02 ส.ค. 2568 | 13:00 น.
KEY
POINTS
หลังสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนเริ่มคลี่คลาย ประชาชนที่เคยอพยพจากพื้นที่เริ่มทยอยเดินทางกลับบ้าน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายปกครองคอยอำนวยความสะดวกและตรวจสอบสภาพความเสียหายร่วมกับชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง
คุณลุงรายหนึ่งซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เล่าว่า ในวันที่เกิดเหตุ ตนกำลังออกไปทำงานนอกบ้าน เมื่อทราบข่าวก็รีบติดต่อครอบครัวและพากันเข้าสู่ศูนย์อพยพทันที
“พอรู้ข่าวก็รีบกลับมาบ้าน โทรหาครอบครัว แล้วพากันไปที่ศูนย์อพยพเลย” คุณลุงเล่า
หลังสถานการณ์เริ่มสงบลงบางส่วน คุณลุงได้กลับเข้ามาตรวจสอบบ้านเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมาหลังประกาศหยุดยิง โดยพบความเสียหายบางจุด แต่ยังสามารถเคลื่อนย้ายของจำเป็นและทำความสะอาดพื้นที่ได้ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้การช่วยเหลืออยู่ตลอด
“กลางวันเราเริ่มเข้าออกได้บ้างแล้ว ก็ทยอยกลับมาดู มาเก็บของกัน เจ้าหน้าที่ก็มาช่วยดูแลความเรียบร้อย แต่พอตกกลางคืนก็จะย้ายกลับเข้าศูนย์อพยพ”
นอกจากการฟื้นฟูบ้านเรือน ประชาชนในพื้นที่ยังให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการเก็บข้อมูลความเสียหาย และร่วมกันเตรียมแผนฟื้นฟูในระยะต่อไป ทั้งในส่วนของสาธารณูปโภคและพื้นที่การเกษตร
แม้จะสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้บ้างแล้ว แต่คุณลุงยังสะท้อนถึงความเจ็บปวดส่วนตัวที่ตนยังลืมไม่ได้
“เมื่อปีที่แล้ว ลูกชายผมซึ่งเป็นทหารยิงปืนใหญ่ เคยประจำการอยู่เขาพระวิหาร เสียชีวิตจากอุบัติเหตุตอนที่ไปส่งลูกชายเขาเข้ามอบตัวเรียนนายสิบที่ประจวบฯ ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ก็คงได้ไปรบครั้งนี้ด้วย” คุณลุงเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้า
ปัจจุบัน หลานชายของเขากำลังเดินตามรอยพ่อ โดยเข้าเรียนเป็นนายสิบแล้ว และยังอยู่ระหว่างการฝึกฝนในสายงานทหาร ในขณะที่ความเสียหายทางกายภาพเริ่มได้รับการเยียวยา ความทรงจำและบทเรียนจากเหตุการณ์ก็ยังคงอยู่กับผู้คนในพื้นที่ พร้อมผลักดันให้พวกเขาเดินหน้าด้วยความเข้มแข็งและความหวัง
เรื่องและภาพ : อานันท์ ชนมหาตระกูล / Thai News Pix