การตลาด Burger King 2018 กวนที่สุด ยั่วโมโหคู่แข่งเพื่อแลกซื้อเบอร์เกอร์ราคาไม่ถึง 1 บาท

‘คู่กัด’ คำคำนี้สามารถใช้ได้กับทุกสิ่งรอบตัว ตั้งแต่คู่รัก เพื่อนซี้ คู่ปรับ หรือแม้แต่ ธุรกิจเบอร์เกอร์ คู่แข่งในตลาดฟาสต์ฟู้ดทรงกลมนี้ เรามักจะเห็นอยู่บ่อย ๆ จากกลยุทธ์ที่ทั้ง McDonald’s และ Burger King ใช้ยั่วโมโหกันแบบหมัดต่อหมัดมาตลอด

ถึงแม้ว่า Burger King มีอายุธุรกิจเด็กกว่า McDonald’s ถึง 13 ปี เพราะก่อตั้งในปี 1953 ขณะที่อีกแบรนด์ก่อตั้งขึ้นในปี 1940 แต่ว่าด้วยเรื่องประสบการณ์ในการสร้างแคมเปญการตลาดแบบถึงใจ จนหลายครั้งกลายเป็นไวรัลข้ามคืน ซึ่งที่ผ่านมาโฆษณาของ Burger King ถูกอกถูกใจเทศกาลล่ารางวัลอยู่บ่อย ๆ อย่างในช่วงแรก ๆ ระหว่างปี 2016 - 2019 ที่โฆษณาของ Burger King ชนะรางวัลในงานเทศกาล Cannes Lions มากกว่า 90 รางวัล

แต่การตลาดไหนของ Burger King ที่หลายคนยกให้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่กวนที่สุด และยั่วโมโห McDonald’s มากที่สุด คงต้องย้อนไปพูดถึงการตลาดในปี 2018 ในยุคนั้นฟาสต์ฟู้ดหลายแบรนด์ใช้วิธีสร้าง ‘สงครามราคา’ เพื่อแข่งขันกัน เช่น McDonald’s จัดโปรโมชั่นแลกซื้อเฟรนช์ฟรายส์ในราคา 1 ดอลลาร์สำหรับการออร์เดอร์ผ่านแอปพลิเคชัน

หรืออย่าง Wendy’s ฟาสต์ฟู้ดสัญชาติอเมริกันอีกหนึ่งแบรนด์ที่พยายามเข้ามาแบ่งเค้กก้อนนี้ ก็ทำการตลาดผ่านแอปฯ เช่นกัน โดยเน้นการให้ส่วนลดสุดพิเศษกับลูกค้าที่ออร์เดอร์ผ่านทางแอปฯ

ส่วนหนึ่งเพราะว่า ช่วงปี 2018 หลายแบรนด์เริ่มมีการเก็บข้อมูลของลูกค้าอย่างจริงจังผ่านรูปแบบดิจิทัล ดังนั้น แบรนด์ต่าง ๆ จึงสร้างวิธีการอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้ได้ข้อมูลของผู้บริโภคมากที่สุด

การตลาดสุดกวนแบบ Burger King

สำหรับ Burger King เลือกใช้การตลาดแบบเดียวกัน เพียงแต่แซะคู่แข่งพ่วงไปด้วย ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คู่ปรับตลอดกาลอย่าง McDonald’s ที่โดนหางเลขในแคมเปญการตลาดนี้ด้วย

Burger King ต้องการให้ผู้คนดาวน์โหลดแอปฯ มากขึ้น จึงใช้แคมเปญ ‘Whopper sandwich for 1 cent’ เลือกส่งเมนูพระเอกของแบรนด์อย่าง ‘วอปเปอร์’ มาใช้เพื่อให้ลูกค้าสามารถแลกซื้อได้ในราคา 1 เซนต์ หรือราคาไม่ถึง 1 บาท แต่มีเงื่อนไขว่า ลูกค้าต้องออร์เดอร์ผ่านแอปฯ มือถือ และอยู่ในรัศมีที่ใกล้กับร้าน McDonald’s ไม่เกิน 600 ฟุต ถึงจะสามารถปลดล็อกคำสั่งซื้อวอปเปอร์ในราคา 1 เซนต์ได้

เอาง่าย ๆ 600 ฟุต เป็นระยะทางไม่ถึง 1 กิโลเมตรด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่ต้องการรับสิทธินี้ ต้องเข้าไปสั่งในร้าน McDonald’s หรืออย่างน้อย ๆ ก็หน้าประตูร้าน หลังจากที่ออร์เดอร์เสร็จ ลูกค้าต้องเดินทางรับวอปเปอร์ที่ร้าน Burger King สาขาที่ใกล้ที่สุด ซึ่งแอปฯ จะนำทางลูกค้าไปเอง

Peter Saleh นักวิเคราะห์ของ BTIG บริษัทที่ให้บริการทางการเงินในสหรัฐอเมริกา บอกกับ CNN Business สิ่งที่ Burger King ให้ความสำคัญมากที่สุดคือ การกลับมาซื้อซ้ำของลูกค้า เพราะธรรมชาติของธุรกิจฟาสต์ฟู้ดคือ จะมีความ loyalty กับแบรนด์เดียวนั้นเกิดขึ้นได้ยาก แต่การตลาดที่จำจดจะทำให้แบรนด์อยู่ในใจเสมอ

ทั้งนี้ การตลาดสุดกวนในปีนั้น ทำให้เป็นที่พูดถึงในกลุ่มคนอเมริกันอยู่ช่วงหนึ่ง โดยสามารถทำยอดดาวน์โหลดแอปฯ ของ Burger King ได้ถึง 1.5 ล้านดาวน์โหลดเพียง 9 วัน ขณะเดียวกันน่าจะเป็นปีที่มียอดคนเข้าร้าน Burger King มากที่สุดในรอบ 4 ปีด้วย

แม้ว่าแคมเปญการตลาดครั้งนั้นจะมีคอมเมนต์ลบ ๆ อยู่บ้าง เช่น วิธีนี้ไม่สะดวกสบายสำหรับลูกค้า หรือบางคนรู้สึกว่า การใช้วิธีการแบบนี้มีความเสี่ยงมากกว่าเพราะลูกค้าคนอื่นที่อยากจะกินเบอร์เกอร์เลยอาจไม่ต้องการเดินทางเพื่อไปรับเบอร์เกอร์ที่ร้าน Burger King แต่สั่งที่ McDonald’s น่าจะง่ายกว่า เป็นต้น

แต่ไม่ว่าการตลาดแบบไหนจะเสี่ยง หรือสร้างยอดขายกว่ากัน Burger King ได้กลายเป็นหนึ่งใน Top 3 แบรนด์เบอร์เกอร์ที่คนอเมริกันจดจำ และผู้คนติดตามความครีเอทในการสร้างกลยุทธ์การตลาดของแบรนด์นี้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาไม่ว่าจะปีไหน ๆ การตลาดที่เบอร์เกอร์ทั้งสองมักใช้ก็คือ ‘Bully Marketing’ (การตลาดแบบเสียดสี แซวแรง) สามารถทำได้ทั้งกับแบรนด์ตัวเอง และแบรนด์คู่แข่ง ซึ่งวิธีนี้ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เรียกว่าเป็นการตลาดที่สร้างสรรค์ ‘แต่เจ็บแสบ’ มาก

 

ภาพ : Burger King/Twitter

อ้างอิง :

Burger King trolls McDonald’s with 1 cent burger promotion

Burger King

Burger King sells Whoppers for a penny at McDonald’s locations to promote its app

What marketing Strategy does Burger King use?

Get a Whopper for just a penny at McDonald's