นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ : ชีวิตต้องดี ที่อยู่อาศัยเติมเต็มชีวิตจึงสำคัญ

นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ : ชีวิตต้องดี ที่อยู่อาศัยเติมเต็มชีวิตจึงสำคัญ

นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ ‘นักธุรกิจ - นักเดินทาง - นักสะสม’ เมื่อชีวิตต้องใช้ให้ดีที่สุด ที่อยู่อาศัยเติมเต็มความหมายให้ชีวิตจึงสำคัญ

มีคำกล่าวว่าบ้านที่แท้จริงไม่เพียงเป็นแค่ที่อยู่อาศัยไว้ให้ร่างกายนอนหลับพักผ่อนเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ให้จิตใจได้รีชาร์จพลัง เตรียมพร้อมออกไปเผชิญโลกภายนอกที่มีอะไรให้ค้นหาและเรียนรู้อีกมากมาย

เหมือนกับนายแพทย์นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ หรือคุณหมอหนุ่ม ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง Dr.TATTOF คลินิกด้านการลบรอยสัก รอยแผลเป็น และทุกปัญหาผิวด้วยเลเซอร์อันดับ 1 ในเอเชีย นอกจากบทบาทคุณหมอผู้ต่อยอดธุรกิจคลินิกรักษาโรคผิวหนังของคุณพ่อได้อย่างงดงาม กลายเป็นลูกไม้หล่นใต้ต้น ที่ออกไปเติบโตอย่างแข็งแกร่งแล้ว

เขายังสวมหมวกอีกสองใบ คือการเป็นนักสะสมภาพวาดศิลปะของศิลปินไทยและต่างประเทศกว่า 200 ชิ้น และนักเดินทางตัวยงที่ไปเยือนมาแล้วกว่า 200 เมืองทั่วโลก แต่ยิ่งเดินทางไปได้ไกลแค่ไหน ก็ต้องกลับมาพักผ่อนเติมพลังกายและใจในบ้านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นที่สุดในทุกด้านของเขา มาค้นหาความหมายของคำว่า ‘บ้าน’ ในมุมมองคุณหมอนักบริหารหนุ่มอนาคตไกลท่านนี้กัน นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ : ชีวิตต้องดี ที่อยู่อาศัยเติมเต็มชีวิตจึงสำคัญ

‘นักธุรกิจ - นักสะสม - นักเดินทาง’ ผู้เต็มที่ในทุกบทบาท

ย้อนกลับไปวัยเด็กของคุณหมอหนุ่ม ลูกชายของคุณพ่อผู้รับราชการเป็นรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลชลบุรี เติบโตมาในบ้านพักแพทย์ ที่มีเพื่อนบ้านเป็นบุคลากรวงการแพทย์ แต่เขากลับไม่สนใจในวิชาชีพนี้ และหาทางหลีกหนีเต็มที่

“ตอนเด็ก ๆ ผมรู้สึกว่าชอบแต่งบ้าน อยากเป็นสถาปนิกมาก แต่ตอนนั้นเป็นช่วงที่มีข่าวสถาปนิกตกงาน คุณพ่อก็แนะนำว่าอย่าเป็นเลย สุดท้ายก็เลือกเอ็นทรานซ์เข้าสาขาคอมพิวเตอร์ไซแอนส์ (วิทยาการคอมพิวเตอร์) ที่ธรรมศาสตร์ เพราะชอบเล่นเกม ช่วงครึ่งปีแรกที่เรียนวิชาพื้นฐาน เรียนเก่งมาก ได้ A ทุกวิชา แต่พอเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พวก ปาสคาล ซีพลัสพลัส เรียนไม่รู้เรื่องเลย ได้เกรด C มาแทน ก็เริ่มคิดว่าคงไม่ใช่ทางแล้ว ระหว่างนั้นคุณพ่อก็มาเป่าหูอีก (หัวเราะ) บอกเรียนหมอเถอะ ก็เลยตามใจคุณพ่อ เอ็นทรานซ์เข้าเรียนแพทย์ที่ ม.รังสิต พอจบมาก็เรียนต่อเฉพาะทางด้านผิวหนัง เนื่องจากคุณพ่อเป็นหมอผิวหนังอยู่แล้ว”

นพ.นิพนธ์ จิรุระวงศ์ คุณพ่อของคุณหมอหนุ่มถือเป็นแพทย์ผิวหนังคนแรก  ๆ ของภาคตะวันออก เปิดคลินิกรักษาโรคผิวหนัง เช่น ผื่น สะเก็ดเงิน เชื้อรา ในชื่อ นิพนธ์คลินิก ที่คุณหมอหนุ่มเล่าว่า แม้จะเรียนแพทยศาสตร์ตามใจคุณพ่อ แต่ขณะนั้นยังไม่ได้คิดตามรอยเป็นแพทย์ผิวหนังเหมือนคุณพ่อ เพราะสนใจด้านศัลยกรรมและอายุรกรรมมากกว่า รวมถึงได้รับการชักชวนให้ไปทำงานในสายวิชาการ เป็นอาจารย์หมออีกด้วย

แต่จุดเปลี่ยนในชีวิตก็มาถึงเมื่อคุณพ่อป่วย และเป็นช่วงเดียวกับที่ต้องเลือกเรียนต่อเฉพาะทาง ซึ่งทางบ้านมีธุรกิจคลินิกของคุณพ่อเป็นรายได้หลักของครอบครัว จึงตัดสินใจเรียนต่อเฉพาะทางด้านผิวหนัง เพื่อสานต่องานที่คุณพ่อได้ทำไว้

“เรากลับมาดูแลธุรกิจที่บ้าน มานั่งตรวจคนไข้แทนคุณพ่อ ช่วงแรกเหนื่อยมาก พอเปลี่ยนจากคุณพ่อมาเป็นเรา คนไข้ก็ไม่ไว้ใจ บอกว่าหมอคนนี้ไม่เอา เสียใจมาก แต่เราก็ไม่ยอมแพ้ ฝึกฝีมือและพิสูจน์ตัวเองให้คนไข้ไว้ใจเราให้ได้ จนกระทั่งเป็นที่รู้จักของคนชลบุรี มีคนไข้เพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากคลินิกที่เป็นห้องแถวเล็ก ๆ มีคนมาต่อคิวยาวออกไปถึงถนนเลย” คุณหมอหนุ่มเล่าถึงการเป็นแพทย์จบใหม่ที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ : ชีวิตต้องดี ที่อยู่อาศัยเติมเต็มชีวิตจึงสำคัญ

ความพยายามออกดอกผลเมื่อได้รับความไว้วางใจจากคนไข้ทั่วทั้งจังหวัดชลบุรีและจังหวัดใกล้เคียง แต่เขายังไม่หยุดแค่นั้น เมื่อเห็นโอกาสก็ลงมือทำทันที สยายปีกต่อยอดธุรกิจให้เติบใหญ่ไปอีกขั้น จึงนำเทคโนโลยีเลเซอร์ต่าง ๆ เข้าไปที่ชลบุรี เป็นคนแรก ๆ ของภาคตะวันออก ทำให้ ‘นิพนธ์คลินิก’ ของคุณพ่อ เปิดสาขาที่ 2 - 3 และเริ่มเห็นโอกาสการทำคลินิกที่เฉพาะทางมากขึ้น 

“ย้อนไป 10 ปีที่แล้ว เพิ่งมีเทคโนโลยีใหม่ที่อเมริกาออกมา และยังไม่มีใครนำเข้ามาใช้ในเมืองไทย เนื่องจากราคาเครื่องค่อนข้างสูงหลักสิบล้านบาท  แต่เราอยากให้คนไข้ได้ใช้เทคโนโลยีดี ๆ ก็ซื้อเครื่องมือนี้ และเปิดคลินิกสาขาแรกชื่อ Dr.TATTOF ที่สีลม คอมเพล็กซ์ ได้รับการตอบรับดีมาก จากสาขาแรกพื้นที่ 20 ตารางเมตร เราค่อย ๆ ขยายทีละสาขา จนตอนนี้ผ่านมา 8 - 9 ปีแล้ว Dr.TATTOF มี 10 สาขาทั่วกรุงเทพฯ” นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ : ชีวิตต้องดี ที่อยู่อาศัยเติมเต็มชีวิตจึงสำคัญ

คุณหมอ ผู้รักงานศิลปะ

แม้จะออกปากว่าในตอนแรกไม่ได้สนใจงานศิลปะเท่าไรนัก แต่เพราะเป็นคนชอบแต่งบ้านเป็นทุนเดิม และการมีภาพศิลปะประดับบ้านน่าจะช่วยเพิ่มคุณค่าให้บ้านได้ จึงมีอีกสิ่งที่เป็นความหลงใหลนั่นคือการสะสมงานศิลปะ หลังจากคนไข้ซึ่งเป็นดีลเลอร์งานศิลปะมาชักชวน จึงลองเริ่มสะสมภาพเขียน

งานศิลปะชิ้นแรกเป็นภาพม้าสีแดงของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ที่เขายอมรับว่าเป็นรูปที่แพงที่สุดในชีวิต แต่เมื่อมาติดที่บ้านแล้ว ก็รู้สึกชอบภาพชิ้นนั้นมาก รู้ตัวอีกทีก็สะสมภาพศิลปะมากว่า 12 ปีแล้ว และมีภาพที่สะสมไว้กว่า 200 ภาพทีเดียว

“ภาพที่เลือกมาจากความชอบล้วน ๆ พอชอบแล้วก็ไปศึกษาข้อมูลของศิลปินและแกลเลอรี ซึ่งการได้มาแต่ละภาพไม่ง่ายเลย ล้วนต้องอาศัยเวลาและคอนเนกชั่นที่ทำให้แกลเลอรีเชื่อใจว่าเราเป็นลูกค้าตัวจริง ไม่ใช่ซื้อไปเพื่อปั่นราคา ช่วงแรกผมเก็บงานที่เป็นกลุ่ม Old master  เป็นหลัก แต่ช่วงหลังมานี้กลุ่มที่มาแรงจะเป็นสายการ์ตูน เพราะศิลปะสไตล์นี้เข้าถึงง่ายกว่า Pure Art หรือ Abstract หลัง ๆ เราเลยเลือกซื้องานคาแรกเตอร์ที่ดูง่ายและให้ความหมายดี อย่าง Alex Face ก็เป็นอีกแนวหนึ่งที่ผมชื่นชอบ”

และมากไปกว่าการสะสมงานศิลปะเพื่อรักษาคุณค่างานแล้ว เขายังเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมผลักดันวงการผืนผ้าใบนี้ จากประสบการณ์ที่คลุกคลีมากว่า 10 ปี ได้เห็น ได้รู้จักศิลปินทั้งในไทยและต่างประเทศมากมาย หลายครั้งจึงมีศิลปินมาขอคำแนะนำถึงแนวทางการพัฒนาตนเองในสายอาชีพนี้ เขาจึงกลายเป็นผู้ที่มีส่วนช่วยชี้แนะศิลปินหลายท่านเพื่อการพัฒนาวงการศิลปะไทยด้วย นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ : ชีวิตต้องดี ที่อยู่อาศัยเติมเต็มชีวิตจึงสำคัญ นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ : ชีวิตต้องดี ที่อยู่อาศัยเติมเต็มชีวิตจึงสำคัญ

การเดินทางทำให้เห็นโลก

การที่ครอบครัวพาคุณหมอหนุ่มไปเที่ยวหลายประเทศตั้งแต่วัยเยาว์ทำให้เขาหลงเสน่ห์การเดินทางไปเต็ม ๆ ที่บ้านมีแผนที่ที่ปักหมุดไว้ว่าไปประเทศใดมาแล้ว พอนับดูก็พบว่าเดินทางไปแล้วกว่า 200 เมืองทั่วโลก ทั้งในประเทศที่มั่งคั่งที่สุด ยากจนที่สุด ดินแดนที่สูงที่สุด อารยธรรมเก่าแก่ที่สุด พบเจอผู้คนต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา ล้วนหล่อหลอมให้เขามีไฟ มีใจ มีพลังในการทำงาน และยังเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ครอบครัวจะได้อยู่พร้อมหน้ากัน 

“ที่บ้านมองว่าการไปเที่ยวมันได้เปิดประสบการณ์ อย่างตอนที่คุณแม่เกษียณจากงานใหม่ ๆ ท่านบอกผมว่า ท่านไม่ขอเงินอะไรเลย ขออย่างเดียว พาไปเที่ยวปีละ 2 ครั้ง (ยิ้ม) ผมมีพี่สาวอยู่ที่อเมริกา อย่างถ้าผมพาคุณแม่ไปเที่ยวยุโรป พี่สาวจะบินจากอเมริกามาเจอกัน เป็นช่วง Family time ที่เราได้ใช้เวลาด้วยกัน”
นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ : ชีวิตต้องดี ที่อยู่อาศัยเติมเต็มชีวิตจึงสำคัญ

คุณหมอหนุ่มเสริมว่า การไปเที่ยวเป็นตัวตนหนึ่งของเขา ทำให้เขาได้เห็นอะไรหลายอย่างที่เอามาประยุกต์ใช้กับชีวิตได้ เห็นมุมมองการใช้ชีวิตของคนแต่ละประเทศ บางประเทศรู้สึกว่าเขาใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์กันมาก ทำให้บางครั้งได้กลับมานั่งคิดถึงการใช้ชีวิตของตนเอง และตั้งคำถามถึงการจะปรับเปลี่ยนสร้างสมดุลให้ชีวิต นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ : ชีวิตต้องดี ที่อยู่อาศัยเติมเต็มชีวิตจึงสำคัญ นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ : ชีวิตต้องดี ที่อยู่อาศัยเติมเต็มชีวิตจึงสำคัญ

บาลานซ์ชีวิตด้วย ‘บ้าน’ ที่อยู่แล้วมีความสุข

ถ้าจะบอกว่าบ้านที่อยู่แล้วมีความสุข มีส่วนช่วยบาลานซ์การใช้ชีวิตได้ ก็คงไม่ผิดนัก คุณหมอหนุ่มจึงพิถีพิถันในการเลือกที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตแบบใช้ชีวิตให้สุดไปทุกด้านของเขา

เมื่อครอบครัวอยู่ชลบุรี แต่ต้องทำงานที่กรุงเทพฯ 6 - 7 วันต่อสัปดาห์ กับการบริหาร Dr.TATTOF หลายสาขาทั้งพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นนอกและชั้นใน สิ่งที่อำนวยความสะดวกชีวิตคนเมืองสำหรับเขาที่สุด คือการได้อยู่คอนโดมิเนียมที่ตอบรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตด้วย

“ผมมีคลินิกทั้งหมด 10 สาขา อยู่ใจกลางเมืองและรอบนอกกรุงเทพฯ เฉลี่ยแล้วสาขาหนึ่ง ๆ ต้องเข้าไปดูเดือนละ 2 ครั้ง ผมจึงต้องปรับตัวเองให้อยู่ตรงกลางเพื่อการเดินทางที่สะดวก มีทางด่วนหรือขนส่งสาธารณะที่ไปถึงได้อย่างรวดเร็ว ถ้าเผื่อช่วงเวลารถติด เราก็สามารถเลือกเดินทางเพื่อไปถึงที่หมายที่ต้องการได้เลย นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องของความปลอดภัยและ Facility ที่มอบความสะดวกสบายให้” นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ : ชีวิตต้องดี ที่อยู่อาศัยเติมเต็มชีวิตจึงสำคัญ

The Residences at Dusit Central Park คอนโดฯ มิกซ์ยูสที่ตัดสินใจซื้อในวันแรกที่ไปชม

“นี่คือมิกซ์ยูสที่แมตช์กับชีวิตเราทุกอย่างเลย” เขาบอกแบบนั้นเมื่อถามถึงเหตุผลที่เลือก Dusit Parkside เป็นบ้าน

Dusit Central Park โครงการมิกซ์ยูสที่ตอบไลฟ์สไตล์คนเมือง ประกอบด้วย โรงแรมห้าดาว แฟลกชิพเรสซิเดนซ์ อย่าง Dusit Residences และ Dusit Parkside อาคารสำนักงานระดับพรีเมียม ศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์มอลล์ และรูฟพาร์ค สวนสาธารณะสีเขียวขนาด 7 ไร่ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบริเวณหัวมุมถนนสีลม - พระราม 4 ที่เรียกว่าเป็น Super-cored CBD และกำลังจะกลายเป็นไอคอนิกแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ เดินทางสะดวกด้วยการเชื่อมต่อทั้ง MRT, BTS และใกล้ทางด่วนพระราม 4 นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ : ชีวิตต้องดี ที่อยู่อาศัยเติมเต็มชีวิตจึงสำคัญ นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ : ชีวิตต้องดี ที่อยู่อาศัยเติมเต็มชีวิตจึงสำคัญ

ห้องพักใกล้สวนรูฟพาร์คและสวนลุมพินี จึงได้วิวสวนสีเขียวแบบ infinity เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเขา(คุณหมอหนุ่ม)ที่กำลังหลงใหลการไปวิ่งที่สวนลุมพินีอย่างยิ่ง หรือเดินสูดอากาศ ชมวิวได้บริเวณรูฟพาร์คที่อยู่ใกล้ห้องพัก นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ : ชีวิตต้องดี ที่อยู่อาศัยเติมเต็มชีวิตจึงสำคัญ

นอกจากนิยามของการเป็นมิกซ์ยูสที่สมบูรณ์แบบและครบครัน ยังมี Premium Facilities ที่ช่วยเติมเต็มความสุข พร้อมบริการระดับเวิลด์คลาสจาก Dusit Thani อาทิ บริการทำความสะอาดห้องพัก บริการซักผ้าปูที่นอน ซึ่งล้วนทำให้ผู้อยู่อาศัยได้พักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อพร้อมก้าวไปสู่เป้าหมายชีวิต นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ : ชีวิตต้องดี ที่อยู่อาศัยเติมเต็มชีวิตจึงสำคัญ

“ผมรู้จักที่นี่จากเพื่อนครับ เพื่อนชวนไปดู แต่เพื่อนไม่ได้ซื้อ คนนี้ซื้อ (หัวเราะ) พอมาดูแล้วเราชอบเลย ด้วยทำเลใจกลางเมือง ติด MRT และ BTS แถมยังเป็นมิกซ์ยูสที่ติดกับโรงแรมระดับท็อปของโลกอย่างดุสิตธานีด้วย มีส่วนของออฟฟิศ รีเทล นี่คิดเลยว่าถ้าเราย้ายออฟฟิศมาอยู่ที่นี่ บ้านอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องออกไปไหนเลย มีบริการทำความสะอาด มีแม่บ้านซักรีดให้ด้วย เหมือนอยู่โรงแรม ถ้าเพื่อนมาหา ก็นัดที่บาร์โรงแรมได้เลย ไม่ต้องออกไปไหนไกล มันเพอร์เฟกต์กับชีวิตมากเลย วันนั้นมาดูแล้วซื้อเลย”

ในวันที่โครงการ Dusit Parkside พร้อมเข้าอยู่ เขาเตรียมภาพศิลปะ ‘Tania Marmolejo’ ภาพผู้หญิงขี่ม้าที่เขาซื้อมาจากสเปนมาติดที่คอนโดฯ พร้อมคิดจุดติดตั้งไว้เสร็จสรรพ “ถ้าเอามาติดตรงดูเพล็กซ์ คงจะเท่มากเลย รูปสูงเกือบ 2 เมตร เป็นรูปที่โดดเด่นเหมาะกับบ้านหลังนี้ของผมมาก”

สำหรับคุณหมอหนุ่มแล้ว เขามองว่าทุกอย่างที่เลือกต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ทั้งการเลือกใช้เครื่องมือในคลินิกที่ดีที่สุด การเลือกที่อยู่อาศัยก็ต้องดีที่สุด ตอบโจทย์ที่สุด เพราะเขาเชื่อว่าการมีบ้านที่ดีจะสะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัย มีส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันไปสู่เป้าหมายและความสำเร็จในชีวิตได้ เมื่อได้พักผ่อนเต็มที่ทั้งทางกายและทางใจในบ้านที่โอบรับวิถีชีวิตและความสุขของเขาจริงๆ นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ : ชีวิตต้องดี ที่อยู่อาศัยเติมเต็มชีวิตจึงสำคัญ

ก้าวต่อไปของคุณหมอหนุ่ม

“จริง ๆ แล้ว ผมไม่ได้เป็นคนที่มีหัวทางการบริหารเลย” เขาถ่อมตัวและเสริมว่า “ในการทำงานเราเป็นคนลุย ๆ แล้วก็ทำจริง อีกส่วนหนึ่งก็เรียนรู้จากคนรอบข้างแบบครูพักลักจำ แล้วมาปรับในรูปแบบของเรา”

ประสบการณ์การทำงาน ประสบการณ์ชีวิตจากการเดินทางท่องเที่ยว หล่อหลอมให้เขาเลือกใช้ชีวิตอย่างมีสมดุล ยิ่งเคยเห็นคุณพ่อทำงานหนักมาตลอด ทำให้เขาวางโครงสร้างธุรกิจ Dr.TATTOF ที่ไม่ใช่เพราะต้องการมาหาคุณหมอหนุ่มเท่านั้น แต่เพราะการรักษาและคุณภาพการบริการที่เป็นมาตรฐานยอดเยี่ยม

วันนี้ Dr.TATTOF มีสาขามากมายในกรุงเทพฯ ก้าวต่อไปจึงเป็นการเปิดสาขาตามต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ ก่อนจะขยายไปในประเทศกลุ่ม CLMV รวมไปถึงการเปิดโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ที่เป็น Laser Surgery  โดยเฉพาะ ซึ่งเชื่อว่าธุรกิจนี้ยังมีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก

“สิ่งสำคัญของการทำธุรกิจคือเราต้องมีตัวตนอยู่ในโลกที่คนมองเห็น อย่างถ้าคนคิดถึงเรื่องการลบรอยสักก็ต้องคิดถึง Dr.TATTOF เราจะเน้นบริการที่ทำให้เราเป็นที่รู้จัก เอาแค่นี้ก็พอ ผมอยากให้คนพูดกันว่าถ้าฉันอยากลบรอยสัก เฮ้ย ไปหา Dr.TATTOF สิ ถ้าเมื่อไหร่ที่คนทักแบบนี้ทั่วประเทศ ผมอยู่ได้ตลอด”
นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ : ชีวิตต้องดี ที่อยู่อาศัยเติมเต็มชีวิตจึงสำคัญ

อีกหนึ่งความฝันที่ใกล้เป็นจริงคือการเปิด Private Museum ที่ชลบุรีในอีก 1 - 2 เดือนข้างหน้า เพื่อเป็นพื้นที่แสดงงานศิลปะให้เพื่อน ๆ และคนรู้จักเข้าชม คุณหมอหนุ่มบอกว่าทุกภาพที่เขาเก็บไว้ ล้วนแฝงไปด้วยแรงบันดาลใจของศิลปินที่สร้างสรรค์งานชิ้นนั้นขึ้นมา เขาจึงอยากแชร์แรงบันดาลใจนี้ให้กับผู้อื่นด้วย

แม้มีอีกหลายเป้าหมายที่อยากพิชิต แต่คุณหมอหนุ่มยืนยันว่า เขาจะดูแลและให้ความสำคัญกับตัวเองด้วยเช่นกัน ไม่ลืมที่จะหาสิ่งดี ๆ ให้ตัวเอง เหมือนที่เลือก The Residences at Dusit Central Park ที่เป็นอีกหนึ่งวิธีการเฟ้นหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง 

เพราะเมื่อมีบ้านที่ดี บ้านที่พักผ่อนและรีชาร์จพลังได้ทั้งกายและใจ ก็พร้อมสนับสนุนให้ทุกบทบาทที่เขาเป็น ไปถึงเป้าหมายได้อย่างที่ตั้งใจไว้
นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ : ชีวิตต้องดี ที่อยู่อาศัยเติมเต็มชีวิตจึงสำคัญ