นพ. วิฑูรย์ ปิติเกื้อกูล ผู้สร้าง ‘ปาฏิหาริย์’ ด้วยวินัยและใจรัก

นพ. วิฑูรย์ ปิติเกื้อกูล ผู้สร้าง ‘ปาฏิหาริย์’ ด้วยวินัยและใจรัก

นายแพทย์วิฑูรย์ ปิติเกื้อกูล (Dr.Vitoon Pitiguagool) ศัลยแพทย์โรคหัวใจและทรวงอก เชี่ยวชาญทางด้านการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ ซ่อมและเปลี่ยนลิ้นหัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ได้มีโอกาสสร้างปาฏิหาริย์และมอบชีวิตใหม่ให้กับผู้ป่วยมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง

‘ปาฏิหาริย์’ ถูกมองดูเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากโชคชะตาจะพาไป หลายคนเชื่อว่าเป็นเพราะการดลบันดาลของพระเจ้าหรือทวยเทพ แต่หลายครั้งสิ่งที่แทบเป็นไปไม่ได้ ก็เกิดขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์คนธรรมดา ผู้ทุ่มเท เสียสละ และเอาจริงเอาจังกับสิ่งที่ทำ

 

นายแพทย์วิฑูรย์ ปิติเกื้อกูล (Dr.Vitoon Pitiguagool) ศัลยแพทย์โรคหัวใจและทรวงอก เชี่ยวชาญทางด้านการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ ซ่อมและเปลี่ยนลิ้นหัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ตลอดชีวิตการทำงานในห้องผ่าตัดกว่า 30 ปี ได้มีโอกาสสร้างปาฏิหาริย์และมอบชีวิตใหม่ให้กับผู้ป่วยที่แทบจะไม่มีโอกาสรอดมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง

 

ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดคนไข้วิกฤตที่ถูกส่งตัวด้วยเครื่องบินครั้งแรกของเมืองไทย หรือเคสการผ่าตัดรักษากัปตันเรือเดินสมุทรที่จากบ้านมาไกล ไร้ญาติ ที่แทบไม่มีโอกาสรอด แต่กว่าจะผ่านเรื่องราวเหล่านี้ ต้องย้อนกลับไปที่จุดตั้งต้น

 

เด็กหนุ่มในชื่อวิฑูรย์ ที่ได้ชื่อว่าเรียนดีอยู่ในระดับต้น ๆ เสมอ เขาเริ่มต้นเส้นทางในวงการแพทย์ที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากเดิมที่สนใจจะเป็นศัลยแพทย์ แต่เมื่อเป็นแพทย์ฝึกหัดที่โรงพยาบาลสมเด็จฯ ณ ศรีราชา พร้อม ๆ กับต้องมาทำงานที่จุฬาฯ ด้วย การได้พบอาจารย์หมอหลายท่านที่เป็นเหมือนไอดอล ทำให้ในวันนั้นเขาอยากเป็นศัลยแพทย์ผ่าตัดสมอง นพ. วิฑูรย์ ปิติเกื้อกูล ผู้สร้าง ‘ปาฏิหาริย์’ ด้วยวินัยและใจรัก

แต่ชีวิตได้นำพาเขาเดินทางไปไกล ด้วยการไปใช้ทุนอยู่ที่โรงพยาบาลเปิดใหม่คือ โรงพยาบาลเสิงสาง จ.นครราชสีมา ได้ชื่อว่าอยู่ในเขตพื้นที่สีแดง รองรับผู้ป่วยย่านอำเภอเสิงสาง รอยต่อของพื้นที่ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) และแม้เจ้าตัวจะอายุเพียงยี่สิบปีเศษ แต่เด็กหนุ่มแพทย์จบใหม่ป้ายแดงก็ต้องรับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล ในโรงพยาบาลที่เคยไร้หมอเนื่องจากชื่อเสียงความอันตรายของพื้นที่

 

โรงพยาบาลเสิงสางในขณะนั้นเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ๆ ขนาด 10 เตียงที่มีหมอเพียงคนเดียว นายแพทย์จากเมืองกรุงจึงเป็นทั้งผู้อำนวยการโรงพยาบาลและเป็นทั้งแพทย์ที่ดูแลความเรียบร้อยทุกส่วนกับพยาบาลเพียง 3 คน และทีมผู้ช่วยที่มีน้อยจนนับนิ้วได้

 

“ก่อนผมไปอยู่ที่นั่น 2 ปี สถานีตำรวจเพิ่งถูกผู้ก่อการร้ายเผา ไปถึงปุ๊บได้ของขวัญจากท่านนายอำเภอ ท่านส่งของขวัญมาให้ 1 ชิ้น รู้ไหมครับว่าเป็นอะไร เป็นปืน M16 (หัวเราะ) หน้าโรงพยาบาลก็มีบังเกอร์ 2 แห่ง ก็เลยต้องบอกตัวเองว่าเราจะต้องอยู่ให้ได้ โดยต้องรู้จักทั้งเจ้าหน้าที่ทุกคน และประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบทุกคน” 

 

หลังจากได้รับของขวัญจากนายอำเภอ ศิษย์ผู้พี่จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ไม่ใช่กระเช้าผลไม้ หรือช่อดอกไม้สวยสด หากแต่เป็นปืน M16 กระบอกเขื่องสำหรับป้องกันตัว ทำให้นายแพทย์หนุ่มรู้แน่แก่ใจว่าพื้นที่นี้  ‘ไม่แน่จริง อยู่ไม่ได้’ แต่สิ่งที่เขาทำไม่ใช่การเก็บตัวระแวดระวังภัยอยู่ในโรงพยาบาลหรือบ้านพัก

 

แต่กลับเป็นการออกไปพบเจอผู้คนในพื้นที่สีแดงมากมาย ด้วยการเชื่อมสัมพันธ์แบบคนไทย ไปไหนมาไหนเมื่อใครกวักมือเรียกชวนกินข้าว ก็ตอบรับไมตรีจิตกระชับมิตรในวงพาข้าวด้วยเสมอ จนได้รับความไว้วางใจจากคนในพื้นที่ ทำให้รถโรงพยาบาลเสิงสางเป็นรถเพียงคันเดียวเท่านั้น ที่สามารถเข้านอกออกในเดินทางไปได้ทั่วทั้งเขตพื้นที่สีแดงอย่างสะดวก

เมื่อทำงานได้ครบปี จึงได้ย้ายเข้ามาเป็นแพทย์ใช้ทุนประจำที่โรงพยาบาลมหาราช จ.นครราชสีมา ในแผนกศัลยกรรม ทุกอย่างดูราบรื่นดี กระทั่งเหตุการณ์ในวันหนึ่งที่ได้เขย่ามุมมองของเขาไปสิ้นเชิง เมื่อคนไข้ฉุกเฉินรายแรกที่เข้ามาอยู่ในความดูแล มีอาการอาเจียนเป็นเลือดและมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร แม้การผ่าตัดจะสำเร็จเรียบร้อย แต่ต่อมาคนไข้มีภาวะเลือดไหลไม่หยุด ทำให้เสียชีวิตในที่สุด อันเนื่องมาจากเทคโนโลยีการให้เลือดที่ยังไม่เอื้ออำนวย 

 

“วันนั้นบอกกับตัวเองว่าจะมีคนไข้เสียชีวิตในมือเราอีกสักกี่คน ถ้าเราไม่เก่งพอ” เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้มีแรงฮึดเพื่อพัฒนาตัวเอง ด้วยการหาประสบการณ์ในการผ่าตัด แม้ในยามว่างที่ไม่ได้อยู่เวรก็ยังแวะเวียนไปที่ห้องผ่าตัด เพื่อช่วยเหลือแพทย์ท่านอื่นสม่ำเสมอ 

 

“บางวันเราผ่าตัดตั้งแต่ 10 โมงเช้าและผ่าต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ จนไปเสร็จช่วง 8 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น คือผ่าไปทั้งหมด 10 กว่ารายภายใน 24 ชั่วโมง เพราะเราถามตัวเองว่าทำอย่างไรเราถึงจะเก่งพอ ก็ต้องผ่าตัดเยอะ ๆ มีประสบการณ์เยอะ ๆ ยิ่งเราเจอเคสเยอะ เราก็จะยิ่งเก่ง ใช้ Hand Skills ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ” นายแพทย์วิฑูรย์กล่าว

 

การได้สั่งสมประสบการณ์ทำให้มีทักษะในการผ่าตัด การตัดสินใจ และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ยอดเยี่ยม ในระยะเวลาเพียงหนึ่งปีได้ผ่าตัดผู้ป่วยศัลยกรรมทั่วไปในช่องท้องไปเฉียดพันราย แต่จุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อทางจังหวัดนครราชสีมามีทุนให้แก่แพทย์ในสาขาขาดแคลน คือ ด้านการผ่าตัดหัวใจ เมื่อเห็นว่าเป็นสาขาที่ขาดแคลน เจ้าตัวจึงสมัครขอทุนดังกล่าว เข้ามาเรียนต่อที่โรงพยาบาลศิริราช เนื่องจากเป็นที่แรกที่เปิดสอนในสาขาการผ่าตัดหัวใจ

 

“ศาสตราจารย์นายแพทย์กัมพล ประจวบเหมาะ เป็นอาจารย์แพทย์อาวุโสที่เริ่มต้นอะไรหลาย ๆ อย่าง เกี่ยวกับการผ่าตัดหัวใจ อาจารย์ก็บอกว่า…วิฑูรย์ ผมรับคุณเข้าเรียนนะ แต่มีข้อแม้ 3 ข้อ ข้อที่ 1 ต้องทนอด เพราะต้องผ่าตัด 5 - 8 ชั่วโมง ลืมไปเลยเรื่องข้าวกลางวัน ข้อที่ 2 ต้องอดทน เพราะต้องยืนผ่าตัดนาน ข้อที่ 3 ก็บอกว่าต้องกินแกลบนะ (หัวเราะ) แต่เราก็โอเค ตอบไปว่าได้ครับ เพราะเราไม่มีความรู้สึกว่าต้องทำงานเพื่อหาเงิน จึงได้เรียนเป็นแพทย์ประจำบ้านด้านการผ่าตัดหัวใจที่โรงพยาบาลศิริราช”

 

หลังจากเรียนจบ เขากลับไปทำงานที่เมืองย่าโมตามเดิม และด้วยความที่เป็นโรงพยาบาลใหญ่ในแถบอีสานใต้ ทำให้ต้องรับเคสผู้ป่วยที่ถูกส่งต่อมาจากโรงพยาบาลใกล้เคียงมากมาย นั่นหมายถึงจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดด้วย จนผู้อำนวยการถึงกับต้องเอ่ยปากหยอก

 

“ผอ. บอกผมว่า วิฑูรย์ ผ่าตัดให้น้อยกว่านี้หน่อยก็ได้ เพราะหาเงินมาให้ใช้ผ่าตัดไม่ทันแล้ว เนื่องจากคนไข้ส่วนใหญ่จะมีรายได้น้อยครับ โรงพยาบาลก็ต้องหางบประมาณมา” นพ. วิฑูรย์ ปิติเกื้อกูล ผู้สร้าง ‘ปาฏิหาริย์’ ด้วยวินัยและใจรัก นพ. วิฑูรย์ ปิติเกื้อกูล ผู้สร้าง ‘ปาฏิหาริย์’ ด้วยวินัยและใจรัก

กระทั่งศาสตราจารย์นายแพทย์กัมพล ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาศัลยแพทย์ผ่าตัดหัวใจให้ ได้เป็นหนึ่งในทีมผู้บุกเบิกเปิดศูนย์หัวใจกรุงเทพ ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ จึงได้ชักชวนลูกศิษย์คนนี้เข้าร่วมทีม กับก้าวแรกด้วยการเป็นผู้ช่วยแพทย์ผ่าตัดหัวใจก่อน

 

การจะพัฒนาให้ได้ขึ้นมายืนเป็นคุณหมอผ่าตัดได้ ต้องสั่งสมประสบการณ์และฝีมือมากขึ้น นายแพทย์วิฑูรย์จึงตัดสินใจไปเรียนรู้งานที่โรงพยาบาลในเครือเมลเบิร์น ยูนิเวอร์ซิตี้ ประเทศออสเตรเลีย หลังสมัครไปนานหลายเดือน แต่ไม่ได้รับการตอบรับใด ๆ จึงอาศัยความกล้า เมื่อรู้ว่าอาจารย์แพทย์ที่เมลเบิร์นมาเข้าร่วมเป็นวิทยากรที่งานประชุมทางวิชาการแห่งหนึ่งที่ประเทศมาเลเซีย จึงรีบบินลัดฟ้าเพื่อไปแนะนำตัว

 

“หลังงานประชุม ผมเห็นเขานั่งดื่มกาแฟอยู่ เลยเดินไปแนะนำตัว และถามตรง ๆ ว่า ผมสมัครไปเป็นแพทย์ฝึกหัดผ่าตัดหัวใจจะรับไหม เขาก็บอกว่ารับเพราะเห็นว่าเรามีประสบการณ์ ผมก็ได้เป็นแพทย์ฝึกหัดผ่าตัดหัวใจที่เมลเบิร์นเป็นเวลา 1 ปี ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย และเขาชอบสไตล์การดูแลและการพูดคุยกับคนไข้ของคนไทย เพราะเรามีความตั้งใจและนอบน้อม” 

 

การตีตั๋วไปมาเลเซียในครั้งนั้นพาเขาไปไกลกว่าที่คิด หลังเป็นแพทย์ผ่าตัดมือหนึ่งดังหวัง ได้ดูแลผู้ป่วยชาวออสเตรเลีย แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อมาทำงานที่โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพต่อ ด้วยการเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างทีมแพทย์ผ่าตัดหัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพทีมแรก  นพ. วิฑูรย์ ปิติเกื้อกูล ผู้สร้าง ‘ปาฏิหาริย์’ ด้วยวินัยและใจรัก

จากการได้ร่วมทีมผ่าตัดกับ ดร.นายแพทย์กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์ ทำให้ความเชี่ยวชาญของนายแพทย์วิฑูรย์ คือการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน ด้วยการผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจแบบไม่ต้องหยุดหัวใจ หรือการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจโดยไม่ใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม (Off - Pump Coronary Artery Bypass Grafting) ที่มีข้อดีคือ ไม่ต้องทำให้หัวใจหยุดเต้นขณะผ่าตัด ลดผลข้างเคียงจากการผ่าตัดแบบใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียมที่ต้องทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ทั้งหมด 

 

การรักษาในรูปแบบดังกล่าว จะช่วยแก้ปัญหาเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่หัวใจทำงานไม่ดี ผู้ป่วยที่ปอด ไต ทำงานได้ไม่ปกติ หรือผู้ป่วยที่อายุมาก ช่วยลดโอกาสการเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต และทำให้อัตราเสียชีวิตต่ำกว่า และอีกความเชี่ยวชาญคือ การผ่าตัดซ่อมลิ้นหัวใจแบบแผลเล็กโดยการใช้กล้อง 

 

“โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพเป็นแนวหน้าการผ่าตัดบายพาสโดยที่ไม่ต้องหยุดหัวใจ ผมเคยผ่าตัดในเคสที่ผู้ป่วยหัวใจบีบตัวแค่ 9% คือแทบจะไม่ขยับเลย จนตอนนี้ผู้ป่วยหายดีและยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนั้นเราทำงานกันเป็นทีม มีหมอผ่าตัดหัวใจ 5 - 6 คน ในเคสที่ยาก ๆ เราจะเข้ามาช่วยกัน หมอรุ่นใหม่ ๆ ก็ได้ประสบการณ์ด้วย อย่างเราผ่าโรคเส้นเลือดโป่งพองปริแตกเซาะ ที่ปกติผู้ป่วย 94 - 95% จะเสียชีวิต ก็สามารถผ่าตัดรายหนัก ๆ ที่เป็นเยอะให้รอดชีวิตได้”

 

โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพไม่ได้มีเพียงบทบาทด้านการรักษาพยาบาลเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทในแง่มุมวิชาการในวงการผ่าตัดหัวใจและทรวงอก ด้วยการให้ความรู้ด้านการผ่าตัดศัลยกรรมหัวใจแก่ทีมแพทย์โรงพยาบาลอื่น ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมทั้งการจัดทำและเผยแพร่บทความวิชาการทางการแพทย์เพื่อนำเสนอในการประชุมวิชาการที่ต่างประเทศด้วย 

 

ทำให้ตลอดระยะเวลา 30 ปี นายแพทย์วิฑูรย์ได้ส่งต่อองค์ความรู้ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงผ่าตัดรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน ด้วยการผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจแบบไม่ต้องหยุดหัวใจกว่า 1,000 ราย นพ. วิฑูรย์ ปิติเกื้อกูล ผู้สร้าง ‘ปาฏิหาริย์’ ด้วยวินัยและใจรัก

โดยมีคนไข้เคสหนึ่งที่ติดอยู่ในความทรงจำและเป็นความภาคภูมิใจ เมื่อคนไข้วิกฤตป่วยด้วยเส้นเลือดหัวใจตีบและกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ซึ่งเคสนี้เป็นอีกประวัติศาสตร์ของโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพที่ยังเล่าขานกันถึงปัจจุบัน

 

“สมัยก่อนยังไม่มีการส่งต่อผู้ป่วยแบบ Air Ambulance (การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยเครื่องบิน) เคสนี้อาจจะเป็นรายแรกของเมืองไทยก็ได้ ผู้ป่วยถูกส่งตัวขึ้นเครื่องบินมาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี มาลงที่สนามบินดอนเมือง และรถฉุกเฉินไปรับมาที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลกรุงเทพ เราต้องปั๊มหัวใจกันนานมาก

 

ภรรยาผู้ป่วยถามว่าถ้าผ่ามีโอกาสรอดไหม ผมบอกว่ามีโอกาสเสียชีวิตมากกว่ารอด แต่ถ้าไม่ผ่าคือเสียชีวิตแน่นอน เขาให้เราผ่าทันที เราก็รีบผ่าตัด จนคนไข้พักฟื้นต่ออีก 2 - 3 เดือน ก็กลับมาใช้ชีวิตและเดินได้ตามปกติ และมีชีวิตอยู่ต่อมาอีก 17 ปี” นายแพทย์วิฑูรย์เล่าถึงความทรงจำที่มีต่อผู้ป่วยที่ประทับใจ

 

หรืออีกกรณีของกัปตันเดินเรือสมุทรชาวฟิลิปปินส์ ที่มีโรคเส้นเลือดแดงปริแตกเซาะ คนไข้ไตวาย ตับวาย จนกระทั่งถูกส่งมาที่โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ จึงได้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์และฉีดสี แต่ปัญหาคือการไม่มีญาติเซ็นอนุญาตผ่าตัด จึงได้โทรศัพท์ข้ามประเทศไปถึงภรรยาผู้ป่วย และได้ทำการผ่าตัดลุล่วงไปด้วยดี จนกระทั่งการทำงานของตับ ไต กลับมาค่อนข้างดี จนคนไข้สามารถกลับบ้านได้

 

“สิ่งที่ประทับใจที่สุดก็คือประมาณ 11 ปีให้หลัง ผู้ป่วยพาครอบครัว คือภรรยาและลูกสองคนมาหา และบอกว่ายูจำไอได้ไหม My son and my daughter want to know who is the doctor that save their father life. ลูกชายและลูกสาวของเขาอยากรู้ว่าคุณหมอคนไหน คือคนที่ช่วยชีวิตคุณพ่อของพวกเขา เราปลื้มใจมาก ที่ผ่านไปอีกเป็นสิบปีแล้ว เขาก็ยังนึกถึง” คุณหมอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม นพ. วิฑูรย์ ปิติเกื้อกูล ผู้สร้าง ‘ปาฏิหาริย์’ ด้วยวินัยและใจรัก

แต่ละก้าวที่เดิน แต่ละวันที่ใช้ชีวิต จึงเป็นไปเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อชีวิตผู้คน ไปจนถึงการสร้างสิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นได้ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่โชคช่วย แต่คือความมีวินัย มุ่งมั่น ใส่ใจ และตั้งใจจริง อันเป็นหลักคิดของ นายแพทย์วิฑูรย์ ปิติเกื้อกูล ศัลยแพทย์โรคหัวใจและทรวงอก มือวางอันดับหนึ่งด้านการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ ซ่อมและเปลี่ยนลิ้นหัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ 

 

“ผมจะบอกตัวเอง และบอกกับน้อง ๆ แพทย์เสมอ ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องทำให้ดีที่สุด เมื่อทำดีที่สุดแล้ว ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร สามารถบอกตัวเองได้ว่าเราทำดีที่สุดแล้ว จะไม่ต้องบอกกับตัวเองทีหลังว่ารู้อย่างนี้ทำให้มันดีกว่านี้อีกหน่อย เพราะสำหรับผู้ป่วยจะไม่มีคำว่า ‘รู้อย่างนี้’ อีกแล้ว ผู้ป่วยเสียชีวิตก็คือเสียชีวิตไปแล้ว เราแก้ตัวไม่ได้ เพราะฉะนั้นทำอะไรต้องทำให้ดีที่สุด” นายแพทย์วิฑูรย์กล่าวทิ้งท้าย 

#bangkokhearthospital #รพ.หัวใจกรุงเทพ #หมอหัวใจเก่ง
นพ. วิฑูรย์ ปิติเกื้อกูล ผู้สร้าง ‘ปาฏิหาริย์’ ด้วยวินัยและใจรัก นพ. วิฑูรย์ ปิติเกื้อกูล ผู้สร้าง ‘ปาฏิหาริย์’ ด้วยวินัยและใจรัก