‘ดีน สมิธ’ แชมป์หมากรุก สู่กุนซือทีมฟุตบอล แบกภารกิจต้องสร้างปาฏิหาริย์กับ ‘เลสเตอร์’

‘ดีน สมิธ’ แชมป์หมากรุก สู่กุนซือทีมฟุตบอล แบกภารกิจต้องสร้างปาฏิหาริย์กับ ‘เลสเตอร์’

‘ดีน สมิธ’ คือกุนซือที่เลสเตอร์ ซิตี้ เลือกให้เข้ามารับภารกิจสุดหิน ต้องสร้างปาฏิหาริย์กับ ‘เลสเตอร์’ พาทีมจิ้งจอกสีน้ำเงินให้รอดตกชั้นในฤดูกาล 2022-23 เขาคืออีกหนึ่งกุนซือจอมวางแผนที่เคยเป็นแชมป์หมากรุก

  • เลสเตอร์ ซิตี้ แต่งตั้งดีน สมิธ เข้ามารับงานกุนซือแทนที่เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ในช่วงที่ทีมต้องหนีตกชั้น กับโปรแกรมสุดหิน 8 นัดสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก 2022-23
  • ดีน สมิธ ขึ้นชื่อเรื่องกุนซือจอมวางแผน เคยเป็นแชมป์หมากรุก และเป็นกุนซือสมัยใหม่ที่เน้นเกมบุก 

ฤดูกาล 2018-2019 เขาพาทีมแอสตัน วิลล่า เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก หลังตกไปเล่นอยู่ 3 ฤดูกาล

ได้รองแชมป์ลีกคัพในซีซั่นต่อมา โดยแพ้ให้กับแมนฯ ซิตี้ ในรอบชิงชนะเลิศ

นำ ‘สิงห์ผยอง’ ถล่มลิเวอร์พูล 7-2 ในเกมพรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 57 ปีของทีมหงส์แดงที่โดนพังตาข่ายถึง 7 ประตู

รักษาสถานะ ‘วิลล่า’ ให้อยู่รอดในพรีเมียร์ลีก 2 ฤดูกาลติดต่อกัน

ปั้น ‘แจ็ค กรีลิช’ จนมีค่าตัวหลัก 100 ล้านปอนด์

สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตไม่ช้านานมานี้ คือผลงานที่โดดเด่นที่สุดของกุนซือโนเนมที่มีนามว่า ‘ดีน สมิธ’ (Dean Smith) ผู้จัดการทีมคนใหม่ของเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ถูกแต่งตั้งเข้ามารับตำแหน่งแทนที่ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส

ไม่ใช่ครั้งแรกที่สมิธ ต้องทำงานในสถานการณ์ที่เสี่ยงกับการร่วงหล่นไปยังลีกรอง เพราะเมื่อ 3 ปีก่อนในพรีเมียร์ลีก 2019-2020 แอสตัน วิลล่า ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาจากฝีมือของเขาเอง กำลังจะตกชั้นกลับไปยังสถานที่ที่จากมาอีกรอบ

ทุกคนเชื่อว่าพวกเขาเตรียมต้องไปนับ 1 ใหม่ใน ‘แชมเปี้ยนชิพ’ เพราะผ่านมาถึง 28 นัด วิลล่าอยู่อันดับที่ 19 ไล่ไปถึงนัดที่ 36 สิงห์ผยองก็ยังจมอยู่ที่เดิม แต่เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นใน 2 แมตช์สุดท้าย ‘เดอะวิลแล่นส์’ พลิกล็อคเอาชนะอาร์เซนอล และบุกไปเสมอกับเวสต์แฮม เก็บ 4 แต้มสำคัญ จบอันดับ 17 รอดตกชั้นแบบไม่น่าเชื่อ

ปรัชญา และหมากกระดาน

ดีน เป็นบุตรชายของ รอน สมิธ ที่เป็นบิ๊กแฟนของแอสตัน วิลล่า และเคยทำงานเป็นพนักงานต้อนรับของสโมสรด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในฝันของรอนเหมือนกันที่อยากให้ลูกได้เป็นผู้จัดการทีมรัก เพียงแค่นิยายเรื่องนี้ไม่ได้ถูกเขียนบทเอาไว้ให้มีแฮปปี้เอนดิ้ง เมื่อรอนป่วยจากภาวะโรคสมองเสื่อม และไม่รับรู้ว่า ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ได้ทำฝันของพ่อให้เป็นจริง เมื่อเขาแยกทางกับเบรนท์ฟอร์ด และได้รับตำแหน่งผู้จัดการทีมสิงห์ผยองในเวลาต่อมา

มีเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในคืนหนึ่งก่อนเตะเกมเพลย์ออฟเพื่อเลื่อนชั้น ดีน สมิธ ย่องไปข้างหูก่อนกระซิบบอกพ่อว่า “ครั้งต่อไปที่ผมจะมาเจอพ่อ ผมจะเป็นผู้จัดการทีมในพรีเมียร์ลีกแล้ว”  ซึ่งดีนก็ทำได้สำเร็จในปีนั้น

ในวัยเด็ก ‘สมิธ’ ผูกพันใกล้ชิดแนบแน่นกับครอบครัว และชอบการเล่นเกี่ยวกับการวางแผนมาตั้งแต่ยังเยาว์ เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า ชอบการเล่นหมากรุกมาก ๆ

“ผมชอบเล่นหมากรุกกับลุง ทุก ๆ คริสต์มาส และวันหยุด ตอนที่ผมเข้าเรียน ก็กลายมาเป็นแชมป์หมากรุกเวสต์มิดแลนด์ สคูล ได้ด้วย และทุกวันนี้ผมก็ยังเล่นอยู่ ซึ่งเป็นได้ว่า หมากรุกทำให้ผมชอบวางแผน”

ปรัชญาของเจ้าของฉายา ‘จินเจอร์ มูรินโญ่’ (Ginger Mourinho) ที่คุมสโมสรมาในทุกระดับของลีกอังกฤษ ไม่ใช่แนวอังกฤษโบราณ สมิธชอบใช้ผู้เล่นที่เลี้ยงกินตัวได้ และยังปล่อยให้ผู้เล่นแนวรุกมีอิสระในการเล่น โดยเฉพาะบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ

กุนซือผู้ซึ่งเรียนโค้ชร่วมรุ่นกับรอย คีน ปฏิเสธเสียงแข็งว่า เขาไม่ใช่โค้ชสไตล์โอลด์สคูล แม้ว่าสมัยเป็นนักเตะจะเล่นในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็คก็ตาม

“ผมรู้สึกเสมอนะว่า ผมทำได้มากกว่าที่โค้ชบอกให้ทำแบบนั้นหรือแบบนี้ จากการที่ผมเห็นและพยายาม ผมชอบที่จะลอง ดังนั้น ผมอยากให้ผู้เล่นโชว์ศักยภาพของตัวเองออกมา และให้ทางเลือกกับพวกเขา”

“ผมไม่รู้สึกเลยนะว่ารูปแบบการทำทีมของผมเป็นแนวโบราณ เพราะผมเกมของผมไปเร็วมาก”

ซึ่งปรัชญาของเขาคือ การเล่นเกมบุก และมีเสน่ห์ ด้วยระบบการเล่นที่ชอบใช้คือ 4-2-3-1 หรือ 4-3-3 มีข้อมูลจาก ‘ดิ แอธเลติก’ ด้วยว่า ในช่วงล็อคดาวน์โควิด-19 ผู้จัดการทีมรายนี้เคยให้ผู้เล่นวิลล่า ศึกษาการเล่นของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และลิเวอร์พูล สองยอดทีมอย่างละเอียดด้วย

 

ดีล ‘เลสเตอร์’ กับภารกิจสุดหิน

ต้นซีซั่น เลสเตอร์ ต้องประสบปัญหาสภาวะทางการเงิน ทำให้ไม่สามารถเสริมทีมได้มากนักในฤดูกาลนี้ แถมต้องเสียงสองตัวหลักในแนวรับไป ทั้งเวสลี่ย์ โฟฟาน่า กองหลังที่ย้ายไปเชลซี และเคสเปอร์ ชไมเคิล ผู้รักษาประตูมือ 1 ทำให้พวกเขาเสียประตูง่ายขึ้น เสียไปถึง 52 ประตู มากที่สุดเป็นรองแค่ 3 ทีมเท่านั้น

ขณะเดียวกันผู้เล่นที่ถูกเสริมเข้ามาแทน ทั้ง เวาท์ ฟาส หรือ แฮร์รี่ ซูตทาร์ ในแนวรับ ก็ยังไม่สามารถปิดเลือดในเกมรับที่ไหลไม่หยุดได้

อีกทั้งยังพบปัญหาผู้เล่นฟอร์มตก เจมี่ วาร์ดี้, ยูริ เตเลมอง, เจมส์ แมดดิสัน ยังไม่โดดเด่นนัก เบรนเดน ร็อดเจอร์ส ที่อยู่กับทีมมายาวนาน 4 ปี พาสโมสรได้แชมป์เอฟเอคัพ และได้รับความไว้วางใจจากบอร์ดเป็นอย่างมาก ยังต้องแยกทางกับทีมหลังจากที่เลสเตอร์ แพ้ต่อเนื่อง และตกมาอยู่อันดับรองสุดท้ายของตาราง 7 นัดหลังของ ‘บีร็อด’ แพ้ไปถึง 6 เสมอ 1 เรื่อยมาจนถึงตอนนี้ ‘จิ้งจอกสยาม’ ไม่ชนะมา 9 เกมแล้ว แถมแพ้ไปถึง 8 นัด ทำให้สโมสรต้องมองหาผู้จัดการทีมคนใหม่ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขัน เรียกความมั่นใจและศักยภาพของนักเตะกลับคืน

เกรแฮม พอตเตอร์, เจสซี มาร์ช, ราฟาเอล เบนิเตซ และราล์ฟ ฮาเซนฮุตเติล เป็นชื่อที่ถูกเสนอขึ้นมา แต่ ‘เดอะฟ็อกซ์’ ได้เลือก และแต่งตั้ง ดีน สมิธ กุนซือชาวอังกฤษจากย่านเวสต์บรอมฯ วัย 52 ปี มารับตำแหน่งแทน

สมิธ มีประสบการณ์ในฐานะโค้ชและผู้จัดการทีม มากว่า 12 ปี ได้คุมทีมเกือบ 600 นัดจากล่างสู่ยอดพีระมิดให้กับทีมอย่าง วอลซอลล์, เบรนท์ฟอร์ด, แอสตัน วิลล่า และ นอริช ซิตี้ เขาพา ‘สิงห์ผงาด’ เลื่อนชั้นในฤดูกาลแรกที่คุมทีม

พร้อมกับแต่งตั้งทีมงานผู้ช่วยคือ เคร็ก เช็คสเปียร์ อดีตผู้ช่วยผู้จัดการทีมเลสเตอร์ในยุคของ ไนเจล เพียร์สัน และเคลาดิโอ รานิเอรี่ ซึ่งเคร็กเคยคุมทีมเลสเตอร์แบบเต็มตัวด้วยเมื่อปี 2017 เขาประสบความสำเร็จในการพาทีมรอดตกชั้น และพาทีมเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่กับทีมยาวนานถึง 7 ปี ซึ่งถือเป็นมือขวาข้างกายคนสำคัญของสมิธมาตลอดในช่วงหลัง

รวมไปถึงแต่งตั้งจอห์น เทอร์รี่ อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ จะเข้ามารับหน้าที่ผู้ช่วยอีกคน โดยตำนานเชลซีเคยทำงานร่วมกับสมิธในการเป็นทั้งผู้เล่นและโค้ชที่วิลล่า ปาร์ก

สมิธ ได้รับภารกิจ ‘หนีตาย’ รักษาสถานะในพรีเมียร์ลีกให้จงได้สถานเดียวกับอีก 8 เกมที่เหลือในมือคือ แมนฯซิตี้ (เยือน) วูล์ฟแฮมป์ตัน  (เหย้า) ลีดส์ ยูไนเต็ด (เยือน) เอฟเวอร์ตัน (เหย้า) ฟูแล่ม (เยือน) ลิเวอร์พูล (เหย้า)  นิวคาสเซิ่ล (เยือน) เวสต์แฮม (เหย้า) ซึ่งมีเพียงแมตช์กับทีม ‘เจ้าสัวน้อย’ ฟูแล่ม เกมเดียวเท่านั้นที่ดูเหมือนจะผ่อนคลายได้ ส่วนที่เหลือต้องลุยกับทีมใหญ่ และหนีตกชั้นอยู่ด้วยกัน

 

ความหวังในการอยู่รอดของตำนาน 5,000 ต่อ 1

เลสเตอร์ ได้แชมป์ ‘แชมเปี้ยนชิพ’ ในปี 2013–14 ก่อนจะสร้างตำนานเทพนิยาย 5,000 ต่อ 1 ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบสุดเหลือเชื่อในอีก 2 ปีต่อมาในปี 2015-2016 เป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกของการก่อตั้งสโมสรในรอบ 132 ปี แต่ผ่านวันแห่งความสุขของชาวเมืองมา 7 ปี พวกเขากำลังสุ่มเสี่ยงเหลือเกินกับการต้องกลับไปนับ 1 ใหม่ เพราะเวลานี้เลสเตอร์ ลงเตะมา 30 นัด มีเพียง 25 คะแนน อยู่อันดับ 19 รองบ๊วยของตาราง ขณะที่เหลือแมตช์อีกเพียง 8 นัดเท่านั้น แถมโปรแกรมยังสุดหิน

แต่สมิธ พร้อมรับมือกับสถานการณ์อันแสนยากลำบากนี้ และบอกด้วยว่า แฮปปี้ที่ได้รับงาน หลังพ้นตำแหน่งกุนซือนอริชมาเมื่อปลายปีที่แล้ว

“ความท้าทายที่อยู่ตรงหน้าเรานั้นชัดเจน แต่มันเป็นความท้าทายที่ผมเคยสัมผัสมาก่อน และด้วยคุณภาพในทีมชุดนี้และจำนวนเกมที่เหลือ ยังมีความเป็นไปได้ที่เราจะทำภารกิจให้สำเร็จ”

“สิ่งแรกที่ต้องทำคือ การเรียกความเชื่อมั่นในทีมกลับมาอีกครั้ง เราต้องทำผลงานให้แฟนบอลรู้สึกภาคภูมิใจ”

ด้าน นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ต้อนรับสมิธ อย่างอบอุ่น พร้อมเชื่อว่า ความเป็นผู้นำ แนวทางการฝึกสอน และคุณสมบัติในการสร้างแรงบันดาลใจของเขาจะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับทีมในอีก 8 เกมข้างหน้า เพื่อรักษาสถานะพรีเมียร์ลีกให้ได้

“ฤดูกาลนี้ เราต้องเจอสถานการณ์ที่ท้าทาย แต่เรามั่นใจว่าทีมของเรามีคุณภาพที่จะชนะการต่อสู้ครั้งนี้ ประสบการณ์ของดีน จะเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพนั้น ช่วยให้ทีมค้นพบความมั่นใจอีกครั้ง รวมถึงการได้รับสนับสนุนจากแฟนบอลของเรา ซึ่งจะมีความสำคัญมากในช่วง 8 นัดสุดท้ายของฤดูกาล การสนับสนุนของแฟนบอลเป็นพื้นฐานที่สำคัญของทุกสิ่งที่เราประสบความสำเร็จในช่วง 13 ปีที่ผ่านมา และจะมีบทบาทอีกครั้งในช่วงเวลาที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของเรา นี่คือการต่อสู้ที่เราสามารถชนะไปด้วยกัน”

“เราจะประสบความสำเร็จ(ในการรักษาสถานะในพรีเมียร์ลีก)ร่วมกันในฤดูกาลนี้”

 

เรื่อง: My name is

ภาพ: ดีน สมิธ ไฟล์จาสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้

อ้างอิง:

LCFC

AVFC

Sky Sports