19 มิ.ย. 2568 | 13:30 น.
KEY
POINTS
ในฤดูร้อนปี 2015 ขณะที่คลื่นผู้ลี้ภัยจากซีเรีย อิรัก และอัฟกานิสถานทะลักเข้าสู่ยุโรปกลาง ‘เยอรมนี’ ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและเสถียรภาพของทวีป กลายเป็นปลายทางที่ผู้คนจำนวนมหาศาลฝากความหวังไว้ ‘อังเกลา แมร์เคิล’ นายกรัฐมนตรีหญิงที่ไม่เคยใช้ถ้อยคำฟุ่มเฟือยในที่สาธารณะ กลับกล่าวคำหนึ่งที่เปลี่ยนมวลอารมณ์ของประเทศว่า “Wir schaffen das” แปลว่า “เราจะผ่านมันไปได้”
คำประกาศนี้ไม่ได้เกิดจากอารมณ์หรือการเมืองฉาบฉวย หากเกิดจากความเข้าใจลึกซึ้งในความเป็นมนุษย์ ผู้นำหญิงคนนี้รู้ดีว่าประเทศที่ร่ำรวยและมั่นคงที่สุดในยุโรป ไม่อาจเมินเฉยต่อชะตากรรมของผู้คนที่หลบหนีจากสงคราม ความตาย และความสิ้นหวัง เธอไม่ได้พูดเพื่อปลุกเร้า แต่เพื่อรับภาระ
อย่างไรก็ตาม เสียงสรรเสริญไม่ใช่สิ่งที่แมร์เคิลได้รับในเวลานั้น ตรงกันข้าม วิกฤตครั้งนั้นกลายเป็นบททดสอบที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตทางการเมืองของเธอ เสียงตำหนิจากฝ่ายอนุรักษนิยม ฝ่ายขวาจัด และสื่อดังระงม การเปิดประตูประเทศถูกมองว่าเป็นการละเลยความมั่นคง ปล่อยให้ ‘คนอื่น’ เข้ามาในบ้านโดยไม่มีแผนรองรับ
เธอเผชิญกับแรงกดดันที่มาจากทุกทิศทาง ทั้งจากพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลที่เริ่มลังเล ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองที่โจมตีว่าเธอทิ้งผลประโยชน์ของคนเยอรมันเพื่ออุดมการณ์ รวมถึงสื่อมวลชนที่ถาโถมด้วยคำถามว่าเธอประเมินสถานการณ์ผิดพลาดหรือไม่ ในต่างประเทศ ผู้นำบางคนเริ่มถอยห่างจากจุดยืนร่วมด้วย โดยมองว่านโยบายของเยอรมนีเป็นภาระทางยุทธศาสตร์ต่อทั้งสหภาพยุโรป!
คะแนนนิยมของแมร์เคิลร่วงลงอย่างต่อเนื่อง แม้ผู้สนับสนุนจะยังชื่นชมในหลักการ แต่กระแสหวาดระแวงในหมู่ประชาชนทั่วไปกลับแรงขึ้นทุกวัน หลายคนเชื่อว่านโยบายนี้อาจเปลี่ยนโฉมหน้าประเทศไปตลอดกาล
ผู้นำบางคนเมื่อเผชิญแรงต้านมหาศาล อาจเลือกถอย อาจหันไปใช้ถ้อยคำคลุมเครือ หรือยอมโอนอ่อนผ่อนตามเสียงข้างมากเพื่อเอาตัวรอดทางการเมือง แต่แมร์เคิลกลับทำสิ่งตรงกันข้าม เธอไม่เพียงไม่ถอนคำพูด แต่ยังย้ำว่า นี่คือสิ่งที่เยอรมนีต้องทำ เพราะมันถูกต้อง
ความน่าสนใจของแมร์เคิลในเวลานั้นคือการเดินบนเส้นบาง ๆ ระหว่างความหนักแน่นกับความไม่ดื้อดึง เธอไม่ได้พยายามปิดปากฝ่ายตรงข้าม ไม่ละเลยเสียงวิตกของประชาชนทั่วไป ตรงกันข้าม รัฐบาลของเธอเปิดเวทีพูดคุย สนับสนุนการแลกเปลี่ยนในระดับท้องถิ่น และเชิญชวนให้ผู้คนวิพากษ์นโยบายอย่างตรงไปตรงมา
นี่ไม่ใช่สัญญาณของความอ่อนแอ แต่คือรูปธรรมของภาวะผู้นำแบบ ‘Authentic Leadership’ หรือการนำที่ยึดโยงกับคุณค่าจริงแท้ภายใน ไม่เสแสร้ง ไม่ตามกระแส ไม่เปลี่ยนจุดยืนเพื่อเอาใจประชาชนหรือรักษาคะแนนเสียง แต่ยืนหยัดในสิ่งที่เชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม พร้อมยอมรับผลที่ตามมาโดยไม่ปัดความรับผิดชอบ
Authentic Leadership ยังมุ่งให้ผู้นำแสดงความเป็นมนุษย์ ผ่านความสม่ำเสมอทางความคิดและการกระทำ โดยเชื่อว่าความไว้วางใจของประชาชนจะเกิดขึ้นจากความจริงใจ ไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ หรือภาพลักษณ์ที่สวยงามเทียม ๆ
ในอีกด้านหนึ่ง เธอแสดงให้เห็นถึง ‘Cognitive Empathy’ คือการเข้าใจความหวาดกลัวของสังคมอย่างไม่ดูแคลน เธอยอมรับว่าศูนย์พักพิงแออัด เจ้าหน้าที่ตึงเครียด ระบบราชการบางส่วนไม่พร้อม และประชาชนจำนวนมากรู้สึกไม่มั่นใจว่า “นี่คือการช่วยเหลือ หรือกำลังถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง”
แมร์เคิลไม่ตำหนิคนที่กลัว ไม่เรียกพวกเขาว่าเหยียดเชื้อชาติ ไม่ลดทอนความวิตกให้กลายเป็นเรื่องเล็กน้อย เธอเลือกที่จะฟัง ฟังด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง และตอบสนองด้วยการเสริมระบบตรวจคนเข้าเมือง ปรับปรุงระบบความปลอดภัย และร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการกระจายภาระอย่างเป็นธรรม
สิ่งเหล่านี้สะท้อนภาวะผู้นำที่ไม่มองโลกด้วยอารมณ์ฝ่ายเดียว ไม่พูดปลอบประโลมแบบว่างเปล่า แต่รับรู้ถึงความซับซ้อนของปัญหา และกล้าตอบสนองด้วยเครื่องมือเชิงนโยบายที่หนักแน่นและตรวจสอบได้
ถ้อยคำว่า “เราจะผ่านมันไปได้” จึงไม่ใช่คำปลอบใจ แต่เป็นคำมั่นสัญญา ที่มากับการลงมือทำจริง เพื่อให้สังคมเดินต่อไปพร้อมกันอย่างมีศักดิ์ศรี และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
แมร์เคิลเข้าใจว่าผู้นำที่แท้จริงไม่ใช่คนที่พูดถูกทุกครั้ง แต่คือคนที่แม้จะพูดสิ่งที่ไม่เป็นที่นิยม ก็ยังทำด้วยความรับผิดชอบ และพร้อมรับฟังอย่างเท่าเทียม
ในวัฒนธรรมการเมืองที่หลายประเทศมักแสวงหาความนิยมเหนือหลักการ จังหวะนั้นของแมร์เคิลจึงเปล่งแสง แม้จะไร้รัศมีฉูดฉาด เธอก็แสดงให้เห็นว่า วุฒิภาวะทางจิตวิญญาณสำคัญกว่าวาทกรรมใด ๆ
เมื่อสื่อถามว่าเธอเสียใจที่พูดคำว่า “Wir schaffen das” หรือไม่ แมร์เคิลตอบอย่างเรียบง่ายว่า “ฉันยังเชื่อเหมือนเดิม” คำตอบนั้น ไม่ได้เป็นการปฏิเสธปัญหา แต่คือการย้ำว่าคุณค่าของมนุษย์ไม่ควรถูกต่อรอง แม้จะแลกมาด้วยราคาทางการเมือง
หลายปีต่อมา เยอรมนีปรับระบบรับผู้อพยพให้รัดกุมขึ้นอย่างมีระบบ โรงเรียน สถานพยาบาล และตลาดแรงงานปรับตัวรองรับผู้มาใหม่มากขึ้น แม้จะมีปัญหาแทรกซ้อนบ้าง แต่ก็ไม่มีอะไรเลวร้ายเท่าที่คนเคยจินตนาการ
ที่สำคัญ เยอรมนีในวันนั้นไม่ล้มละลายจากการช่วยเหลือผู้อื่น หากกลับยืนอยู่ในจุดที่สง่างามขึ้นในสายตานานาชาติ
ไม่ใช่ทุก ‘วิกฤต’ จะกลายเป็น ‘หายนะ’ หากผู้แบกรับบท ‘ผู้นำ’ สามารถยืนหยัดในหลักการ และตอบสนองต่อเสียงของประชาชนด้วยความ ‘เข้าอกเข้าใจ’
เรียบเรียง: พาฝัน ศรีเริงหล้า
ภาพ: Getty Images
อ้างอิง:
“Migrant Crisis: Angela Merkel Says Germany Will Cope.” BBC News, 31 Aug. 2015, https://www.bbc.com/news/world-europe-34131911. Accessed 19 June 2025.
Connolly, Kate. “How Angela Merkel’s Great Migrant Gamble Paid Off.” The Guardian, 30 Aug. 2020, https://www.theguardian.com/world/2020/aug/30/angela-merkel-great-migrant-gamble-paid-off. Accessed 19 June 2025.
“Welcoming the Other: Emotion and Empathy in Germany’s 2015 Refugee Crisis.” NATO StratCom COE, https://stratcomcoe.org/publications/welcoming-the-other-emotion-and-empathy-in-germanys-2015-refugee-crisis/231. Accessed 19 June 2025.
“Dr Angela Merkel Honoured for True Leadership in Protecting Refugees.” UNHCR Australia, https://www.unrefugees.org.au/our-stories/dr-angela-merkel-honoured-for-true-leadership-in-protecting-refugees/. Accessed 19 June 2025.
“Bundestag Questions Legality of Angela Merkel’s Refugee Policy.” DW, https://www.dw.com/en/bundestag-questions-legality-of-angela-merkels-refugee-policy/a-40645998. Accessed 19 June 2025.
Pasaribu, Jan Calvin. “Angela Merkel’s Refugee Policy in Germany: Political Interest and Humanitarian Mission.” Journal of Government and Social Science, vol. 2, no. 3, 2022, https://ejournal.fisip.unjani.ac.id/index.php/JGSS/article/view/2135. Accessed 19 June 2025.
“Wir Schaffen Das: Angela Merkel and Germany’s Response to the Refugee Crisis in Europe.” Harvard Kennedy School Case Program, https://case.hks.harvard.edu/wir-schaffen-das-angela-merkel-and-germanys-response-to-the-refugee-crisis-in-europe/. Accessed 19 June 2025.