูง หรือเติบโตมาในครอบครัวที่เน้นความสมบูรณ์แบบ อีกทั้งอาจได้รับแรงกดดันจากสังคมการทำงานที่มีการแข่งขันสูง ปัจจัยเหล่านี้ค่อย ๆ พาเราเข้าไปติดกับดักโดยไม่รู้ตัว และรู้สึกว่าต้อง “ดีที่สุด” ตลอดเวลา
แม้ภาวะ Professionalism Trap จะไม่ใช่โรคที่มีการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการ แต่สามารถสังเกตได้จากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น
หากพบว่าหลายข้อสะท้อนตัวเอง อาจถึงเวลาทบทวนว่า “ความเป็นมืออาชีพ” ที่คุณรักษาไว้นั้น กำลังสร้างคุณค่าหรือบั่นทอนสุขภาพใจอยู่กันแน่
สมองของมนุษย์ทำงานร่วมกันระหว่าง Prefrontal Cortex ซึ่งควบคุมเหตุผลและการยับยั้งชั่งใจ กับ Amygdala ซึ่งเกี่ยวข้องกับอารมณ์ ความกลัว และความกังวล หากสมดุลระหว่างสองส่วนนี้ถูกรบกวน สมองจะตอบสนองต่อความผิดพลาดแรงเกินจริงจนรู้สึกว่าความล้มเหลวเล็กน้อยคือเรื่องใหญ่ ส่งผลให้ร่างกายหลั่งสารกระตุ้นความตึงเครียดซ้ำ ๆ จนระบบควบคุมอารมณ์อ่อนแรงลง
“ในระยะยาว ภาวะนี้อาจนำไปสู่โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล และภาวะหมดไฟ (Burnout) โดยเฉพาะในอาชีพที่มีความรับผิดชอบสูง เช่น บุคลากรทางการแพทย์ ผู้บริหาร นักวิชาการ หรือศิลปิน ที่ต้องเผชิญแรงกดดันให้ ‘ดีพอ’ อยู่เสมอ”
— พญ.นงนุช สัตกรพรพรหม
พญ.นงนุช อธิบายว่า “กับดักความเป็นมืออาชีพ” นอกจากจะทำร้ายตัวเอง ยังส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างด้วย เช่น
สร้างบรรยากาศความกดดัน เพราะผู้ที่ยึดติดกับความสมบูรณ์แบบมักคาดหวังให้ผู้อื่นมีมาตรฐานเท่ากับตนเอง ทำให้เพื่อนร่วมงานรู้สึกอึดอัดและเหมือนถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา
สร้างความหงุดหงิดใจ เพราะความกลัวความผิดพลาดอาจทำให้เกิดพฤติกรรมละเอียดเกินจำเป็น เช่น การเช็กงานซ้ำ ๆ หรือถามคำถามเดิมหลายครั้ง แม้จะมาจากเจตนาดี แต่กลับสร้างความรำคาญให้คนในทีมโดยไม่รู้ตัว
การออกจากกับดักนี้ไม่ได้หมายถึงการลดมาตรฐานของตนเอง แต่คือการเรียนรู้ที่จะสร้างสมดุลระหว่าง “ความรับผิดชอบ” และ “ความเมตตาต่อตัวเอง” เริ่มจากการเข้าใจว่า คุณค่าของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสำเร็จที่สมบูรณ์แบบเท่านั้น แต่ยังอยู่ที่ความพยายามและความตั้งใจ
ลองเปลี่ยนจากการตั้งเป้าหมายใหญ่ที่เกินเอื้อม มาเป็นเป้าหมายที่เหมาะสมกับศักยภาพของตนเอง เพราะทุกก้าวของความสำเร็จระหว่างทางคือสิ่งที่ยืนยันว่าคุณมีคุณค่าในทุกขั้นตอนของชีวิต
พญ.นงนุช เสริมว่า “นอกจากการปรับความคิดแล้ว สิ่งที่คนทำงานควรทำควบคู่กันคือการผ่อนคลายความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และสร้างสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว (work-life balance) แต่หากรู้สึกว่าความกดดันหนักจนรับไม่ไหว อย่าลังเลที่จะพูดคุยกับจิตแพทย์หรือ นักจิตวิทยา เพราะการมาขอคำปรึกษาไม่ได้แปลว่าเราอ่อนแอ แต่นั่นคือการดูแลสุขภาพใจอย่างมืออาชีพเช่นกัน”
“เราจะเป็นมืออาชีพที่มีความสุขได้ ก็ต่อเมื่อยอมรับว่าตัวเองเป็นมนุษย์ที่ทำผิดพลาดได้ เพราะความล้มเหลวไม่เคยฆ่าใคร มันเป็นเพียงบทเรียนให้เราเติบโต ความผิดพลาดไม่ได้ทำให้เราหมดคุณค่า คุณยังเป็นหัวหน้าที่ดี เป็นเพื่อนร่วมงานที่มีความหมาย และเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบในแบบของตัวเอง”
— พญ.นงนุช สัตกรพรพรหม
ผู้ที่สนใจปรึกษาแพทย์โรงพยาบาลวิมุต หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ติดต่อได้ที่ ศูนย์สุขภาพใจ ชั้น 18 โรงพยาบาลวิมุต
เวลาให้บริการ 08.00–18.00 น.
โทร. 02-079-0078
หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อจองนัดหมายแพทย์และใช้บริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์