31 ต.ค. 2568 | 11:05 น.

KEY
POINTS
“ผมอยากคุมทีมในแชมเปียนส์ลีกหรือพรีเมียร์ลีก ผมอยากอยู่ในเกมใหญ่ ๆ ต่อหน้าแฟนบอลจํานวนมาก เพราะฟุตบอลคือเรื่องของผู้คน ไม่ใช่เรื่องของธุรกิจ”
‘แอนโธนี ฮัดสัน’ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยคนปัจจุบัน กล่าวกับ ‘เดฟ ไรท์’ นักเขียนของ playerdevelopmentproject.com ในช่วงเวลาที่เขาคุมทีมชาตินิวซีแลนด์
เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายดังกล่าว ฮัดสันจึงออกเดินทางไปเรียนรู้ฟุตบอลรอบโลกหลังจากที่เขาต้องยุติบทบาทการเป็นนักฟุตบอลด้วยวัย 27 ปี และเริ่มต้นเรียนรู้บทบาทการเป็นโค้ชในช่วงเวลาหลังจากนั้น จนกระทั่งล่าสุดเขาคือบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาเป็นแม่ทัพคุมช้างศึกทีมชาติไทยในช่วงเวลาสุดสําคัญ
เส้นทางของกุนซือหนุ่มคนนี้จะเป็นอย่างไรเรามาร่วมเดินทางไปด้วยกันครับ
ช่วงชีวิตการเป็นนักฟุตบอลของ ‘แอนโธนี ฮัดสัน’ ไม่ได้เป็นที่จดจํานัก เขาเติบโตในสายลูกหนังท่ามกลางเงาความรุ่งโรจน์ของผู้เป็นพ่ออย่าง ‘อลัน ฮัดสัน’ นักฟุตบอลระดับตํานานแห่งกรุงลอนดอน นั่นจึงทําให้ผู้คนจดจําเขาในฐานะลูกชายมากกว่าจะเป็นฝีเท้าในสนาม
แอนโธนี ฮัดสัน เริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลกับทีมเยาวชนเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในศึกพรีเมียร์ลีก ก่อนจะถูกยืมตัวไปเล่นให้กับลูตัน ทาวน์ และข้ามฟากมาหาความสําเร็จกับเอ็นอีซี ไนจ์เมเก้น ในฟุตบอลลีกของประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนที่จะยุติเส้นทางการเล่นฟุตบอลในปี 2024 ด้วยวัยเพียง 23 ปีเท่านั้น
“ผมเคยต้องทําความสะอาดรองเท้าให้กับแฟรงค์ แลมพาร์ด ซีเนียร์ และสตีฟ พ็อตส์ สมัยเป็นเด็กฝึกของเวสต์ แฮม ยูไนเต็ด มันเป็นประสบการณ์ที่ดี แต่ก็ยากมาก เพราะผมรู้สึกว่าต้องแบกรับความคาดหวังจากการเป็นลูก ของนักฟุตบอลชื่อดัง ผมกลัวความล้มเหลวมากจนบางครั้งหลีกเลี่ยงการรับบอลในสนาม”
ฮัดสัน กล่าวถึงความยากลําบากที่ต้องเผชิญในฐานะนักฟุตบอลอาชีพให้ เดฟ ไรท์ ฟัง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะไม่ประสบความสําเร็จในฐานะนักฟุตบอลอาชีพมากนัก แต่ฮัดสันยังคงหลงใหลในกีฬาลูกหนังและนั่นจึงทําให้เขาเลือกที่จะเดินในเส้นทางของการเป็น ‘โค้ช’
ฮัดสัน แม้จะเป็นคนอังกฤษ แต่ก็เกิดที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อตอนที่คุณพ่อยังค้าแข้งอยู่ที่นั่น เขาจึงตัดสินใจมาเริ่มต้นบทบาทชีวิตใหม่ ณ ดินแดนแห่งนี้
.“ผมคิดว่าที่อเมริกาผมมีโอกาสคุมทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งในอังกฤษคงไม่มีทางได้แบบนั้น”
ฮัดสัน ให้เหตุผลถึงการตัดสินใจมาเริ่มต้นเรียนรู้การเป็นกุนซือลูกหนังที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเขาเริ่มต้นด้วยการเป็นโค้ชในระดับอะคาเดมีให้กับทีมเอซี ดิอาโบลส์ เอสซี ในช่วงปี 2003 จากนั้นอีก 2 ปีถัดมา เขาก็ขยับขึ้นมาเป็นผู้ช่วยโค้ชของทีมวิลมิงตัน แฮมเมอร์เฮดส์ ทีมระดับกึ่งอาชีพ
ปี 2008 ฮัดสันได้เริ่มต้นบทบาทการเป็นกุนซืออย่างเต็มตัวเมื่อเขารับหน้าที่ผู้ฝึกสอนให้กับทีมเรอัล แมรีแลนด์ เอฟซี ในยูเอสแอล ดิวิชัน 2 ของประเทศสหรัฐอเมริกาและสร้างผลงานพาทีมที่อยู่ท้ายตารางในฤดกูาลก่อนหน้านีพุ่งทะยานขึ้นสู่ท็อป 5 คว้าสิทธิ์เข้าแข่งขันรอบเพลย์ออฟได้เป็นครั้งแรกในประวตัศิาสตร์สโมสร
ผลงานดังกล่าวทําให้ฮัดสันได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยมของลีกยูเอสแอล ดิวิชัน 2 ในปี 2009
อย่างไรก็ตามในปี 2010 ฮัดสันกลับทําผลงานได้ไม่ดีนักเมื่อทีมเรอัล แมรีแลนด์ เอฟซี ของเขาไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลยใน 10 เกมสุดท้ายของฤดูกาลจนทําให้จบอันดับล่างสุดในตารางคะแนนรวมของลีก และฮัดสันก็ต้องโบกมือลาทีมไป
“ผมต้องเรียนรู้วิธีจัดการกับแต่ละบุคลิกของผู้เล่น และทําให้พวกเขาเชื่อมั่นในสิ่งที่ผมทํา เพราะผมไม่ใช่อดีตนักเตะชื่อดัง ผมต้องพิสูจน์ตัวเอง”
หลังต้องโบกมือลาจาก เรอัล แมรีแลนด์ เอฟซี ฮัดสันเดินทางกลับสู่ประเทศอังกฤษอีกครั้ง และทํางานเป็นโค้ชทีมสํารองของสโมสรท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ จนช่วงเดือนเมษายนปี 2011 เขาก็ได้รับโอกาสใน การเป็นผู้จัดการทีมของสโมสรนิวพอร์ต เคาน์ตี้ ในคอนเฟอเรนซ์ พรีเมียร์ ในช่วง 7 เกมสุดท้ายของฤดูกาล 2010-2011 และพาทีมจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 9
อย่างไรก็ตามในฤดูกาลถัดมา ฮัดสันพาทีมนิวพอร์ต เคาน์ตี้ ชนะเพียงเกมเดียวใน 12 แมตช์แรก นั่นจึงทําให้เขาต้องยุติบทบาทการเป็นกุนซืออีกครั้ง แม้จะได้รับการสนับสนุนจากนักฟุตบอลในทีมแต่นั่นไม่เพียงพอต่อความไว้ใจของ ‘คริส ไบลท์’ ประธานสโมสรขณะนั้น
“เราผ่านฤดูกาลมาได้หนึ่งในสี่แล้ว และการมาถึงจุดนี้ของสโมสรฟุตบอลนิวพอร์ตเคาน์ตี้ ไม่ใช่สิ่งที่เราคาดหวัง หรือคาดคิดมาก่อน”
ไบลท์ กล่าวกับสื่อมวลชนถึงเหตุผลในการปลดฮัดสันออกจากตําแหน่งผู้จัดการทีมของสโมสร นิวพอร์ต เคาน์ตี้
ช่วงคุมทีมนิวพอร์ต เคาน์ตี้ ฮัดสันได้ดําเนินการขอใบอนุญาต UEFA Pro License กับสมาคมฟุตบอลอังกฤษ นอกจากนี้ เขายังเรียนรู้เกี่ยวกับฟุตบอลเอเชียและการขอใบอนุญาตของ AFC อีกด้วย โดยฮัดสันกล่าวถึงการเรียนรู้ของตนเองว่า
“ผมเรียนทั้ง UEFA A และ AFC A ไปเลย ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ยิ่งดี เอาเนื้อหาที่จําเป็นมาใช้เพื่อพัฒนาตัวเอง”
“ผมพยายามเคาะประตูทุกบานเพื่อให้ได้โอกาสเรียนรู้ ผมเห็นอดีตนักเตะชื่อดังได้งานง่าย ๆ แต่ผมเลือกที่จะพัฒนาตัวเองให้เก่งกว่าพวกเขา นั่นคือแรงผลักดันของผม”
การเรียนรู้ของฮัดสันนั้นได้ผล ช่วงเดือนมีนาคม 2012 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ฝึกสอนของทีมชาติบาห์เรน ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี และสามารถพาทีมคว้ารองแชมป์ รายการกัลฟ์ ยู-23 แชมเปี้ยนชิพ 2012 มาครองได้สําเร็จ จากนั้นในปีต่อมา ฮัดสันก็ได้คุมทีมชาติบาห์เรนชุดใหญ่ควบคู่ไปด้วย
.ฮัดสันพาทีมชาติบาห์เรนเอาชนะทีมชาติมาเลเซียและเยเมน ผ่านเข้ารอบไปเล่นฟุตบอลเอเชียนคัพ 2015 ได้สําเร็จ จากนั้นเขาก็กลับมาคุมทีมชาติบาห์เรน ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี โค่นทีมชาติซาอุดิอาระเบีย สร้าง ประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ รายการกัลฟ์ ยู-23 แชมเปียนชิพ 2013 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่
ถึงแม้ฮัดสันจะทําผลงานได้ดีกับทีมชาติบาห์เรน แต่ช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2014 เขาได้ตัดสินใจลาออกหลังจากพาทีมชาติบาห์เรนคว้าอันดับที่ 3 รายการดับเบิลยูเอเอฟเอฟ แชมเปียนชิพ 2014 ด้วยสถิติ เสมอ 3 แมตช์ แพ้ 1 แมตช์
โดยฮัดสันได้เล่าถึงการทํางานกับทีมชาติบาห์เรนว่า
“มันเป็นการเปลี่ยนวัฒนธรรมครั้งใหญ่ แต่ผมรักที่นั่นมาก ผู้เล่นยอดเยี่ยมมาก เราต้องซ้อมตอนตีสองในช่วงรอมฎอน เพราะพวกเขาเพิ่งละศีลอดตอนหนึ่งทุ่ม มันสร้างความสามัคคีในทีมได้อย่างมหาศาล”
“ตอนอยู่บาห์เรน ผมถูกกดดันให้เลือกผู้เล่นคนหนึ่ง แต่เขาไม่เหมาะกับทีมเลย นั่นทําให้ผมรู้ว่า เราต้องยึดมั่นในหลักการของตัวเอง ไม่ใช่ประนีประนอมกับสิ่งที่เราเชื่อ”
หลังจากอําลาทีมชาติบาห์เรน ฮัดสันก็ได้รับงานคุมทีมชาตินิวซีแลนด์ และเขาได้ยกระดับโครงสร้าง และผลงานของทีมออล ไวท์ส จนได้รับคําชื่นชมมากมาย โดยเจ้าตัวพาทีมชาตินิวซีแลนด์คว้าแชมป์ โอเอฟซี เนชั่นคัพ 2016 มาครอง พร้อมคว้าสิทธิ์ในการเข้าร่วมรายการใหญ่อย่าง ฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชันคัพ 2017 ที่ประเทศรัสเซียและทําผลงานได้อย่างน่าประทับใจ
อย่างไรก็ตามในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2017 หลังจากฮัดสันพาทีมชาตินิวซีแลนด์เปิดบ้านเสมอกับ ทีมชาติเปรู 0-0 ก่อนจะบุกไปพ่าย 0-2 ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบเพลย์ออฟ เขาก็ได้ตัดสินใจอําลาทีมออล ไวท์ส ท่ามกลางความเสียดายของแฟนฟุตบอลทีมชาตินิวซีแลนด์
“ทีมบาห์เรนเกมจะช้ากว่า เน้นเทคนิคมากกว่า ส่วนทีมนิวซีแลนด์เกมเร็วกว่า แต่เน้นความแข็งแกร่งทางร่างกาย และจิตใจมากกว่า”
“ผมอยากให้ทีมเล่นฟุตบอลเกมรุกที่ดี มีระเบียบ ดุดัน และคิดบวกทั้งตอนมีบอลและไม่มีบอล ความท้าทายคือ เวลาในการฝึกซ้อม เราต้องสร้างระบบที่ทุกชุดเล่นเหมือนกันตั้งแต่ U17, U20 ไปจนถึงทีมชาติชุดใหญ่”
เดือนพฤศจิกายน 2017หลังจากที่ฮัดสันอําลาทีมชาตินิวซีแลนด์ได้ไม่นานเจ้าตัวก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีมโคโลราโด้ ราปิดส์ในเมเจอร์ลีกซอคเกอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยวัยเพียง 36 ปี เขากลายเป็นโค้ชที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร และยังเป็นโค้ชที่อายุน้อยที่สุดในฤดูกาล 2018
อย่างไรก็ตาม ฮัดสันต้องพบกับความยากลําบากในเมเจอร์ลีกซอคเกอร์ฤดูกาลแรกของเขา เมื่อพา ทีมโคโลราโด้ ราปิดส์ แพ้ติดต่อกันถึง 9 นัดในทุกรายการ รวมถึงการพ่ายแพ้ต่อทีมจากดิวิชันล่างอย่าง แนชวิลล์ เอสซีในศึก ยูเอส โอเพน คัพ สร้างความผิดหวังให้กับแฟนบอลและสโมสรเป็นอย่างมาก
ฮัดสันถูกปลดออกจากตําแหน่งในเดือนพฤษภาคม 2019 จากคําให้สัมภาษณ์หลังเกมพ่าย แอตแลนต้า ยูไนเต็ด โดยเขากล่าวว่า
“เรากําลังต่อสู้อยู่ด้านล่างของตารางกับกลุ่มผู้เล่นที่อยู่ระดับล่าง และเราต้องหาวิธีเก็บผลการแข่งขันให้ได้ ในขณะที่ยังพยายามเล่นในแบบที่เราต้องการ วิธีเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงได้เร็วคือใช้เวทมนตร์หรือทุ่มเงิน มหาศาล ซึ่งชัดเจนว่าเราไม่ได้ทําแบบนั้น”
“ทุกสัปดาห์เราต้องเจอกับผู้เล่นระดับท็อปอย่าง นานี, รูนีย์, อคอสตา ช่องว่างด้านคุณภาพมันใหญ่มาก และไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้เลย”
บทสัมภาษณ์ดังกล่าวถูกมองว่าเป็นตําหนิศักยภาพของผู้เล่นทีมตนเอง ซึ่งแม้จะมีการปรับความเข้าใจกันแล้ว แต่ด้วยสถิติรวมที่ไม่น่าประทับใจจนเป็นประวัติศาสตร์ของสโมสรในช่วงเวลานั้นก็ทําให้เขาต้องโบกมือลาทีม ไป
เดือนมกราคม 2021 แอนโธนี ฮัดสัน เข้าร่วมทีมชาติสหรัฐอเมริกาในฐานะผู้ช่วยผู้จัดการทีมของ ‘เกร็ก เบอร์ ฮอลเตอร์’ จนในปี 2023 เขาได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวของทีมชาติสหรัฐอเมริกาหลังจากทีมสัญญาของเกร็ก เบอร์ฮอลเตอร์ หมดลง
ฮัดสันคุมทีมอุ่นเครื่องกับทีมชาติเซอร์เบียและโคลอมเบีย ก่อนจะพาทีมเอาชนะทีมชาติเกรนาดา 7 - 1 และทีมชาติเอล ซัลวาดอร์ 1 - 0 ในศึกคอนคาเคฟ เนชัน ลีก 2023 ก่อนจะลาออกมาหาความท้าทายอีกครั้งยังดินแดนเอเชีย
ฮัดสัน เดินทางสู่ทวีปเอเชียอีกครั้งโดยเขารับงานคุมทีมอัล-มาร์กียาห์ เอสซีในกาตาร์ สตาร์ ลีก ฤดูกาล 2023 - 24 แต่หลังจากคุมทีมได้เพียง 3 นัดก็ถูกย้ายไปทําตําแหน่งที่ปรึกษาด้านเทคนิคก่อนจะลาออก ในเวลาต่อมา
จากนั้นในเดือนกันยายน 2024 ฮัดสันก็มีโอกาสคุมทีมอีกครั้ง โดยเขาได้รับความไว้วางใจจากทีมอัล อาราบี เอสซี ในโอเรดูสตาร์ส ลีก ของประเทศการ์ตา ก่อนที่จะย้ายสู่ทีมบีจี ปทุม ยูไนเต็ดในฟุตบอลไทยลีก เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2025
ถึงแม้ฮัดสันจะทําผลงานได้ดีกับบีจี ปทุม ยูไนเต็ด โดยลงสนามทุกรายการรวม 10 นัด ชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 2 โดยเกมที่แพ้เกิดขึ้นจากการเจอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทั้งสองนัด ซึ่งหลังจากเขาพาทีมเดอะ แรบบิต พ่าย ปราสาทสายฟ้าในการแข่งขันฟุตบอลสโมสรชิงแชมป์ อาเซียน รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เจ้าตัวก็ประกาศลาออกจากตําแหน่ง
จากนั้น ฮัดสันก็เข้ารับตําแหน่งผู้อํานวยการฝ่ายพัฒนาเทคนิคของ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยในเวลาต่อมา โดยฮัดสันได้กล่าวหลังจากรับตําแหน่งว่า
“ผมจะทําหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้ทีมชาติไทย พัฒนาและบรรลุเป้าหมายต่อไป ผมก็มีโอกาสทํางานในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทั้งบาห์เรน, นิวซีแลนด์ รวมถึงที่กาตาร์ รวมถึงประเทศไทยด้วยที่ได้โอกาสมากมาย”
“ในการทําหน้าที่ในฐานะผู้อํานวยการฝ่ายเทคนิค ผมรับผิดชอบในการดูภาพรวม ทีมชุดเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ลงไป ก็เป็นช่วงเวลาที่ผมได้เรียนรู้ศึกษาสิ่งต่าง ๆ ทั้งตัวผมเองและวงการฟุตบอล ก็ได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ที่ทํา ห้ฟุตบอลไทยเติบโตและพัฒนาได้อีก”
“ที่ผ่านมาผมได้ลงมือทําคือการได้ลงพื้นที่ทํากิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการคัดตัวผู้เล่นเยาวชนในโครงการ ทาเลนต์ ไอดี ทั้งฟุตบอลชาย ฟุตบอลหญิง, การเก็บตัวของเยาวชนทีมชาติในรายการต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ รวมถึงการแข่งขันฟุตบอลของภาครัฐ อย่างกรมพลศึกษา เพื่อให้รู้ที่มาที่ไป รวมถึงพื้นหลังของฟุตบอล ว่ากว่าที่เราจะได้ฟุตบอลทีมชาติชุดหนึ่ง ทําให้ผมได้เห็นภาพรวม”
“เราต้องทําโครงสร้างให้ดีขึ้นด้วยแนวทางที่สอดคล้องของทีมชาติทุกชุด การสร้างวัฒนธรรม หรือมาตรฐานให้เหมือนกันทุก ๆ ชุด เพื่อให้นักกีฬาเยาวชนเติบโตขึ้นมาตามเส้นทาง สิ่งที่ผมเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละรุ่นก็คือเลข อายุ แต่ว่าวัฒนธรรมความเข้าใจต่าง ๆ เขาจะเติบโตมาได้ตามเส้นทางที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกัน”
“สิ่งที่เราทําเวย์นี้ ไม่ใช่ แอนโธนี ฮัดสัน เวย์ เพราะเป็นการทํางานร่วมกัน ของโค้ชที่มีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ในฟุตบอลไทย พูดคุยกัน ตกผลึกกัน และหาจุดแข็งของทีมชาติไทย วิเคราะห์ออกมา ว่าจุดแข็ง ของนักกีฬาไทยคืออะไรและยึดสไตล์การเล่นที่เหมาะสม และใส่ไปในทีมชาติไทยในแต่ละชุด”
หลังจากนี้ ทีมชาติไทยในมือของ แอนโธนี ฮัดสัน จะเป็นอย่างไร เราต้องมาร่วมส่งกําลังใจและติดตามไป ด้วยกันครับ
เรื่อง : ธิษณา ธนคลัง (The Sportory)
ภาพ: Getty Images