CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

กาแฟดีๆ มักว่ากันด้วยเรื่องของ ‘เมล็ด’ คุณภาพที่มาจากแหล่งปลูกที่ดี การเบลนด์ การคั่วที่ดึงเอารสชาติที่ดีที่สุดออกมา กาแฟนัว ๆ ก็ต้องว่ากันด้วยเรื่องของ ‘นม’ ที่ทำให้กาแฟนัวขึ้น และรังสรรค์เป็นกาแฟนมได้หลากหลาย แล้วแต่ชนิด สัดส่วนของนม และไอเดียสร้างสรรค์ของคนชง

เมื่อ ‘นม’ เป็นส่วนประกอบของเมนูกาแฟ ซีพี-เมจิ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมพาสเจอร์ไรส์เมจิ จึงเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจกาแฟด้วยเช่นกัน ทั้งยังเป็นคู่ค้าที่มีความสำคัญกับการเติบโตของกันและกันมากเสียด้วย 

ซีพี-เมจิ จึงต่อยอดจากการขายนม ขยับมาดูแลกลุ่มบาริสต้าอย่างจริงจัง พัฒนาฝีมือ เสริมความแข็งแกร่งผ่านโครงการ CP-Meiji for Barista ทั้งการฝึกอบรมใน CP- Meiji Barista Camp ค่ายที่คัดเลือกบาริสต้ามาเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญระดับกูรูและแชมป์โลก จัดเวทีการแข่งขันลาเต้อาร์ตและบาริสต้าระดับนานาชาติ CP-Meiji Speed Coffee Art Championship และล่าสุดก็ได้พัฒนาตัวตนของบาริสต้าชั้นนำให้ก้าวขึ้นมาเป็น CP-Meiji Brand Ambassador หรือ กลุ่มบาริสต้าต้นแบบ 5 คน ครบทุกด้านความชำนาญของแวดวงธุรกิจกาแฟ มาเป็นทัพหลักสำคัญในการต่อยอดผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์เพื่อการชงกาแฟสเปเชียลตี้ รวมทั้งฝึกปรือทักษะและเป็นแรงบันดาลใจให้เหล่าบาริสต้าน้องใหม่ เพื่อการเติบโตในสายอาชีพที่พวกเขารัก

 

สร้างชุมชนคนบาริสต้าให้แข็งแรง

วัตถุประสงค์หลักของการยกระดับ coffee community ไม่ใช่เพื่อยอดขาย แต่เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจกาแฟ ผ่านการพัฒนาบาริสต้าอันเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจกาแฟให้เข้มแข็งและเติบโตไปอย่างยั่งยืน

ในฐานะหัวเรือหลักผู้ดูแลโครงการ คุณชาลินี พูนลาภมงคล รองผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์และความยั่งยืน เล่าว่าโครงการ CP-Meiji for Barista ตั้งต้นมาจากเจตนารมณ์องค์กรและการสร้างความยั่งยืน ภายใต้แนวคิด ‘เพิ่มคุณค่าชีวิต’

 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย
 

เป้าหมายในเรื่องของการสร้างความยั่งยืนของ ซีพี-เมจิ เริ่มต้นตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ คือตั้งแต่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคที่ส่งน้ำนมดิบ คู่ค้า ไปถึงผู้บริโภคและชุมชน เช่น การดูแล ส่งเสริม พัฒนาเกษตรกร การคิดค้นนวัตกรรมสินค้าใหม่ ๆ ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนภาพของการ ‘เพิ่มคุณค่าชีวิต’ ให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในแต่ละกลุ่มในแง่มุมที่ต่างกันไป

“ถ้ากลับมาดูในห่วงโซ่ธุรกิจนมพาสเจอร์ไรส์ ‘ธุรกิจกาแฟ’ คือปลายน้ำที่เป็น B2B ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่สำคัญของ ซีพี-เมจิ เราขายนมไปยังร้านกาแฟทั่วประเทศ และทั่วภูมิภาค เราจึงมองว่า

“เราจะส่งเสริม และพัฒนาคู่ค้าของเราได้อย่างไร เพื่อที่เราจะโตไปด้วยกัน จะเห็นว่า ธุรกิจกาแฟในเมืองไทยเติบโตขึ้นตลอดเวลา กาแฟคุณภาพดีขึ้น ด้านผู้บริโภค คนดื่มกาแฟมีความละเอียดในเรื่องของการกินดื่มมากขึ้น ดังนั้น บาริสต้าก็ต้องเก่งขึ้นด้วย เราจึงเห็นโอกาสที่จะเข้าไปช่วยพัฒนาคนในวงการนี้”

 

บาริสต้าต้องเก่งขึ้น

เมื่อโจทย์ชัดว่าต้องการส่งเสริมพัฒนาบาริสต้าให้เก่ง ก็เกิดเป็นกิจกรรมแรกในปี 2558 คือ CP-Meiji Barista Camp แคมป์อบรมระยะสั้น ที่นำกูรูและแชมป์ด้านกาแฟจากเวทีระดับโลกมาแบ่งปันประสบการณ์และสอนทักษะแบบใกล้ชิดถึง 2 วันเต็มโดย ซีพี-เมจิ เป็นผู้สนับสนุนหลักในทุกกิจกรรมการเรียนรู้ของเหล่าบาริสต้า

“คอนเซ็ปต์ คือเราอยากลงไปพัฒนาทักษะของคนเหล่านี้ เพราะเมื่อก่อนบาริสต้าไม่ได้มีคอร์ส หรือหลักสูตรที่ไปเรียนแล้ววัดระดับวิชาชีพได้ บาริสต้าต้องเรียนรู้กันเองและฝึกซ้อมระหว่างทำงาน เราก็เลยเริ่มจากการทำแคมป์”

ซึ่งพอทำได้ 2 ปี มีบาริสต้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก แต่ว่าแคมป์รับคนได้ในจำนวนจำกัด แล้วจะคัดเลือกคนเข้าร่วมอย่างไร กลายเป็นโจทย์ใหม่ที่นำไปสู่การต่อยอดโครงการใหม่อย่าง CP-Meiji Speed Latte Art Championship ซึ่งหากผู้แข่งขันสามารถผ่านเข้ารอบที่ 2 ได้ก็จะได้รับโอกาสเข้าร่วมแคมป์โดยอัตโนมัติ ถือเป็นเวทีการแข่งขันเทลาเต้อาร์ตที่ได้รับความสนใจจากบาริสต้าทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก 

“เมื่อก่อนนอกจากเวที National Championship แล้ว การแข่งขันลาเต้อาร์ต มักจะจัดกันเองในร้านกาแฟ รูปแบบ smack down เราก็ไปได้แรงบันดาลใจจากต่างประเทศที่ธุรกิจกาแฟเขาไปไกลกว่าเรา จัดแบทเทิลในสเกลที่ใหญ่ แล้วเราเห็นว่าการแข่งขันเป็นตัวกระตุ้น ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทักษะฝีมือได้เหมือนกัน เราเลยจัดเวทีแข่งเทลาเต้อาร์ตที่เป็นมาตรฐานสากล เชิญกรรมการระดับโลกและแชมป์โลกมาเป็นผู้ตัดสิน เพราะอยากเปิดโอกาสให้คนในวงการได้มีเวทีพิสูจน์ฝีมือ

“ปีแรก ๆ ผู้เข้าแข่งขันหลายคนมือสั่น เทกันแทบไม่ได้ เพราะเขาทำงานกันอยู่หลังบาร์ชงกาแฟทุกวันแต่ไม่มีใครมาเห็น แต่การขึ้นเวทีแข่ง แล้วเป็นการจับเวลาที่ต้องทำให้สวย และเร็วด้วย ก็ทำให้พวกเขารู้ว่าต้องกลับไปซ้อม ปีต่อมาก็เก่งกันขึ้นมามาก เป็นอย่างนี้ทุกปี เราเห็นพัฒนาการของคนจากเวทีการแข่ง เพราะว่าหลายคนกลับมาแข่งซ้ำ แข่งต่อเนื่อง และมีคนหน้าใหม่เข้ามา เราเห็นความเก่งเขาเพิ่มขึ้น เวทีของเราเลยต้องพัฒนาไปด้วย ต้องปรับเกณฑ์ ปรับลาย เพราะว่าลายที่เคยยาก มันไม่ยากแล้ว ก็ต้องทำให้ท้าทายขึ้น แล้วเราก็ผูกกับสิทธิ์การเข้าร่วมแคมป์ก็เป็นแรงจูงใจด้วย”
 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

(จากซ้ายไปขวา) แซนด์ - พชร ทับทิมชัย, แบงค์ - ศราวุธ หมั่นงาน, ฟิวเจอร์ - กิตติภพ เอ่งฉ้วน, ตี๋ - สิทธิพงษ์ ยงศิริ และ เทมส์ - พลาทูน เสียงเจริญ

 

CP-Meiji Brand Ambassador หมากตัวสำคัญ บนกระดานธุรกิจกาแฟ

งานแข่งขันที่จัดขึ้นปีละครั้ง และการเข้าแคมป์อย่างเข้มข้น 2 วันในแต่ละปีทำให้ ซีพี-เมจิมองเห็นบาริสต้าที่มีศักยภาพหลาย ๆ คน จึงเริ่มคัดเลือกบาริสต้าที่คว้าชัยชนะจากหลากหลายเวที และประสบความสำเร็จในธุรกิจกาแฟ ขึ้นมาเป็นกลุ่มแถวหน้า โดยวางตำแหน่งผู้แทนแบรนด์ด้านธุรกิจ หรือ CP-Meiji Brand Ambassador ที่จะช่วยทั้งการพัฒนาทักษะให้กับบาริสต้าอาชีพ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กรุ่นใหม่ที่มีใจรักและอยากก้าวเข้ามาสู่แวดวงกาแฟ

แบรนด์แอมบาสเดอร์ของสินค้าทั่วไปต้องมีบุคลิก ทัศนคติที่เหมาะสมกับแบรนด์แต่สำหรับ CP-Meiji Brand Ambassador คุณชาลินีเล่าว่า จะมีความพิเศษเพิ่มเติม โดยบาริสต้าเหล่านี้ นอกจากจะเป็นเจ้าของร้านที่ใช้ผลิตภัณฑ์เมจิในเมนูของร้านแล้ว ยังต้องมีดีกรีแชมป์จากการแข่งขันระดับสากลด้วย เพราะการได้แชมป์ถือเป็นหนึ่งในเครื่องพิสูจน์ความสามารถของพวกเขา

ปัจจุบัน CP-Meiji Brand Ambassador มีอยู่ 5 คน ครบทุกด้านความชำนาญของวงการบาริสต้า ได้แก่ ตี๋ - สิทธิพงษ์ ยงศิริ ผู้เชี่ยวชาญการทำธุรกิจร้านกาแฟ เจ้าของร้าน Rosetta Roastery ที่มีถึง 7 สาขาทั่วประเทศไทย, แซน - พชร ทับทิมชัย แชมป์อันดับที่ 5 World Latte Art Championship 2023, แบงค์ - ศราวุธ หมั่นงาน แชมป์อันดับที่ 5 World Latte Art Championship 2024, เทมส์ - พลาทูน เสียงเจริญ แชมป์อันดับที่ 2  Thailand National Latte Art Championship 2024 และ 2025 และ ฟิวเจอร์ - กิตติภพ เอ่งฉ้วน แบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุด ที่มีดีกรีแชมป์ประเทศไทย Thailand National Barista Championship 2025 ในการเป็นบาริสต้าด้านการทำเครื่องดื่มกาแฟ 

 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

(จากซ้ายไปขวา) แซนด์ - พชร ทับทิมชัย, แบงค์ - ศราวุธ หมั่นงาน, ตี๋ - สิทธิพงษ์ ยงศิริ, ฟิวเจอร์ - กิตติภพ เอ่งฉ้วน, และ เทมส์ - พลาทูน เสียงเจริญ

 

งานหลักในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ คือ ‘แข่งขัน’ ในเวทีต่าง ๆ ทั่วโลก โดยที่มี ซีพี-เมจิ เป็นผู้สนับสนุนหลัก  ดูแลอย่างครบวงจร ตั้งแต่การจัดหาโค้ชที่เป็นแชมป์โลก วางกลยุทธ์การแข่งขัน การจัดตารางซ้อม จนถึงการส่งแข่งขันถึงขอบเวที

 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย
 

“เราทำงานกันเป็นทีม เราเก่งคนเดียวไม่ได้ เพราะการเตรียมความพร้อมทุกครั้งก่อนที่จะไปแข่งนั้นไม่ง่าย มีเรื่องที่ต้องทำเยอะมาก เขาต้องซ้อมทุกวันหลายเดือน ซ้อมกันเป็นพัน ๆ แก้ว ซ้อมด้วยกัน ช่วยกันดู วิเคราะห์และวางกลยุทธ์ นอกจากแข่งขันก็ต้องเป็นตัวแทน ซีพี-เมจิไปเวิร์คช้อปให้กับบาริสต้ามือใหม่ ลงไปช่วยพัฒนาชุมชน บางทีมีงานแข่งในต่างจังหวัดก็จะลงไปเป็นกรรมการตัดสิน เพราะว่าพวกเขาประสบความสำเร็จในเวทีต่าง ๆ แล้วก็ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจต่อให้กับรุ่นน้องอีกหลายคน และถ่ายทอดทักษะต่อเป็นการสร้างคนเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ”

“ในฐานะแบรนด์ เราก็มองว่า ซีพี-เมจิ ทำได้ดีในการขับเคลื่อนแวดวงธุรกิจกาแฟ จากบริษัทที่ขายนม วันนี้เราได้ร่วมเดินทางไปกับบาริสต้า เรียนรู้ สร้างทักษะ ฝึกปรือฝีมือ และพัฒนาไปทั้งตัวเรา ธุรกิจกาแฟ และคนในวงการ ทั้งหมดนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่า ซีพี-เมจิเดินมาถูกทางแล้วจริงๆ”

 

‘แซนด์ - พชร ทับทิมชัย’ เป็นบาริสต้า ก็เหมือนนักกีฬาของ ซีพี-เมจิ

 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

 

“การเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ไม่ใช่แค่สร้างความมั่นใจให้กับตัวเราในฐานะบาริสต้า แต่สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า นักเรียนที่เราไปสอน และร้านของเราด้วย” แซนด์ - พชร ทับทิมชัย บาริสต้าที่จับมือกับแบรนด์มากว่า 3 ปี ลุยแข่งขันสร้างชื่อให้กับวงการบาริสต้าไทยในหลายเวทีระดับโลก และที่สุดแซนด์สามารถคว้าแชมป์อันดับที่ 5 World Latte Art Championship 2023 มาครอง

 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

 

เสน่ห์ของการเป็นบาริสต้าสายลาเต้อาร์ต ในมุมมองของแซนด์ ไม่ใช่เพียงแค่การบรรจงสร้างงานศิลปะบนถ้วยกาแฟ แต่ทุกสนามประลองฝีมือ ที่แซนด์ และ ซีพี-เมจิ ในฐานะเจ้าของโครงการพัฒนาศักยภาพของบาริสต้าเมืองไทย เต็มไปด้วยเรื่องราวของการแบ่งปัน ความอดทน และการทำงานร่วมกันเป็นทีม

“ผมว่าเราได้พัฒนาทักษะการทำงานจากการที่ได้มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ได้มาอยู่กับทีมงานของ ซีพี-เมจิ ที่ทุ่มเทไปกับเราในการเตรียม การซ้อม เพื่อไปแข่งขัน และเพื่อน ๆ บาริสต้าที่อยู่ในโครงการกับเรา ทุกคนช่วยดู ช่วยซ้อม” 

 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

 

“บางทีเราคิดว่า เราเทลายออกมาได้ดีแล้ว แต่เพื่อน ๆ จะช่วยกันเติมเทคนิค และมองเห็นในจุดที่เราอาจจะทำได้ดีขึ้น

“การฝึกคนเดียวเราก็เข้าข้างตัวเอง แต่พออยู่กับเพื่อนจะมีคนมาดูให้ว่าเราต้องแก้อะไรบ้าง” แซนด์ บอกว่าเส้นทางการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ของแบรนด์ ซีพี-เมจิ สำหรับเขาคือบทพิสูจน์ที่ทำให้เจ้าตัวเติบโตขึ้น เรียนรู้ว่า การได้มาด้วยตำแหน่ง และรางวัล มาจากความอดทน และความพยายาม 

มันเหมือนเราเล่นกีฬา คือฝึกเรื่องของการช่วยเหลือกัน ไปข้างหน้าด้วยกัน ทำงานเป็นทีม เวลาเราเตรียมตัวที่จะออกไปแข่ง ในขณะที่เวลาเราซ้อมเทกาแฟ ให้ลายออกมาสวย ตรงใจกรรมการ และถูกต้องตามหลัก ก็คล้าย ๆ กับเราซ้อมกีฬาครับ ไม่ได้นับว่า เราเทกี่แก้ว เราเทกันเป็นแกลลอน กว่าจะได้ลายที่ถูกต้อง และถูกใจ”

แซนด์ยังทิ้งท้ายไว้ว่า ข้อดีของการที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ไม่เพียงแต่ดีต่อตัวเองในแง่การฝึกทักษะอย่างมืออาชีพเท่านั้น แต่ยังดีต่อธุรกิจร้านกาแฟของเขา เพราะมีคอกาแฟมากมาย ที่แวะเวียนมาที่ร้าน เพราะอยากมาชื่นชมฝีมือการเทลาย และฝีมือการชงกาแฟของเขา ในฐานะตัวแทนแบรนด์ ซีพี-เมจิ

 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

 

“ผมมีลายที่เป็นซิกเนเจอร์ของตัวเอง ที่นำไปใช้แข่งขัน ก็เอามาเทขายในร้านด้วยเลย และค่อยๆ แนะนำลูกค้า ว่าเป็นลายที่เราได้รางวัลจากการประกวดมานะ 80 - 90% ลูกค้าของเราก็เปลี่ยนจากกาแฟร้อนธรรมดา มาเป็นลาเต้อาร์ตครับ”

 

แรงบันดาลใจของ ‘เทมส์ - พลาทูน เสียงเจริญ’
 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

 

“ตอนแรกก็ลังเลนะว่า จะเซ็นสัญญาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ดีไหม” เทมส์ - พลาทูน เสียงเจริญ แบรนด์แอมบาสเดอร์ ของ ซีพี-เมจิ อีกหนึ่งบาริสต้าแถวหน้าของประเทศ ดีกรีรองชนะเลิศอันดับ 1 Thailand National Latte Art Championship 2024 และ 2025 ผู้เข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขัน รวมถึงบาริสต้าแคมป์กับ ซีพี-เมจิ มาอย่างต่อเนื่องหลายปี

 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

 

เทมส์ บอกว่า สุดท้ายแล้ว การได้ร่วมงานกับแบรนด์ที่มีสินค้าที่ดี มีคุณภาพเยี่ยม แบรนด์ที่ทุ่มเทอย่างจริงใจในการสร้างทักษะ ติดอาวุธให้กับกลุ่มอาชีพบาริสต้า น่าจะเป็นงานที่สนุก “ผมเชื่อว่ามีเส้นทางให้เราไปต่อได้อีกเยอะแยะเลยครับในอนาคต”

พลาทูน เสียงเจริญ ร่วมงานกับแบรนด์ ซีพี-เมจิ มากว่า 4 ปี จากที่เขาเคยคิดว่า จะได้มีโอกาสพัฒนาทักษะในการเทกาแฟลาเต้อาร์ต กลายเป็นว่าเขาได้พัฒนาตัวเองไปในทุก ๆ ด้าน “ทั้งความรู้เรื่องของกาแฟ ความรู้เรื่องของนม ที่สำคัญ ผมคิดว่าแบรนด์ให้เกียรติเรามาก ที่ได้ร่วมงานกัน เพราะ ซีพี-เมจิ เป็นแบรนด์ใหญ่ คอนเนคชั่นที่เข้ามาจากการทำงานกับ ซีพี-เมจิ ทำให้ผมทำงานต่อเนื่องได้เยอะมาก ๆ”

เทมส์บอกว่า การได้พัฒนาลายลาเต้อาร์ตเป็นของตัวเอง ผ่านการฝึกซ้อม และการทำงานร่วมกับทีมของ ซีพี-เมจิ ทำให้เขาพัฒนาความเป็นตัวตน ผ่านลายที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นลายเซ็นของเขา ซึ่งเทมส์ให้เครดิตทีมงาน และเพื่อน ๆ แบรนด์แอมบาสเดอร์ที่ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ ฝึกซ้อมมาด้วยกันหลายปี

“ผมดีใจที่วันนี้ อาชีพบาริสต้า ที่พวกเราเป็น มันพิสูจน์ว่า เราเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เลี้ยงครอบครัวได้ และมันก็เป็นบทพิสูจน์อย่างหนึ่ง ที่ทำให้รุ่นน้อง ๆ ที่อยากจะก้าวเข้าสู่อาชีพนี้ได้เห็นว่า ความพยายาม ความสม่ำเสมอ และไม่ยอมแพ้ ก็ยกระดับความสามารถของพวกเราให้ยืนอยูในอาชีพนี้ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ”

 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

 

กุญแจสำคัญของการเป็นบาริสต้ามืออาชีพ และการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ของ ซีพี-เมจิ คือการขยันซ้อม การทำงานร่วมกับเพื่อน ๆ และทีมงาน เทมส์ย้ำ และยังคงขอบคุณ บาริสต้ารุ่นพี่ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาก้าวเข้ามาสู่การแข่งขันของ ซีพี-เมจิ ตั้งแต่ปีแรก ๆ จนกระทั่งได้เป็นแชมป์ในระดับประเทศ

“พี่ตี๋ พี่แบงค์ ก็เป็นต้นแบบที่ครั้งหนึ่งพวกผมก็เคยมองว่า เขาเก่งมาก ๆ นะ เขาประสบความสำเร็จมาก่อนเรา เรายิ่งต้องพยายาม ต้องยิ่งซ้อมหนัก ทุกคนก็เป็นไอดอลของเรามาก่อน วันนี้เรามาเป็นเพื่อนกัน มาอยู่ทีมเดียวกันได้” เขากล่าวทิ้งท้าย

 

‘ตี๋ - สิทธิพงษ์ ยงศิริ’ เก่งขึ้นทุกปี เพราะทีม และ ซีพี-เมจิ 
 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

 

“เราเก่งขึ้นกว่าปีที่แล้ว พัฒนาตัวเองขึ้นมาก็เพราะ ซีพี-เมจิ” ประโยคน่าประทับใจ ที่บอกเล่าเส้นทางของบาริสต้ามืออาชีพ เจ้าของรางวัลทั้งระดับประเทศ และระดับโลกหลายรายการอย่าง สิทธิพงษ์ ยงศิริ หรือ ตี๋ เจ้าของร้าน Rosetta ร้านกาแฟในดวงใจของใครหลาย ๆ คน ที่วันนี้มีถึง 7 สาขาทั่วประเทศไทย

สิทธิพงษ์ เริ่มต้นเส้นทางของบาริสต้าจากต่างประเทศ ก่อนจะกลับมาเป็นผู้คร่ำหวอดในแวดวงลาเต้อาร์ต กวาดรางวัลจากเวที CP-Meiji Speed Latte Art Championship มากมาย และก้าวเข้าสู่ Workshop การฝึกอบรมบาริสต้าสายเท พร้อม ๆ กับพาตัวเองไปแข่งขันในอีกหลากหลายเวที จนสามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 4 Thailand National Latte Art Championship 2024 และ 2025 มาได้สำเร็จ “ถ้ามาถึงวันนี้น่าจะแข่งมาแล้ว 40 - 50 รายการเฉลี่ย ปีละ 4 - 5 รายการ” 

 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

 

บนเส้นทางนักแข่งของเขา มีเพื่อน ๆ บาริสต้าชาวไทยที่จับมือไปด้วยกันในหลาย ๆ เวที และยังมีทีมงานของ ซีพี-เมจิ ให้การสนับสนุนในฐานะเจ้าของโครงการแบรนด์แอมบาสเดอร์ ที่มีสิทธิพงษ์ เป็นหนึ่งในสมาชิกของโครงการนี้มากว่า 4 ปีแล้ว

การันตีความสำเร็จในชีวิตของบาริสต้าด้วยการเป็นเจ้าของธุรกิจร้านกาแฟที่ยังเป็นพื้นที่ให้เขาได้สร้างสรรค์กาแฟลาเต้อาร์ตสวย ๆ ให้กับลูกค้า “จริง ๆ ถ้าเป็นยุคแรก ๆ การเป็นบาริสต้าสายลาเต้อาร์ต เราเน้นที่การเทออกมาให้สวย แต่ว่ามาวันนี้รสชาติกาแฟก็ต้องดีเยี่ยมด้วย เป็นสิ่งที่ต้องไปควบคู่กัน” สิทธิพงษ์กล่าว

“ตอนที่รับเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ผมรู้สึกว่ามันจะเป็นอีกขั้นหนึ่งที่เราได้เติมเต็ม passion ของตัวเองนะ มันเป็นการทำงานเป็นทีม ที่ได้เรียนรู้และได้เจอเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ แล้วเราสนุกที่ได้ทำงานด้วยกัน"

 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

 

“ทั้งการไปดูงาน การไปแข่งที่ต้องซ้อม เตรียมตัวกันหนักมาก และทางทีม ซีพี-เมจิ ก็สนับสนุนในเรื่องของการเดินทางการหาสถานที่ หาครูมาช่วยซ้อม

“บางงานเรากับเพื่อนก็เป็นคู่แข่งกัน แต่ว่าเราก็มาซ้อมด้วยกัน เราแชร์กันทุกเทคนิค ทุกวิธีแบบ 100% เลยครับ ผมคิดว่ามันเป็นความสนุกในการทำงาน และมีโอกาสได้ไปเวิร์คชอป คือไปสอนบาริสต้าคนอื่น ๆ ที่อยากจะเข้ามาเรียนรู้ทักษะในการทำกาแฟต่าง ๆ ซึ่งตรงนี้มันสร้างทั้งสังคม สร้างเพื่อน แล้วก็สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับตัวเองด้วย

“ก็ต้องขอบคุณ ซีพี-เมจิ ที่ทำให้เราได้มาเจอรูปแบบการทำงานที่เราเองก็ชอบมาก ๆ” เขากล่าว

 

‘แบงค์ - ศราวุธ หมั่นงาน’ ส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่

 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย
 

“เราพัฒนาขึ้นทุก ๆ ปี” แบงค์ - ศราวุธ หมั่นงาน จากร้าน Sukhumvit Coffee บอกกับเราในฐานะลูกหม้ออีกคนหนึ่งของโครงการ CP-Meiji for Barista ที่เข้าแคมป์มาตั้งแต่ปีแรก และพัฒนาฝีมือขึ้นทุกปี จนสามารถคว้าแชมป์อันดับที่ 5 World Latte Art Championship 2024 มาครอบครอง และล่าสุดกับการเป็นแชมป์ 2 สมัย ของการแข่งขัน Thailand National Latte Art Championship ทั้งในปี 2024 และ 2025 เตรียมตัวเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขัน World Latte Art Championship 2025 ในวันที่ 26 - 28 มิถุนายนนี้ ที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์

 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

 

โดยเฉพาะเมื่อได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ซีพี-เมจิ นั่นเป็นโอกาสที่เขาได้พัฒนาตัวเองอย่างเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม 

“พอได้รับข้อเสนอ ผมก็ตอบตกลงเลย เพราะว่าอย่างแรก คือไม่ใช่ทุกคนจะได้รับโอกาสนี้ ผมเป็นคนคว้าโอกาสก่อนอยู่แล้ว โดยที่ไม่ต้องสงสัยว่าสิ่งนั้นจะตอบแทนเราได้อย่างไรบ้าง 

“สิ่งที่ผมได้ คือเรามีคนสนับสนุนนมให้ซ้อม เพราะสำหรับผม นมเป็นสิ่งล้ำค่ามากเพราะราคาแพง และเราต้องซ้อมวันละนับร้อยแก้ว เพราะพอเราซ้อมไปเรื่อย ๆ เราจะเจอเทคนิคใหม่ ซึ่งเทคนิคใหม่จะเป็นสิ่งที่ท้าทายตัวเราและทำให้เราสนุกกับการเป็นบาริสต้าได้จนถึงทุกวันนี้”

 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

 

นอกจากจะได้ผลิตภัณฑ์นมมาซ้อมแล้ว เขายังได้รู้อินไซด์เรื่องนมมากขึ้นด้วย แล้วนำไปพัฒนาสูตรและเทคนิคการชงกาแฟ และการเทลวดลายลาเต้อาร์ต ซึ่งแน่นอนว่าความรู้เหล่านี้เขาไม่ได้เก็บเอาไว้คนเดียวแต่เอาไปสอนน้อง ๆ ในร้านต่อ

“พอเราถ่ายทอดให้น้องในทีม เพื่อน หรือใครก็ตามที่อยู่รอบตัวเรา ก็ทำให้เขาเก่งขึ้น และถ้าน้อง ๆ แชร์ออกไปอีกก็จะสร้างมูลค่ากลับมาให้แบรนด์ด้วย”

อีกประโยชน์หนึ่งของการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่ถูกอกถูกใจแบงค์มากเป็นพิเศษ คือ การได้ออกเดินทางบ่อย ๆ

“งานบาริสต้า คืองานที่เราได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับลูกค้า ทำให้เหมือนเราได้เพื่อนเพิ่มขึ้นตลอด พอเข้ามาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ก็มีโปรเจ็กต์ที่เราต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ เช่น ไปออกบูธ ไปทำเวิร์คช็อป ซึ่งการที่เราได้ไปตามสถานที่ต่าง ๆ เป็นสิ่งที่เราชอบมาก ๆ ได้ไปเจอคนใหม่ ๆ สถานที่ใหม่ ๆ ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรมากมาย ซึ่งสิ่งที่เราได้เรียนรู้พวกนั้นนะครับ มันก็ทําให้เราพัฒนาตัวเองขึ้นได้อีกหลายจุดพอสมควร ไม่ใช่แค่ในประเทศนะ รวมถึงต่างประเทศด้วย”

 

‘ฟิวเจอร์ - กิตติภพ เอ่งฉ้วน’ บาริสต้าที่ท้าทายตัวเองด้วยแรงผลักดันของทีม

 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

 

“อาชีพบาริสต้า เป็นอาชีพที่ทำให้เรามีสังคม ต้องมีการพูดคุยแลกเปลี่ยน รู้สึกว่าต้องมีทีมมาช่วยกันชิม ช่วยกันแสดงความคิดเห็น เมื่อไรที่มีความคิดเห็นหลากหลายก็จะเกิดการพัฒนา”

ฟิวเจอร์ - กิตติภพ เอ่งฉ้วน แบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุด ของ ซีพี-เมจิ บอกแบบนั้นเมื่อได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีม ฟิวเจอร์เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมด้วยความเชี่ยวชาญด้านการทำเครื่องดื่มกาแฟ ในอีกมุมเขาเองก็ได้รับแรงผลักดันให้แข็งแกร่งมากขึ้นด้วย

 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

 

ฟิวเจอร์เพิ่งเข้าสู่วงการแข่งขันกาแฟเป็นปีแรก แต่ก็สามารถคว้าแชมป์ประเทศไทย Thailand National Barista Championship 2025 ได้แล้ว

“ผมมาแข่งปีนี้เป็นปีแรกก็จริงแต่ว่าคลุกคลีอยู่กับพี่ ๆ ที่เขาแข่งกันมาเยอะ ไม่ใช่แค่เห็นภาพของคนที่แข่งขันแต่เห็นถึงวิธีการเตรียมตัวด้วย เราเลยรู้สึกว่าอยากจะลองแข่งด้วยตัวเองดูว่าเป็นอย่างไร แต่จริง ๆ ผมขับเคลื่อนด้วยเวลาของคนอื่นมากกว่า เพราะเวลาเราแข่งขันเราไม่ได้แข่งคนเดียว ต้องมีการเตรียมตัวเรื่องอื่น ๆ นอกจากเรื่องกาแฟด้วย ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ เวลาการซ้อม คนในทีมใช้เวลากับเราเยอะ ช่วยชิม ช่วยคอมเม้นต์ ช่วยฟังเราพรีเซ็นต์ ผมเลยไม่อยากให้เขาเสียเวลา และอยากให้สิ่งที่ทุกคนทำร่วมกันออกมาเป็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น อาจจะไม่ชนะแต่ทุกคนต้องเก่งขึ้น”
 

CP-Meiji Brand Ambassador ทัพหน้าต่อยอดความแข็งแกร่งให้ธุรกิจกาแฟสเปเชียลตี้ไทย

 

เขามองว่าการเข้าร่วมเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ซีพี-เมจิจะเป็นโอกาสที่ได้พัฒนาในส่วนที่ตัวเองถนัด และได้ใช้ความสามารถของตัวเองมาเติมเต็มทีมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

“ผมเป็นคนล่าสุดที่เข้ามาก็ได้เห็นพี่ ๆ ทุกคนเขาพัฒนาขึ้น แล้วก็มีพื้นที่แสดงศักยภาพสามารถทำประโยชน์ให้กับทั้งตัวเอง แล้วก็ทีม ผมรู้สึกว่าตัวเองมีศักยภาพพอที่จะช่วยผลักดันให้งานที่เขาทำอยู่ดีขึ้นได้ อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อพัฒนาตัวเองครับ และแน่นอนก็คือ ซีพี-เมจิเป็นบริษัทใหญ่ เราอยากร่วมงานกับบริษัทที่ใหญ่ขนาดนี้ เราก็น่าจะพัฒนาขึ้น”