A Useful Ghost : อรรถประโยชน์นิยมบนบ่าของสะใภ้กับการต่อสู้เพื่อจำรอยแผลประวัติศาสตร์

A Useful Ghost : อรรถประโยชน์นิยมบนบ่าของสะใภ้กับการต่อสู้เพื่อจำรอยแผลประวัติศาสตร์

สำรวจ ‘ผีใช้ได้ค่ะ’ (A Useful Ghost) โดย ‘รัชฏ์ภูมิ บุญบัญชาโชค’ ภาพยนตร์ที่ว่าด้วยอรรถประโยชน์นิยมบนบ่าของสะใภ้กับการต่อสู้เพื่อจำรอยแผลประวัติศาสตร์

KEY

POINTS

 

ผีก็มีทั้งดีและชั่วเหมือนคนแหละค่ะ

 

ความเป็น ‘ผี’ (Ghost) มักถูกจดจำในฐานะสิ่งลี้ลับอันเป็นปริศนาต่อความเข้าใจของมนุษย์ เป็นความเข้าใจที่เลือนรางแต่แจ่มชัดตลอดเรื่องราวที่เล่าขานกันของสังคมมนุษย์ โดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ผีก็ถูกจดจำในฐานะวิญญาณอาฆาตที่มุ่งร้ายต่อมวลมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะจากวรรณกรรม ดนตรี หรือภาพยนตร์ มนุษย์ธรรมดาที่ก้าวข้ามผ่านเส้นแบ่งของความตาย ความสยองขวัญก็พลันผุดขึ้นในตัวตนของพวกเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

ผีเองก็หาได้ต่างจากมนุษย์ เพียงแต่ไร้ร่างให้สถิตอยู่ ไฉนผีส่วนใหญ่ถึงถูกวาดภาพเป็นความเลวร้ายอาฆาตแค้น? แน่นอนว่าผีบางตนย่อมเลว บางตนย่อมดี บางตนชวนสยองขวัญ บางตนชวนให้หวนคิดถึง บางตนย้ำเตือนให้จดจำ บางตนไร้ซึ่งประโยชน์อันใด และบางตนก็เพียงอยากจะบอกว่าเขาเป็นผีที่ ‘ใช้ได้ค่ะ

A Useful Ghost’ หรือ ‘ผีใช้ได้ค่ะ’ คือภาพยนตร์ที่เป็นผลงานการกำกับขนาดยาวเรื่องแรกของ ‘รัชฏ์ภูมิ บุญบัญชาโชค’ และไม่เพียงเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ถูกคัดเลือกไปฉายในเทศกาลเมืองคานส์ในสาย Critics’ Week (Semaine de la Critique) ก่อนจะคว้ารางวัล ‘Grand Prize AMI Paris’ ไปครองจนแทบไม่ต้องอรัมภบทอะไรมากมายอีกแล้วว่าไฉนถึงต้องกล่าวถึงภาพยนตร์เรื่องนี้

นอกจากนั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็น ‘ใหม่ ดาวิกา’ สวมบทบาทเป็นผี แต่แน่นอนว่านี่คือครั้งแรกที่ผู้ชมจะได้เห็นเธอสวมบทบาทเป็น ‘เครื่องดูดฝุ่น’ ผีสิงที่ไม่ได้กลับมาอาฆาตมาดร้ายแม่ผัวและครอบครัวที่เดียดฉันท์ต่อเธอ แต่หวนกลับมาด้วยความห่วงใยที่อยากจะกลับมาดูแลสามีอันเป็นที่รัก (วิศรุต หิมรัตน์) อีกครั้ง และต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบลูกสะใภ้ทุกคนต้องเจอ — ไม่ว่าจะเป็นคนหรือผีที่สิงอยู่ในเครื่องดูดฝุ่น

นี่คือเรื่องราวตั้งต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้ และแน่นอนว่าทั้งหมดไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้

แม้ว่า A Useful Ghost จะชวนผู้ชมไปสำรวจความเป็นผีที่ไม่ได้มีแต่ความน่ากลัว แต่ยังแฝงสำนึกของความเป็นมนุษย์อยู่ แต่เบื้องหลังความวายป่วงและอารมณ์ขันแบบ Deadpan รัชฏ์ภูมิชวนผู้ชมคิดถึงสถานะความเป็นสะใภ้ในโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะในครอบครัวเชื้อสายจีน สำนึกการมองโลกแบบอรรถประโยชน์นิยมผ่านนิยามของคำว่า ‘Useful’ ไปจนถึงบาดแผลทางประวัติศาสตร์และความสำคัญของการ ‘ไม่ลืม’ 

/ บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของ A Useful Ghost (2025) /

 

หยดน้ำตาของสาวใภ้

การที่ ‘แนท’ (ใหม่ ดาวิกา) ที่เสียชีวิตไปจากโรคปอดที่เกิดขึ้นจากฝุ่นในกรุงเทพมหานครถือเป็นจุดตั้งต้นที่สำคัญของ A Useful Ghost เพราะเรื่องราวที่ว่านี้ชวนให้ผู้ชมสงสัยว่า ‘ผีกับคนจะอยู่ร่วมกันอย่างไร?’ ซึ่งถือเป็นคำถามที่ถูกนำเสนออยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะกับตำนานแม่นากพระโขนง แต่คราวนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของผี แต่เป็นคำถามที่ว่า สามีจะอยู่กับภรรยาในคราบเครื่องใช้ไฟฟ้าได้หรือไม่?

หากความรักเป็นเรื่องของคนสองคน มาร์ชก็คงเป็นคนที่จะตอบเรื่องนี้ได้ดีที่สุด ซึ่งมาร์ชก็ไม่ได้มีปัญหากับการกลับมาของแนทในคราบเครื่องดูดฝุ่นสีแดง ทว่าบรรดาคนที่มีปัญหากลับเป็น ‘สุมาน’ (อาภาศิริ นิติพน) ผู้เป็นแม่ของสามี รวมไปถึงบรรดาเหล่ากงเหล่าม่าที่เป็นบรรพบุรุษของพ่อของสามีอีกทีหนึ่ง 

ทั้งหมดนี้จึงไม่ใช่เรื่องของการที่ภรรยาในคราบเครื่องดูดฝุ่นพยายามใช้ความรักพิสูจน์ว่าเธอสามารถอยู่กับสามีได้ แต่เป็นความพยายามในการพิสูจน์ตัวเองกับครอบครัวฝ่ายชายเสียมากกว่า ว่าเธอ — แม้จะมาในคราบของผีที่สิงอยู่ในเครื่องดูดฝุ่น — ก็มีประโยชน์พอจะคู่ควรอยู่คู่กับลูกชายผู้เป็นตัวแทนของการสืบทอดมรดกของครอบครัว 

ลูกชายฉันจะมีเมียเป็นผีไม่ได้” จึงไม่ใช่ถ้อยคำที่สะท้อนถึงการรับไม่ได้ที่ผู้สืบทอดมรดกจะต้องสมรสและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่เป็นความรู้สึกที่รับไม่ได้ว่าชีวิตของลูกชายผู้มีบทบาทสำคัญในการรับผิดชอบทรัพย์สมบัติของวงศ์ตระกูลจะต้องหารครึ่งกับ ‘ผีเครื่องดูดฝุ่น’ ที่ทำอะไรไม่ได้มากกว่า… ดูดฝุ่น (แม้ว่าเธอจะสามารถดูแลสามีเธอได้อย่างไม่บกพร่องก็ตามที)

สิ่งนี้บันดาลให้แนทต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะพิสูจน์ ‘คุณค่า’ หรือความ ‘ใช้ได้’ ของเธอกับบรรดาครอบครัวของฝ่ายสามีได้เข้าใจ แม้ว่าจะเป็นการปราบผีในโรงงานที่อยู่ในสถานะหรือพรรคพวกเดียวกับเธอก็ตาม และเมื่อเธอทำสำเร็จแล้ว ร่างของเธอก็เปลี่ยนจากเครื่องดูดฝุ่นเป็น ‘คน

แต่ที่น่าเศร้าคือ แม้แนทไม่ได้เป็นผี เธอก็ย่อมต้องเผชิญหน้ากับบทพิสูจน์เหล่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังที่เธอได้กล่าวว่า “ไม่รู้ว่าผิดเพราะเราเป็นผี หรือผิดเพราะเราเป็นเรา ครอบครัวเธอไม่ชอบเรามาตลอด” ทำให้เธอต้องพยายามทุกวิถีที่จะพิสูจน์คุณค่าของเธอในฐานะ ‘ลูกสะใภ้’ ที่จะมีคุณค่าและ ‘ดีพอ’ ที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกับลูกชายของตระกูลที่จะต้องสืบทรัพย์สินของตระกูลเพื่อคงรักษาหรือต่อยอดต่อไปในอนาคต เพราะฉะนั้นเธอต้องผ่านบทพิสูจน์ว่าเธอ ‘คู่ควร’ จากความคาดหวังของบรรดาบรรพบุรุษของครอบครัวฝ่ายชาย

แม้ว่าความรักจะเป็นเรื่องของคนสองคนเพียงไหน แต่ในสังคมแบบครอบครัวขยาย (Extended Family) ที่ทรัพย์สินต้องถูกส่งต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น การตัดสินใจเลือกคู่ครองแทบจะไม่ใช่เรื่องของคนสองคนเลย เพราะหากคนอื่น ๆ ไม่เห็นด้วย อุปสรรคและแรงกดดันก็แทบจะทำให้การครองคู่กันอย่างสงบสุขเป็นไปไม่ได้ 

ผนวกเข้ากับโครงสร้างครอบครัวที่มีการสืบสมบัติในฝั่งของผู้ชาย (Patrilineality) หมายความว่าลูกสะใภ้ก็จะต้องผ่านทั้งบททดสอบที่ต้องพิสูจน์ตนเองให้คู่ควรพอดังที่เรากล่าวไปก่อนหน้า ซึ่งสิ่งที่ถูกส่งต่อไม่ใช่เพียงทรัพย์สิน แต่เป็นสำนึกแบบที่ว่าด้วย ดังที่เห็นได้ในกรณีของสุมาน ที่เป็นแม่ของมาร์ชและภรรยาของตระกูล ที่ต้องแบกทั้งแรงกดดันจากบรรพบุรุษสามีในการดูแลกิจการของตระกูลต่อจากสามีที่ล่วงลับ และรับผิดชอบในการเลือกสรรลูกสะใภ้ที่คู่ควรที่สุด ความอัดอั้นของแรงกดดันที่สั่งสมมาตลอดชีวิตคู่จึงถูกปลดปล่อยในภาพฝันที่เธอถือปืนไรเฟิลไล่เหนี่ยวไกใส่บรรดาพ่อแม่ผัวทีละคน (และเป็นไปได้ว่าเธอฝันเช่นนั้นเป็นอาจิณ)

การสืบสายตระกูลผ่านเพศชายได้วางความคาดหวังเอาไว้บนบ่าของภรรยาไปโดยปริยาย ลูกสะใภ้ในระบบครอบครัวที่ให้ค่ากับผลประโยชน์เป็นหลัก จึงวาวกรอบคุณค่าของผู้ร่วมสืบทอดไว้เป็นมาตรฐาน หน้าที่ของผู้ที่จะเข้าไปมีบทบาทที่ว่านั้นจึงเป็นการพิสูจน์คุณค่าให้แก่ครอบครัวเห็นว่าเธอคนนั้นมีค่าพอที่จะเป็นผู้ถูกเลือก

เพราะหากเธอไม่ทำนั้น เธอจะถูกมองเป็นแค่เครื่องดูดฝุ่นธรรมดา — ไม่ว่าเธอจะตายแล้ว หรือยังมีชีวิตอยู่


อรรถประโยชน์นิยมบน
ทางแพร่งของความใช้ได้

หากว่ามีวิญญาณมาสิงสถิตและอาฆาตโรงงานด้วยความเคียดแค้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทั้งแรงงานและเจ้าของโรงงานก็ย่อมต้องขนหัวลุก แต่สำหรับโรงงานที่ครอบครัวของสุมานและมาร์ชดูอยู่นั้น ปัญหาไม่ใช่ว่าผีทำให้น่ากลัว หากแต่ทำให้สูญเสียผลผลิตและกำไรเสียมากกว่า แม้แต่เครื่องฟอกอากาศที่ถูกผีสิง สุมานยังสนใจแต่ว่า ‘จะขายได้หรือเปล่า?

แม้แต่ความสัมพันธ์คู่รักระหว่างมอสกับเท็ดก็ยังผันแปรไปได้ตามผลประโยชน์ของครอบครัว เมื่อเท็ดผู้ซึ่งอาศัยอยู่ที่ออสเตรเลียสามารถทำให้สินค้าของธุรกิจครอบครัวแพร่หลายไปต่างประเทศได้ ไม่เพียงแต่แนวคิดของครอบครัวของมาร์ชผูกโยงอยู่กับผลประโยชน์ของครอบครัวเป็นสำคัญ แต่แนวคิดของพวกเขายังเป็นการมองโลกแบบอรรถประโยชน์นิยมที่คาดหวังประโยชน์สูงสุดกับครอบครัว แม้ว่าจะต้องแลกมาซึ่งความสุขของลูกสะใภ้ก็ตามที่จะต้องพิสูจน์ตัวเองให้มีคุณค่าที่สุด ซึ่งจะเห็นได้ชัดที่สุดในกรณีของแนท ซึ่งคำนึงถึงผลประโยชน์ของครอบครัวเป็นสำคัญ ไม่ใช่ความรักหรือความสุขระหว่างคนสองคน

นอกจากนั้น คำถามสำคัญของ ‘ผีใช้ได้ค่ะ’ คือความสามารถในการใช้ได้เหล่านั้น

 

ใช้ได้สำหรับใคร?

 

ในฐานะลูกสะใภ้ ความใช้ได้ที่ว่านั้นคือความใช้ได้และมีประโยชน์จากกรอบของครอบครัว ซึ่งในที่นี้ก็หมายถึงการสร้างประโยชน์ให้กับกิจการของครอบครัว เมื่อบรรลุมาตรฐานที่ว่าแล้ว ก็หมายความว่าเธอนั้นใช้ได้ วิญญาณของแนทสามารถกำราบผีของต๊อกที่อาฆาตโรงงานจนทำให้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตไปเพราะ “เจอผีนี่ผิดหลักอนามัยยิ่งกว่าเจอฝุ่นนะครับ

ความใช้ได้ที่ว่านั้นได้ทำให้กิจการของครอบครัวกลับมาเดินต่อได้ แต่อย่างไรก็ตาม ความใช้ได้ที่ว่านั้นไม่ได้ทำให้สภาพการทำงานของแรงงานในโรงงานดีขึ้นเลย ความใช้ได้ที่ว่าได้พรากความมุ่งหวังของต๊อกในการกลับมาหาแฟนหนุ่มลับ ๆ ของตน เพื่อผลประโยชน์ของบริษัท ความใช้ได้ที่ว่าจึงไม่ได้แปลว่าใช้ได้กับทุกคน แต่เป็นคนใดคนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์แบบให้ประโยชน์ซึ่งกันและกันเสียมากกว่า

หรือแม้แต่แนวคิดเรื่อง ‘การพัฒนา’ ที่ถูกเล่าผ่านการรื้อถอนอนุสรณ์สถานแห่งความทรงจำทางประวัติศาสตร์เพื่อสร้างห้างสรรพสินค้า ดังที่เห็นในช่วงต้นของเรื่อง เพราะห้างสรรพสินค้าไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนา แต่ยังเป็นการเปลี่ยนให้พื้นที่ดังกล่าวมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ที่จะสร้างประโยชน์มากกว่าอนุสรณ์สถานแห่งความทรงจำที่ไม่ได้อุทิศอะไรให้เศรษฐกิจเลย ก็เป็นสิ่งที่ชวนตั้งคำถามถึงแนวคิดการมองโลกแบบอรรถประโยชน์นิยมว่ามันจะนำพามาซึ่งประโยชน์จริงหรือเปล่า?

ยิ่งไปกว่านั้น ประเด็นนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่าคุณค่าบางอย่างอาจไม่สามารถประเมินออกมาเป็นตัวเลขหรือผลประโยชน์รูปธรรมได้ และหากสังคมยึดกรอบอรรถประโยชน์นิยมที่ตีค่าคุณประโยชน์ผ่านมิติอันคับแคบ ก็เสี่ยงที่จะติดกับดักของการพรากอดีตและความทรงจำไปโดยไม่รู้ตัว เพราะการพัฒนาที่แลกมาด้วยการสูญเสียความทรงจำร่วม อัตลักษณ์ และบทเรียนจากอดีต อาจทำให้สังคมก้าวไปข้างหน้าได้เพียงในเชิงเศรษฐกิจ แต่กลับหยุดนิ่งหรือถดถอยในมิติของจิตวิญญาณและวัฒนธรรม

 

ประวัติศาสตร์และบาดแผล
กับการต่อสู้เพื่อจดจำ

 

คนอายุน้อย ๆ นี่หมกมุ่นในอดีต
ยิ่งกว่าคนแก่อนุรักษ์นิยมอีกนะ

 

เริ่มต้นจากเรื่องราวการพิสูจน์ตนเองของลูกสะใภ้ที่สิงสถิตอยู่ในเครื่องดูดฝุ่น ผีใช้ได้ค่ะได้พาผู้ชมทะยานต่อไปสำรวจบาดแผลทางประวัติศาสตร์กับความพยายามของคนบางกลุ่มที่จะทำให้อดีตเลือนหายไป โดยเฉพาะกับตัวละครอย่างผู้ทรงอิทธิพล ‘ท่านรัฐมนตรี’ ที่ถูกบรรดาผีแห่งความทรงจำหลอกหลอนจนไม่ได้หลับได้นอน จนต้องยื่นข้อเสนอที่สามารถโน้มน้าวแนทมาช่วยเหลือในการทำให้ผู้คนลืมและขจัดบรรดาผีแห่งอดีตไปได้

หนังได้สะท้อนให้เห็นว่าผีไม่ได้เป็นแค่ดวงจิตที่หวนกลับมาที่โลกมนุษย์เพราะความห่วงใยเพียงเท่านั้น แต่ผียังเป็นภาพแทนของดวงจิตและสำนึกของการต่อสู้ที่ยังไม่ถึงฝั่งฝัน หรือความเคียดแค้นของบรรดาผู้คนที่ถูกเอาเปรียบ เดินทางกลับมาทวงสิทธิ์ที่ถูกพรากของพวกเขาคืนไป ซึ่งแน่นอนว่าคนบางกลุ่มที่ได้รับผลกระทบนี้ย่อมมีความพยายามที่จะทำลายพวกเขาการบังคับลืม

ณ จุดนี้จึงเป็นคำตอบว่าทำไมอนุสรณ์สถานที่ไม่ได้นำไปสู่กิจกรรมทางเศรษฐกิจถึงไม่ได้ไร้ค่า สิ่งเหล่านี้คือเครื่องย้ำเตือนให้สังคมจดจำบาดแผลและก้าวที่พลั้งพลาดในอดีต หรือแม้ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นจากคนบางกลุ่ม เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันทางสำนึกที่ไม่ทำให้การฝ่าฟันต่อสู้ในอดีตไร้ความหมาย อนุสรณ์สถานเหล่านั้นจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อผู้คนเห็นและจดจำสิ่งที่เกิดขึ้น

แต่หารู้ไม่ว่าในขณะที่คนบางกลุ่มพยายามบังคับให้สังคมลืม ก็มีคนอีกกลุ่มที่พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะจำ การคานอำนาจทางความทรงจำนี้จึงเป็นการต่อสู้ที่สำคัญมากทางแนวคิดการเมือง เพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวตัดสินก้าวต่อไปในอนาคตว่าสังคมจะขยับไปในทิศทางไหน หรือเหยียบซ้ำรอยเดิมหรือเปล่า ซึ่งผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับว่าจำนวนคนที่ ‘จำ’ และคนที่ ‘ลืม’ มีมากน้อยเพียงไหน

 

เราไม่ยอมหายไปเพราะเราไม่ยอมแพ้
แต่มีคนพยายามทำให้เราหายไป
ที่น่าเศร้าที่สุดคือ พวกที่เป็นผีเหมือนกันทำ

 

โศกนาฏกรรมที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือนักสู้ที่สูญเสียอุดมการณ์และตัวตนเมื่อกาลเวลาผ่านไป ดังที่สะท้อนผ่านบทบาทของแนทในการช่วยลบเลือนความทรงจำ จุดยืนของแนทที่เปลี่ยนไปจึงถูกสะท้อนว่าเธอเป็นผีที่กัดฟันสู้และเอาชนะกับความตาย หรือแม้แต่เพื่อนผีด้วยกันเอง แต่ท้ายที่สุดก็ต้องสยบยอมกับคนเป็น

แนทกับการทำหน้าที่เป็นเครื่องมือลบความทรงจำของรัฐมนตรีหรือแม้แต่ต๊อกที่ถูกทำให้เชื่องจึง้ป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงทางแพร่งของการยืนหยัดในการต่อสู้ — จะเดินหน้าสู้จนถูกบีบให้อันตรธาน หรือเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่ออยู่รอด แต่หากว่าขายอุดมการณ์ทิ้งไปแล้ว ยังจะหลงเหลืออะไรอยู่บ้าง? 

ผีใช้ได้ค่ะ พาผู้ชมไปสำรวจตั้งแต่แนวคิดแบบอรรถประโยชน์นิยมที่แขวนความคาดหวังและมาตรฐานการสร้างประโยชน์เอาไว้บนบ่าของลูกสะใภ้ ไปจนถึงการคานอำนาจของการจำและการลืมรอยแผลในประวัติศาสตร์ในสำนึกของผู้คน ในโลกที่ฉาบหน้าด้วยอารมณ์ขันบนใบหน้าที่นิ่งเฉยและตรรกะที่ดูแอบเสิร์ด แต่ในขณะเดียวกันก็ชวนให้หวนคิดถึงโลกแห่งความจริงให้ลุ่มลึกกว่าที่เคยเป็น