svasdssvasds
logo-pwa

เพิ่ม Thepeople

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด

หวัง ชวนฟู ‘ราชาแห่งรถ EV’ ใต้แบรนด์ BYD เด็กกำพร้าจากครอบครัวชาวนา มานะจนเป็นเศรษฐี

หวัง ชวนฟู ‘ราชาแห่งรถ EV’ ใต้แบรนด์ BYD เด็กกำพร้าจากครอบครัวชาวนา มานะจนเป็นเศรษฐี

รถยนต์ BYD ได้เสียงตอบรับเชิงบวกจากชาวไทย แบรนด์นี้ก่อตั้งโดย หวัง ชวนฟู ที่เคยเป็นเด็กกำพร้าจากครอบครัวชาวนา แต่ประสบความสำเร็จได้ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความมานะ

คนไทยเริ่มให้ความสนใจและได้ยินชื่อรถยนต์แบรนด์ BYD มากขึ้นตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2565 หลังร่วมทุนกับบริษัทไทยที่ชื่อว่า Rêver Automotive โดยให้สิทธิเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ BYD ในประเทศไทย ขณะที่ประวัติของผู้ก่อตั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของความมานะที่โลกกำลังพูดถึง

เด็กกำพร้าลูกชาวนา

ก่อนที่ ‘หวัง ชวนฟู’ (Wang Chuanfu) จะกลายมาเป็นมหาเศรษฐีอย่างที่เรารู้จักอย่างทุกวันนี้ อาจไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยลำบากมาก่อน ขนาดที่ว่าเติบโตมาแบบต้องลุ้นกันวันต่อวัน หวัง ชวนฟู เกิดในครอบครัวชาวนาที่ยากจนมาก อยู่ในมณฑลอายฮุย ซึ่งเป็นจังหวัดที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน

หวัง ชวนฟู กลายเป็นเด็กกำพร้าทั้งพ่อแม่ตั้งแต่ที่เขายังเป็นวัยรุ่น และคนที่เลี้ยงดูเขาต่อจากนั้นก็คือพี่ชายและพี่สาวแท้ ๆ ของเขานั่นเอง

จากเดิมที่ครอบครัวก็ยากจนอยู่แล้ว พอพ่อแม่เสียชีวิตก็ยิ่งแร้นแค้นไปกันใหญ่ โดยในแต่ละวัน หวัง ชวนฟู ต้องขอยืมเงินจากเพื่อนบ้านใจดีเพื่อมาเป็นทุนในการเรียนหนังสือ รวมทั้งค่าอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่าที่เพื่อนบ้านจะให้ได้

ด้วยเงื่อนไขชีวิตที่ขาดแคลนหลายอย่างทำให้เขาเป็นคนที่ตั้งใจเรียนมาก ขยันและมีความมานะจนทำให้เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในปี 1987 ในด้านเคมีฟิสิกส์ของโลหะวิทยา จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเซ็นทรัลเซาท์ และปริญญาโทในด้านวัสดุจากสถาบัน Beijing Non-Ferrous Research Institute ในปี 1990

จุดเริ่มต้นการทำงานเกิดขึ้นในปี 1990 - 1995 เขามีโอกาสได้นั่งเป็นรองประธานสถาบันวิจัยโลหะนอกกลุ่มเหล็กแห่งปักกิ่ง ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยของรัฐบาลจีน ประสบการณ์ 5 ปีจากตรงนี้ทำให้ หวัง ชวนฟู หันหน้าเข้าสู่วงการธุรกิจเต็มตัว โดยเขาตัดสินใจก่อตั้งบริษัท Shenzhen BYD Battery Company ในปี 1995 เริ่มจากการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่เป็นความถนัดของเขาก่อน

BYD เริ่มจากพัฒนาแบตเตอรี่

ชื่อบริษัท BYD Battery มาจากคำว่า Build Your Dream (สร้างความฝันของคุณ) ซึ่งเป็นความฝันสูงสุดของ หวัง ชวนฟู เขามองว่าธุรกิจหลายอย่างมีโอกาสเติบโตสูงมากในจีนและตลาดโลก รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ซึ่ง BYD Battery เริ่มจากการพัฒนาแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน

จากตอนนั้นที่ BYD Battery มีพนักงานแค่ 20 คน ปัจจุบันตัวเลขพนักงาน (ทั้งพนักงานประจำและ part-time) รวมทั้งหมดมากกว่า 230,000 คนแล้ว ถือเป็นการเติบโตที่น่าสนใจมากในระยะเวลาเพียง 27 ปีเท่านั้น

BYD Battery นับว่าเป็นบริษัทแรก ๆ ที่ก่อตั้งในเซินเจิ้นซึ่งคนทั่วโลกยกให้เป็นซิลิคอนแวลลีย์แห่งประเทศจีน เพราะจุดเริ่มต้นของหลาย ๆ บริษัทชื่อดังล้วนมาจากที่นี่ ได้แก่ Huawei, Tencent และ DJI (ผู้ผลิตโดรน)

หวัง ชวนฟู ให้สัมภาษณ์กับสื่อจีนโดยเขายอมรับตรง ๆ ว่าช่วงแรกที่ก่อตั้งบริษัทและเป็นผู้พัฒนาแบตเตอรี่ เขาจำเป็นต้องลอกเลียนแบบผลิตภัณฑ์จากชาติตะวันตก แต่สิ่งที่เขาทำมากกว่านั้นคือ การทำวิจัยและพัฒนาต่อให้เทคโนโลยีทันสมัยมากกว่าที่เคยศึกษา

“ช่วงแรก ๆ ผมให้ทีมวิจัยของ BYD Battery แยกแบตเตอรี่ Sony หรือ Sanyo ออกจากกัน แล้ววิเคราะห์ว่าพวกเขาประกอบกันอย่างไร จากนั้นก็ทำสิ่งที่คล้ายกันแต่อยู่ภายใต้ชื่อของ BYD

“การลอกเลียนแบบจะเกิดขึ้นในช่วงแรกเท่านั้น ซึ่งเราไม่ต่างกับบริษัทอื่นในจีน แต่ที่เราทุ่มเทมากกว่านั้นคือเงินเพื่อการวิจัยและเวลาเพื่อให้ทีม R&D ศึกษาได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้เราแตกต่างจากผลิตภัณฑ์จากโลกตะวันตก และต้องดีกว่า มีคุณภาพกว่า”

ในปี 2002 BYD Battery ได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ขณะเดียวกัน BYD Battery ได้เซ็นสัญญาเป็นบริษัทซัพพลายเออร์ผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนให้ NOKIA บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่จากฟินแลนด์ เป็นเจ้าแรกในจีนด้วย

นอกจากนี้ BYD Battery ยังเป็นซัพพลายเออร์ผลิตแบตเตอรี่ให้กับ MOTOROLA มือถือแบบพับรายแรก ๆ ของโลกสัญชาติอเมริกัน และยังมีอีกหลายแบรนด์ในช่วงเวลานั้น

ซึ่งระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี BYD Battery สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้กว่า 50% ในตลาดแบตเตอรี่สำหรับโทรศัพท์มือถือ และกลายเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟรายใหญ่ที่สุดในจีน แต่ความฝันของหวัง ชวนฟู ไม่ได้หยุดอยู่ที่การพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่เท่านั้น เพราะต่อจากนี้คือบทบาททางธุรกิจใหม่ของเขา

 

ยานยนต์หมากสำคัญของ BYD

หวัง ชวนฟู มองว่าการทำธุรกิจไม่สามารถหยุดอยู่ที่ธุรกิจประเภทใดประเภทหนึ่งได้ หมายความว่าถ้าเขายังทำแบตเตอรี่อย่างเดียวต่อไป วันหนึ่งอาจจะมีคู่แข่งใหม่ ๆ เข้ามาชิงมาร์เก็ตแชร์ได้

ดังนั้น ‘ยานยนต์’ คือสิ่งที่เขากำลังสนใจ เพราะมองว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ที่จริงเป็นคู่แข่งของเขาได้หากวันหนึ่งที่รถยนต์ไฟฟ้าพัฒนาจนกลายเป็นกระแสหลัก

“อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นตลาดที่มีศักยภาพมหาศาล และน่าจะคู่ไปกับการพัฒนาแบตเตอรี่ได้ แต่สิ่งที่กังวลก็คือ ธุรกิจรถยนต์เป็นสิ่งที่ต้องใช้เงินสูงมาก และมีความเสี่ยงสูงมากเช่นกัน”

อย่างไรก็ตาม ในปี 2003 เขาตัดสินใจขยายไลน์ธุรกิจเป็น BYD Motor ภายใต้แนวคิดการเป็นยานยนต์พลังงานสะอาดที่จะมีทั้งรถยนต์ รถบัส รถตู้ รถบรรทุก ฯลฯ และได้เข้าซื้อกิจการ Tsinchuan Automobile มาเป็นบริษัทลูกของ BYD จากนั้นก็เปลี่ยนชื่อเป็น ‘BYD Auto’

ซึ่งในช่วงแรก ๆ รถยนต์ของ BYD ยังผลิตและจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน และออกแบบดีไซน์รถให้หน้าตาคล้ายกับรถยนต์จากยุโรปและญี่ปุ่น แต่ในปี 2008 BYD Auto สามารถผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) และยังเป็นคันแรกของโลกด้วย โดยตั้งชื่อว่า BYD Auto’s F3DM PHEV-60 hatchback นับว่าการเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดครั้งนี้ทำให้หลายประเทศเริ่มรู้จักกับ BYD มากขึ้น

เสียงแห่งความสำเร็จของ BYD ไปถึงหูของ ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ (Warren Buffett) นักลงทุนชื่อดังระดับโลกที่แสดงความสนใจอย่างมาก จนสุดท้ายเขาได้เข้าถือหุ้นบริษัท BYD อยู่ที่ 10% ถ้าจะบอกว่า BYD สำหรับบางคนรู้จักเพราะวอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็ไม่ผิด ซึ่งเคยมีนักวิเคราะห์พูดไว้ว่า BYD ต้องเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพมากหรือมีโอกาสเติบโตสูงมากถึงทำให้วอร์เรน บัฟเฟตต์ สนใจที่จะเข้าถือหุ้น

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างนับตั้งแต่ที่ หวัง ชวนฟู เริ่มขยายไปที่ตลาดต่างประเทศ ในปี 2017 BYD Hungary ได้กลายมาเป็นเจ้าของโรงงานรถบัสและรถบรรทุกไฟฟ้าแห่งแรกในยุโรป ซึ่งยังไม่เคยมีมาก่อน ทั้งยังขยายไปสร้างโรงงานผลิตและจัดจำหน่ายในอีกหลายประเทศในยุโรปต่อมา เช่น ฝรั่งเศส

ปัจจุบันแม้ว่า BYD จะทำธุรกิจหลายประเภททั้งแบตเตอรี่, โซลาร์เซลล์, ชิ้นส่วนอุปกรณ์มือถือ, การขนส่งทางรถไฟ แต่รถยนต์ไฟฟ้ากลายมาเป็นแหล่งรายได้หลักสำคัญของ BYD เป็นที่เรียบร้อย โดยมีสัดส่วนรายได้สูงที่สุด 51% เทียบจากธุรกิจอื่นของ BYD

สิ่งที่น่าหนักใจสำหรับธุรกิจอื่นที่ทำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเหมือนกับ BYD เวลานี้คงจะเป็น Tesla ของนักประดิษฐ์ ‘อีลอน มัสก์’ (Elon Musk) เพราะเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา BYD สามารถแซงหน้า Tesla กลายเป็นแบรนด์ที่ทำยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดในโลก โดย BYD ขายรถยนต์ไฟฟ้าได้ 641,000 คันในครึ่งแรกของปี 2022 ส่วน Tesla ทำได้ 564,000 คัน

นอกจากนี้ BYD ยังขึ้นมาเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 2 ของโลก แซงหน้า LG Energy บริษัทสัญชาติเกาหลีใต้ จึงทำให้ทั้งอันดับ 1 และ 2 ของผู้ผลิตแบตเตอรี่กลายเป็นบริษัทสัญชาติจีนแล้วในเวลานี้

มีประโยคหนึ่งที่ หวัง ชวนฟู มักจะพูดเสมอเกี่ยวกับธุรกิจของเขาว่า “BYD ก็ยังเป็นการสร้างความฝันของผมอยู่ ซึ่งความพยายามและการพัฒนาอยู่เสมอของเราทำให้ฝันกลายเป็นจริง แต่ผมจะยังพัฒนาต่อไปไม่หยุด เพราะสิ่งที่ทำมันต่อยอดเชื่อมหากันได้หมด”

ส่วน Charles Munger รองประธานบริษัท Berkshire Hathaway (บริษัทที่บริหารโดยวอร์เรน บัฟเฟตต์) เขาได้พูดถึง หวัง ชวนฟู ไว้ว่า

“ผู้ชายคนนี้เป็นการผสมผสานระหว่าง Thomas Edison (นักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน) และ Jack Welch (อดีต CEO แห่งศตวรรษที่โลกพูดถึง) สำหรับ หวัง ชวนฟู เขามีลักษณะนิสัยทั้ง 2 อย่างในคนเดียว มีทั้งวิธีการแก้ปัญหาบางอย่างด้วยเทคนิคที่น่าสนใจ และเมื่อเขาต้องการทำอะไรสักอย่างไม่มีวันที่ไม่สำเร็จ สิ่งเหล่านี้มันน่าชื่นชมมากหากทุกคนรู้ว่าเบื้องหลังชีวิตเขามันน่าขมขื่นแค่ไหน”

 

ภาพ: Getty Images

อ้างอิง:

https://bydeurope.com/byd-group

https://www.forbes.com/profile/wang-chuanfu/?sh=2cca5b6d1793

https://www.bloomberg.com/news/features/2019-04-16/the-world-s-biggest-electric-vehicle-company-looks-nothing-like-tesla

https://asia.nikkei.com/Companies/BYD-Co.-Ltd

https://www.scmp.com/magazines/style/celebrity/article/3188247/forget-elon-musk-meet-wang-chuanfu-chinese-billionaire

https://carnewschina.com/2021/08/01/the-big-read-history-of-byd/