07 พ.ค. 2564 | 17:21 น.

"เพลงผมที่เอาไปให้เขาฟังมันคือเพลง techno ซึ่งทุกคนฟังแล้วก็เหมือนทุกคนส่ายหัวว่าเพลงนี้มันขายไม่ได้ในเมืองไทย มันไม่มีทางจะขายได้เลยในวันที่ RS ทำเพลงแบบ teen pop แบบในยุคนั้น" “มันก็เป็นงานที่ทำมา 4-5 ปี แล้วอยู่ดี ๆ มันไปไม่ถึงฝั่งฝัน แล้วมันก็ต้องจบ ตอนนั้นดิ่งเหมือนกัน แล้วก็ไม่ทำอะไรเลย ผมหายไปจากเพลงเลย ผมไม่อยากแม้แต่ฟังเพลงด้วยซ้ำ” เริ่มต้นจากการเข้าวงการด้วยโฆษณาเด็กตอน 2 ขวบ สู่เจ้าของฉายาหล่ออมตะผู้มีผลงานมากมายทั้งดนตรีและงานแสดง แต่ ‘รากฐาน’ ของชายคนนี้คือ ‘เสียงเพลง’ นับจากวันที่รู้จักเครื่องเล่นแผ่นเสียงและดนตรีแนว ‘techno’ ก่อนถูกแมวมองชวนให้เข้าสังกัด RS และกลายเป็นศิลปิน teen pop ชื่อดังคนหนึ่งของไทย โดยมีผลงานเพลงที่เป็นที่รู้จักอย่าง ‘ยิ่งรักเธอ’ พบกับบทสัมภาษณ์ที่เต็มไปด้วย passion ทางดนตรี ตั้งแต่ 25 ปีก่อนที่เมืองไทยยังไม่รู้จักเพลง ‘techno’ ความผิดหวังจากการเปิดค่ายเพลงของตัวเอง จนไม่อยากฟังเพลงอีกต่อไป และลุกขึ้นสู้ครั้งใหม่ของ โดม ปกรณ์ ลัม นักร้อง - นักแสดง - โปรดิวเซอร์ดนตรี ที่เชื่อว่า “เพลงยังไงก็เพราะ”   The People: เล่าย้อนอดีตของคุณสักหน่อย เข้าวงการบันเทิงและวงการดนตรีได้อย่างไร โดม: เป็นสองพาร์ทครับ พาร์ทแรกเป็นวงการบันเทิงก่อน เข้ามาจริง ๆ ตั้งแต่ประมาณ 2 ขวบ คือเราเริ่มจากงานโฆษณา มันก็เหมือนกับแบบของเด็กอ่อนน้อย ๆ คนหนึ่งที่ตอนนั้นเริ่มจากงานโฆษณาผ้าอ้อม โฆษณานมผง เท่าที่ผมถามเหตุผลคุณแม่จะเล่าว่าเราไม่ค่อยร้อง ไม่ค่อยงอแงเวลาเจอคน เจอไฟ หรือว่าร้อน ๆ ซึ่งแบบเด็กตอนนั้นก็ยังไม่เยอะ เราก็มีโอกาสได้ถ่ายแบบโฆษณาอยู่ร่วมร้อยชิ้นครับ ตั้งแต่ประมาณ 2 ขวบยาวมาเรื่อยเลยจนถึง 4 ขวบ หนึ่งในนั้นมันมีโฆษณาเด่น ๆ อยู่หลายตัวเหมือนกันที่ทำให้ผ่านตาของทั้งผู้กำกับภาพยนตร์หรือว่าผู้จัดละคร มีโฆษณาหนังสือพิมพ์อันหนึ่งที่ค่อนข้างจะเป็นกระแสอยู่ โฆษณาแยมสตรอว์เบอร์รี หรือนมผง เลยเป็นที่มาของการได้ไปเล่นละครช่อง 3  จำได้ว่าละครเรื่องแรกตอนนั้นเล่นอายุประมาณ 4-5 ขวบ เล่นเป็นลูก เรื่องความรักสีขาว หลังจากนั้นก็มีโอกาสเล่นหนังต่อเลย ด้วยวัยที่ต่อเนื่องกันมา ในวัย 5-6 ขวบ ถ่ายภาพยนตร์ พี่มาช่า วัฒนพานิชเป็นนางเอก ผมก็เล่นเป็นเด็กอยู่ในภาพยนตร์ อันนั้นคือพาร์ทแรก เหตุการณ์ที่มันเปลี่ยนผันมาคือถ่ายจนเริ่มเรียนชั้นที่สูงขึ้น การเรียนมันเข้มข้นขึ้น อาจารย์ปกครองก็ต้องเรียกคุณแม่ไปคุยว่าสรุปจะให้ลูกเรียนหนังสือหรือจะให้ลูกถ่ายอยู่ในวงการ เพราะตอนนี้ขาดเรียนเยอะมาก แล้วตอนนี้ผลการเรียนเริ่มตกลง กลัวจะเป็นปัญหาตอนจบ ป.6 ต้องเข้า ม.1 ต้องมีการสอบกัน ต้องเตรียมตัว ตอนนั้นแน่นอนคุณแม่ก็ชัดเจนว่าต้องเลือกเรียน ทำให้ผมหายไปเลยจากงานวงการบันเทิงในพาร์ทแรกของชีวิต กลับมาอีกทีหนึ่งสอบ ม.1 อะไรเรียบร้อย อยู่ประมาณ ม.2 ก็เริ่มกลับมาเป็นงานถ่ายแบบนิตยสารวัยรุ่น