โทนี่ คิง คนหลังม่านดนตรีในอังกฤษ ผู้แนะให้ ‘เฟรดดี้ เมอร์คิวรี่’ บอกแฟนสาวว่าเป็นเกย์

โทนี่ คิง คนหลังม่านดนตรีในอังกฤษ ผู้แนะให้ ‘เฟรดดี้ เมอร์คิวรี่’ บอกแฟนสาวว่าเป็นเกย์

‘โทนี่ คิง’ บุคคลที่ทำงานเบื้องหลังโลกดนตรีแห่งเกาะอังกฤษ เขามีบทบาทสำคัญต่อกิจกรรมของศิลปินคนดังหลายรายที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า เขายังเป็นผู้แนะนำให้ ‘เฟรดดี้ เมอร์คิวรี่’ บอกแฟนสาวไปตรง ๆ ว่าเป็นเกย์

  • โทนี่ คิง มีบทบาทในฐานะคนทำงานเบื้องหลังในอุตสาหกรรมดนตรีฝั่งอังกฤษ 
  • เขาทำงานและสนิทสนมกับศิลปินระดับตำนาน ไม่ว่าจะเป็น เอลตัน จอห์น, เดอะ บีเทิลส์ และ เฟรดดี้ เมอร์คิวรี
  • โทนี่ คิง เขียนหนังสือเล่าเรื่องราวเบื้องหลังซีนที่เกิดขึ้นในวงการดนตรีอังกฤษ 

ไม่ว่าจะวงการดนตรีหรือว่าวงการใด ๆ ย่อมมีผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคนที่อยู่หน้าฉากเสมอ หรืออย่างน้อยคนที่อยู่ท่ามกลางแสงไฟก็ต้องมีคนที่คอยสนับสนุนหรือเดินอยู่เคียงข้าง ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อน หรือคนรักก็ตาม

สำหรับวงการดนตรี ชื่อของ ‘โทนี่ คิง’ (Tony King) อาจไม่ได้คุ้นหูนักสำหรับแฟนเพลง แต่สำหรับศิลปิน เขาคือหนึ่งในเพื่อนและคนสนิทที่ทำงานเบื้องหลังเหล่าศิลปินบริติชระดับตำนานที่เอ่ยชื่อไป ใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก ยกตัวอย่างเช่น เดอะ บีเทิลส์ (The Beatles), เอลตัน จอห์น (Eltom John) และ เฟรดดี้ เมอร์คิวรี (Freddie Mercury)

เรื่องราวบนเส้นทางชีวิตของเขานั้นก็เต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการออกทัวร์รอบโลกไปกับวง โรลลิง สโตนส์ (Rolling Stones) ทำงานเป็น Artistic Director ให้กับเอลตัน จอห์น

ที่สำคัญ ยังเป็นโทนี่ ที่กล่าวโน้มน้าวให้ศิลปินอย่างเฟรดดี้ เมอร์คิวรี่ เปิดเผยว่าเขาเป็นเกย์กับคนรักของเขาในตอนนั้นซึ่งก็คือ แมรี่ ออสติน (Mary Austin)

“ผมถามเฟรดดี้ ตรง ๆ ว่า เขาเป็นเกย์หรือเปล่า เขาตอบ ‘ก็ใช่นะ’ ผมพูดว่า ‘แล้วแมรี่ รู้หรือเปล่า’ เขาบอกว่า ‘ยังไม่ได้บอกอะไรกับเธอนะ’ ผมบอกเขาว่าคุณต้องใช้ชีวิตด้วยความสัตย์ ถ้าไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีความสุขเท่าที่ควรนะ ในรอบ 24 ชั่วโมงจากนั้น เขาโทรมาและเล่าว่า ‘ที่รัก ฉันทำไปแล้วนะ’ ผมถามไปว่าหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าทำลงไปแล้ว เขาพูดว่า ‘ผมบอกแมรี่ และเธอโอเค’”

โทนี่ เคยให้สัมภาษณ์กับ เดอะ การ์เดียน (The Guardian) ว่า เขาค่อนข้างชื่นชอบการทำงานเบื้องหลังเพราะมันมอบความสงบให้ และตัวเขาเองก็หวังว่าจะทำมันออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยที่ผ่านมา โทนี่ เคยทำงานเป็นนักประชาสัมพันธ์ ผู้จัดการ หัวหน้าค่ายเพลง ไปจนถึงการทำงานกับฝ่าย A&R (ฝ่ายคัดสรรและพัฒนาศิลปิน)  

โทนี่ คิง ปัจจุบันอายุอยู่ในช่วงวัย 80 ปี เขาเกิดที่ Middlesex ในปี 1942 หลังจากเกิดไม่นาน แม่ของเขาก็ส่งเขาให้ยายเป็นคนดูแล ภายหลังบิดาของเขาแยกทางไป ช่วง 11 ปีแรกของโทนี่ คิง คนที่เขาเข้าใจว่าเป็นแม่แท้ ๆ มาตลอดนั้น ที่จริงแล้วกลับเป็นยายของเขา ตอนที่เขารู้เรื่องนี้ โทนี่ บอกว่า รู้สึกราวกับโลกกลับตาลปัตรเลยทีเดียว

นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขารู้สึกแปลกแยกจากครอบครัว โทนี่เล่าว่า การค้นพบเรื่องสะเทือนใจอย่างการได้รู้เรื่องแม่ที่แท้จริงของเขาสร้างบาดแผลที่ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับการเติบโตของเขา และยังรู้สึกเหมือนโดนหลอกหลอนอยู่

อีกเรื่องสำคัญที่เขาได้รู้เกี่ยวกับตัวเขาก็คือ การค้นพบว่าเขาเป็นเกย์ เมื่อสมัยเรียน เขารู้สึกว่าเขาชอบการเล่นกับเด็กผู้ชายมาก ๆ แต่ก็ยังไม่รู้แน่ชัดมันคืออะไรกันแน่ แต่ก็เคยได้ยินคำว่า Homosexual อยู่บ้างแล้ว นั่นเลยทำให้เขาตัดสินใจเข้าห้องสมุดเพื่อหาความหมาย และก็พบว่าคำนี้เอาไว้กล่าวถึงคนที่มีความสนใจในเพศเดียวกัน และเขาก็พอจะเดาได้ว่านั่นน่าจะเป็นเขา

ช่วงวัยรุ่น เขาค่อนข้างหมกมุ่นกับดนตรี โดยเฉพาะดนตรีแนวร็อก แอนด์ โรลล์ (Rock and roll) เขาจึงเริ่มหางานที่ร้านแผ่นเสียง จนได้สัมภาษณ์งานที่ Decca Record ในลอนดอน ขณะอายุได้ 16 ปี 

ดูเหมือนว่า หน้าตาของเขาจะไปสะดุดตาผู้จัดการ โทนี่ ฮอลล์ (Tony Hall) อีกหนึ่งคนเบื้องหลังในแวดวงดนตรีบริติช เพราะโทนี่ ได้รับการติดต่อให้ไปทำงานให้เขา โทนี่ คิง ทำหน้าที่ไปรับเหล่าคนดังที่เป็นลูกค้าของ โทนี่ ฮอลล์ และต้องดูแลพวกเขา พาพวกเขาไปให้ถึงที่นัดหมาย จัดมื้อเที่ยงหรือมื้อเย็นให้ หรือที่จริงแล้ว “ก็(ทำ)ทุกอย่างนั่นแหละ” โทนี่ คิง กล่าวถึงงานดังกล่าว

เพื่อน ๆ รอบตัวของเขาโน้มน้าวให้โทนี่ คิง ลองเขียนบันทึกเกี่ยวกับชีวิตของเขาดูบ้างอยู่นานหลายปี และในที่สุดโทนี่ คิง ก็เริ่มเขียนบันทึกในช่วงล็อคดาวน์ ในเวลาต่อมา เขาจึงมีหนังสือตีพิมพ์ออกมาชื่อว่า ‘The Tastemaker’ เนื้อหาในหนังสือบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของโทนี่ คิง ตั้งแต่สมัยที่จบการศึกษาไปถึงการทำงานที่ค่ายเพลง Decca และแน่นอนว่า ในหนังสือของเขาย่อมจะมีชื่อของคนดัง ๆ ในอุตสาหกรรมดนตรีโผล่เข้ามาอยู่เรื่อย ๆ เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน อย่างเช่นตอนที่ The Beatles กำลังอัดเพลง All You Need Is Love 

โทนี่ คิง เริ่มสนิทกับ The Beatles บ่อยขึ้นหลังจากที่เจอพวกเขาที่ BBC Studio ตอนนั้นเขากำลังสนุกไปกับเพลง Let’s Dance ของ Chris Montez จนกระทั่งมีหนุ่ม ๆ จากลิเวอร์พูลเดินเข้ามา พวกเขาคือ The Beatles นั่นเอง

“ตอนที่พวกเขาเข้ามาในห้องนะ บรรยากาศมันดีขึ้นมาเลย โดยเฉพาะจาก จอห์น เลนนอน ที่ดูฉลาดเป็นกรดเลย” โทนี่ กล่าว หลังจากที่ได้เจอกับพวกเขาครั้งนั้น หลังจากน้น โทนี่ กับ The Beatles ก็เจอกันบ่อยขึ้น

โทนี่ คิง เป็นคนที่ทำงานอยู่กับจอห์น เลนนอน (John Lennon) ในช่วงเวลาที่ยากลำบากของจอห์นในลอส แองเจลิส จอห์น เอาแต่ดื่มเหล้าในช่วงที่เขาต้องห่างกับโยโกะ โอโน (Yoko Ono) คนรักของจอห์น  

และมีครั้งหนึ่งที่เขาต้องคอยเตือนสติจอห์น ตอนที่เขาเล่นโคเคนอยู่กับเดวิด โบวี่ (David Bowie)

“โยโกะตามหาเขาซะทั่ว ถามว่าเขาอยู่ที่ไหน แล้วเธอก็เริ่มที่จะโมโห ผมเลยไปหาเขาที่ห้องน้ำ ตอนที่จอห์นกับเดวิด กำลังเล่นโคเคนกันอยู่”

“เขามองมาที่ผม ผมเลยบอกเขาไปว่า ‘รหัสแดงนะ’ เขาถามกลับว่า ‘เรื่องอะไร? แม่เหรอ?’ ผมพูดย้ำ ‘ใช่’ เขารีบวิ่งปรี่กลับที่โต๊ะ”

หลังจากบทสนทนานั้น ภายหลังจอห์น ก็บอกกับโทนี่ ว่าโยโกะตั้งท้อง เขาเลยกำลังจะหยุดทำงาน ทั้งที่ในตอนนั้นพวกเขากำลังวางแผนที่จะทำอัลบั้มกัน โดยมีเหล่านักดนตรีผิวดำที่เคยเล่นในเพลง Young Americans โดยจะตั้งชื่ออัลบั้มนั้นว่า Between The Lines แถมโทนี่ ก็ไปตามหานักดนตรีเอาไว้แล้วด้วย

โทนี่ เคยมีส่วนช่วยให้จอห์น เลนนอน ได้ขึ้นแสดงในเวทีเดียวกันกับเพื่อนของเขาอีกคน นั่นคือ เอลตัน จอห์น ด้วยครั้งหนึ่ง เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นจากวันที่โทนี่ บอกเอลตันว่า เขากำลังถ่ายโฆษณาอยู่เลยอยากจะชวนเขามาที่กองถ่าย แล้วเอลตัน ก็ได้รู้จักกับจอห์น เลนนอน ครั้งแรก แต่ก็สนิทกันอย่างรวดเร็วจนถึงขั้นที่จอห์น ออกปากชวนเอลตัน ให้มาร้องท่อนหนึ่งในเพลง Whatever Gets You Thru The Night ของเขา

และไม่กี่เดือนต่อมา เอลตัน ก็ขอให้โทนี่ ลองไปชวนจอห์น มาขึ้นเวทีร่วมกับเขาที่ Madison Square Garden “ผมเลยลองโทรหาเขา(จอห์น เลนนอน)”

และจอห์นก็ตอบเขาด้วยเงื่อนไขที่ว่า “ถ้าเพลงของฉันขึ้นอันดับ 1 ฉันจะไป” ต่อมา สิ่งที่โทนี่ ทำก็คือไปที่ Capital Records แล้วบอกพวกเขาว่า ถ้าเพลงของจอห์น เลนนอน ขึ้นอันดับ 1 ได้ พวกเขาจะได้เห็น เอลตัน จอห์น กับ จอห์น เลนนอน ขึ้นเล่นในเวทีเดียวกันที่ Madison Square Garden

จนในที่สุดทาง Capital Records ก็ทำให้เพลงของจอห์นขึ้นอับดับ 1 แต่ก็เพียงแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น และการขึ้นโชว์คู่กันของทั้งสองก็ได้กลายมาเป็นเรื่องน่าจดจำที่สุดในเส้นทางอาชีพของโทนี่ คิง

หนึ่งในเพื่อนที่เขาให้ความนับถือมากอีกคนหนึ่งคือเฟรดดี้ เมอร์คิวรี (Freddie Mercury) สำหรับโทนี่และ เฟรดดี้ เป็นคนที่กล้าหาญที่สุดคนหนึ่ง อย่างที่เขาได้เขียนเอาไว้ในหนังสือ ส่วนที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตและความตายที่เขาได้พบมาในนิวยอร์กในช่วงโรคเอดส์ระบาด

เพื่อนหลายคนที่ล้มหายตายจากในโรงพยาบาล เพื่อนที่สติแตกและร้องโวยวายว่าเขาไม่อยากตาย โทนี่เล่าว่า ชีวิตเขาตอนนั้นเหมือนกับอยู่ในเหตุการณ์ Ground Zero นั่นก็เพราะเขาสามารถพบเห็นผู้คนที่กำลังจะตายจากอาการป่วยได้ตามท้องถนนในชุมชนที่เขาอยู่ เหมือนเขาอยู่ท่ามกลางความตาย แต่กับเฟรดดี้ กลับตรงกันข้าม เพราเขากล้าหาญมาก เขายังคงออกไปช้อปปิ้ง ซื้อภาพวาด งานศิลปะอยู่จนช่วงสุดท้ายของชีวิต 

“กล้าหาญจริง ๆ เลย ช้อปปิ้งจนนาทีสุดท้าย ซื้องานศิลปะจากงานประมูลโดย Christie’s” โทนี่พูดถึงเฟรดดี้ในหนังสือของเขา

“ผมเคยนอนบนเตียงที่อยู่ข้าง ๆ จับมือที่เย็นเฉียบของเขาไว้ พวกเขามักจะเอารูปงานศิลปะที่ซื้อมามาแขวนไว้ตรงปลายเตียงของ เพื่อที่เขา(เฟรดดี้)จะได้มองเห็นพวกมันได้”

“ผมถามเฟรดดี้ ‘ทำไมต้องทำเรื่องพวกนี้ด้วย?’ เขาตอบว่า ‘แล้วจะให้ฉันทำอะไรได้อีกล่ะ? ฉันออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ ออกจากเตียงก็ยังไม่ได้ อย่างน้อย ฉันก็ยังช้อปปิ้งได้นะ’ เฟรดดี้ มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่จนน่าอัศจรรย์เลย”

ในเวลาต่อมา โทนี่ เองก็ติดเชื้อ HIV ด้วยเช่นกัน แต่โชคดีเหลือเกินที่ในช่วงเวลานั้นมีการคิดค้นยารักษาบ้างแล้ว ทำให้การติดโรคนี้ไม่ใช่จุดจบของชีวิตอีกต่อไป แต่ถึงอย่างนั้น เขายังต้องเข้ารับการบำบัด โทนี่เผยว่า เขาทุกข์ทรมานจากความเศร้าอย่างมาก มันเป็นความรู้สึกผิดของผู้มีชีวิตรอด

โทนี่ คิง บอกเล่าเรื่องราวมากมายตลอดชีวิตของเขาในหนังสือที่เขาเขียน หนึ่งในคนที่อยู่เบื้องหลัง และเป็นแรงบันดดาลใจให้กับเพื่อนในวงการที่มีทั้งเรื่องเหลือเชื่อที่ผู้คนไม่คาดคิดว่าจะได้รู้ และเรื่องประทับใจหรือจะเป็นชีวิตอีกด้านหนึ่งของศิลปินคนดังที่โทนี่เป็นส่วนหนึ่งด้วย

“ผมรู้ตั้งแต่สมัยเป็ยวัยรุ่นแล้วว่าผมกลายเป็นคนดังไม่ได้หรอก แต่ผมก็ชอบที่ได้ออกไปเที่ยวกับพวกคนดัง ๆ นะ เป็นช่วงเวลาที่น่าหลงใหลเลยล่ะ ผมชอบทำงานกับคนมีชื่อเสียง ช่วยให้พวกเขาบรรลุสิ่งที่พวกเขาตั้งใจไว้”

“หลังจากทัวร์กับ Rolling Stonesไปครั้งหนึ่ง ผลก็ได้รับการ์ดจาก Mick (Jagger) เขียนว่า ‘ขอบใจที่ทำให้ทุกอย่างถูกต้องนะ’ ประโยคนั้นพูดแทนทุกอย่างเลยนะสำหรับผม ‘ทำให้ทุกอย่างถูกต้อง’”
 

เรื่อง: ปิยวรรณ พลพุทธ (The People Junior)

ภาพ: Getty Images

อ้างอิง:

The Guardian

GQ magazine