‘วิล สเปียร์แมน’ นักฟิสิกส์ผันมาวิเคราะห์ข้อมูล เบื้องหลังยุคแชมป์รัว ๆ ของลิเวอร์พูล

‘วิล สเปียร์แมน’ นักฟิสิกส์ผันมาวิเคราะห์ข้อมูล เบื้องหลังยุคแชมป์รัว ๆ ของลิเวอร์พูล

‘วิล สเปียร์แมน’ ถือเป็นตัวละครลับเบื้องหลังยุคแชมป์รัว ๆ ของลิเวอร์พูล เขาคือนักฟิสิกส์ที่ผันมาทำงานวิเคราะห์ข้อมูลสถิติให้ยอดทีม และเป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยคนใหม่ของหงส์แดง

  • วิล สเปียร์แมน นักฟิสิกส์ที่เคยทำงานกับองค์กรนิวเคลียร์ระดับทวีปยุโรป ผันมาทำงานวิเคราะห์ข้อมูล-สถิติให้ทีมกีฬา ส่วนหนึ่งในงานของเขาคือเบื้องหลังที่ทำให้ลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จ
  • การทำงานของเขามีส่วนปลุกปั้นแนวคิดเรื่อง Pitch Model ที่กลายเป็นรูปแบบการเล่นของทีมในเวลาต่อมา

สโมสรลิเวอร์พูลถือว่าเป็นทีมฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดทีมหนึ่งของประเทศอังกฤษ คว้าแชมป์ฟุตบอลยูโรเปียน คัพ หรือปัจจุบันก็คือรายการยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ได้ถึง 6 สมัย รวมการเป็นแชมป์ฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ 19 สมัย แชมป์ฟุตบอลถ้วยเอฟเอ คัพ 8 สมัย และแชมป์ฟุตบอลถ้วยลีก คัพ 9 สมัย

หากยกตัวเลขรวมผลงานของทีมลิเวอร์พูลมาแบบนี้ คนทั่วไปคงมองว่าแฟนฟุตบอลของสโมสรแห่งนี้ต้องมีแต่ความสุขสมหวังแน่นอน

แต่หากใครติดตามฟุตบอลอังกฤษเป็นประจำจะทราบว่า ในช่วงก่อนฤดูกาล 2019-2020 สโมสรแห่งนี้ห่างหายจากการคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกสูงสุดนับตั้งแต่ศึกดิวิชั่น 1 จนเปลี่ยนมาเป็นพรีเมียร์ลีกถึง 30 ปีเต็ม ซึ่งนั่นเป็นระยะเวลาเกือบครึ่งชีวิตของมนุษย์เลยก็ว่าได้หากนับจากอายุเฉลี่ย

สิ่งนี้นับเป็นบาดแผลใหญ่ของแฟนฟุตบอลที่จงรักภักดีกับสโมสรแห่งนี้ แต่แล้วการเข้ามาของกุนซืออย่างเจอร์เก้น คล็อปป์ ทำให้ฟุตบอลของสโมสรแห่งนี้เปลี่ยนไป เมื่อเจ้าตัวสามารถทำให้เครื่องจักรสีแดงกลับมาทำงานอีกครั้งหลังจากติด ๆ ดับ ๆ มาอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง

ลิเวอร์พูลภายใต้การนำของเจ้าตัวสามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้ในฤดูกาล 2018-2019 แชมป์สโมสรโลกหรือรายการฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2019, ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ 2019, เอฟเอคัพ 2021-2022, ลีกคัพ 2021-2022 และเหนืออื่นใด ผลงานที่แฟนฟุตบอลรอคอยก็สำเร็จ นั่นคือการคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกสูงสุด หรือพรีเมียร์ลีกได้ในฤดูกาล 2019-2020 นับเป็นการสิ้นสุดการรอคอยอันแสนยาวนาน

ความสำเร็จในช่วงเวลาที่ผ่านในยุคของเจอร์เก้น คล็อปป์ แน่นอนว่าเจ้าตัวได้เครดิตไปเต็ม ๆ รวมทั้งนักฟุตบอลของทีมทุกคนก็ต่างมีส่วนร่วมในความสำเร็จนั้น แฟนฟุตบอลต่างจดจำชื่อของอลิสซอน เบ็คเกอร์, ฟาน ไดจ์ก, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โรแบร์โต เฟอร์มิโน, ซาดิโอ มาเน, ดิว็อค โอริกี, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และผู้เล่นคนอื่นอีกมากมาย

พวกเขาเหล่านี้คือผู้นำความสำเร็จมาสู่สโมสร ซึ่งนั่นก็คือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่แท้จริงแล้ว ความสำเร็จที่เกิดขึ้นยังมีทีมงานเบื้องหลังที่ทำงานหนักร่วมกันมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ‘วิลเลียม สเปียร์แมน’

หากเจอร์เก้น คล็อปป์ คือกุนซือผู้อยู่เบื้องหน้าคอยวางแผน แก้เกมข้างสนามตัวของ วิลเลียม สเปียร์แมน ก็เปรียบเสมือนกุนซือทางฝั่งเทคนิคที่นำข้อมูลขนาดใหญ่มาวิเคราะห์หาอินไซต์และส่งผลการวิเคระห์ข้อมูลนั้นไปให้กุนซือใช้ตัดสินใจ ซึ่งตำแหน่งงานนี้มีชื่อทางเทคนิคว่า นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล หรือ Data Scientists

 

นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientists) คือใคร?

หลายท่านคงเคยได้ยินกันมามากแล้วนะครับว่า โลกในทุกวันนี้ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลหรือดาต้า (Data) ทุกวงการมีการนำข้อมูลที่สะสมมานั้นมาช่วยในการตัดสินใจหรือทำนายผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในโดเมนที่ตัวเองให้ความสนใจไม่ว่าจะเป็นวงการธุรกิจ การเมือง การแพทย์ การเกษตร หรือแม้แต่ในด้านกีฬา

ข้อมูลเหล่านี้มีมากมายหลากหลายรูปแบบทั้งที่มีโครสร้างข้อมูลที่ชัดเจนที่อยู่ในรูปแบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Structured Data) ข้อมูลแบบกึ่งมีโครงสร้าง (Semi-Structured Data) หรือข้อมูลแบบไม่มีโครงสร้างอย่างไฟล์เสียง วิดีโอ หรือรูปภาพ (Unstructured Data) ซึ่งเรามักจะเรียกข้อมูลที่มีรูปแบบที่หลากหลาย และมีปริมาณมากเหล่านั้นว่า Big Data

โดยข้อมูลในระดับ Big Data เหล่านั้นถ้าเราแค่เก็บรวบรวมไว้กันก็คงเป็นแค่ข้อมูลที่ไม่อาจก็ให้เกิดประโยชน์หรือเปลี่ยนแปลงลัพธ์ของสิ่งใดได้ นั่นจึงทำให้โลกใบนี้ต้องมีกลุ่มคนที่ทำงานในตำแหน่งนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล หรือ Data Scientists ซึ่งเป็นผู้ที่มีทักษะในการนำข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data มาทำการวิเคราะห์เพื่อหาคำตอบของโจทย์ทางโดเมนที่เราสนใจ ซึ่งคำตอบเหล่านั้นเราก็สามารถนำมาช่วยในการตัดสินใจเพื่อจะทำอะไรบางอย่าง เช่น นำมาช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ การพัฒนาสินค้าและบริการขององค์กร รวมทั้งนำมาทำนายผลประกอบการหรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

สำหรับวงการกีฬาสมัยใหม่ก็มีการจัดเก็บและรวบรวมข้อมูลในด้านต่าง ๆ เอาไว้มากมายมากกว่าในอดีต ทั้งข้อมูลการบริหารงานรวมไปจนถึงข้อมูลของนักกีฬา ซึ่งหลายองค์กรกีฬาก็มีทีมงานสำหรับวิเคราะห์ข้อมูลอยู่แล้ว แต่สโมสรลิเวอร์พูลนั้นสามารถใช้ประโยชน์จากทีมงานวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพจนสามารถใช้ข้อมูลนำไปสู่ความสำเร็จของสโมสรได้ ซึ่ง วิลเลียม สเปียร์แมน ก็คือนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่มีส่วนสำคัญในความสำเร็จดังกล่าว

 

Pitch Control Model โมเดลแห่งความสำเร็จ

ในช่วงเวลาที่จอห์น เฮนรี่ เข้ามาเป็นเจ้าของบริหารสโมสรลิเวอร์พูลนั้น เจ้าตัวได้นำแนวคิดเรื่องการดำเนินงานจากข้อมูลมาใช้งานในสโมสรแห่งนี้ด้วย โดยจอห์น เฮนรี่ ต้องการให้สโมสรลิเวอร์พูลขับเคลื่อนด้วยข้อมูลหรือ Data Driven จึงจัดตั้งทีมฝ่ายวิจัยข้อมูลโดยมี เอียน เกรแฮม เป็นหัวหน้าทีมและมี วิลเลียม สเปียร์แมน เป็นหนึ่งในทีมงานคนสำคัญ (เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2022 วิล สเปียร์แมน รับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยแทนที่เอียน เกรแฮม)

โดยสเปียร์แมน เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในด้านฟิสิกส์และอนุภาคพลังงาน เคยทำงานร่วมกับองค์การวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป หรือ CERN ก่อนที่จะผันตัวมาทำงานเป็นนักวิเคราะห์ข้อมูลด้านกีฬาให้กับฮูเดิล ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสเปียร์แมนนั้นสนใจในกีฬาฟุตบอลเป็นพิเศษ โดยเจ้าตัว มีแนวคิดที่เรียกว่า Pitch Control Model หรือโมเดลการคุมพื้นที่ในขณะที่ครอบครองบอลเป็นอาวุธคู่กาย

และปี 2018 วิลเลียม สเปียร์แมน ได้เข้ามารับงานในฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลของสโมสรลิเวอร์พูล โดยทำหน้าที่นำข้อมูลของผู้เล่นในสนามมาทำการวิเคราะห์ เจ้าตัวจึงนำ Pitch Control Model มาใช้งาน

และหนึ่งในผลงานที่ทำให้สโมสรแห่งนี้มีพัฒนาการและแท็กติกที่ดีขึ้นก็คือเรื่องการผ่านบอลไปในจุดที่ได้เปรียบคู่ต่อสู้อย่างแม่นยำ ทำให้ลิเวอร์พูลมักจะเป็นฝ่ายครอบครองลูกบอลไว้ที่ฝ่ายตัวเองได้เสมอ และนั่นหมายถึงโอกาสในการทำประตูและโอกาสที่จะไม่เสียประตูในเวลาเดียวกัน

นอกจากนั้น วิลเลียม สเปียร์แมน และทีมงานก็ยังนำ Pitch Control Model นี้มาวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของนักฟุตบอลในสนาม และส่งข้อมูลดังกล่าวให้กุนซือใหญ่อย่างเจอร์เก้น คล็อปป์ เพื่อนำไปใช้ช่วยตัดสินใจในการวางแผนการฝึกซ้อมและกำหนดแท็กติกของเกมการแข่งขัน

ดังนั้น จึงสามารถกล่าวได้อย่างเต็มภาคภูมิว่าความสำเร็จในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ส่วนหนึ่งก็มาจากการมีนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่สามารถสร้างโมเดลหรือสรรหาโมเดลที่เหมาะสมมาใช้งานได้อย่างลงตัว

ตัวอย่างเช่นการประสานงานกันระหว่างแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และเทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ส่งบอลข้ามฟากให้แก่กันได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพก็เป็นผลมาจากการใช้ Pitch Control Model มากำหนดรูปแบบการฝึกซ้อมและแข่งขัน

 

การนำข้อมูลไปใช้วิเคราะห์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

สโมสรลิเวอร์พูลกลายเป็นสโมสรกีฬาที่เป็นต้นแบบในการใช้งาน Big Data ได้อย่างมีประสิทธิภาพจนสามารถยกระดับการเล่นไปจนถึงการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในรอบ 30 ปี ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่า สิ่งที่ลิเวอร์พูลทำเป็นเรื่องไม่ยากเย็นนัก เพียงแค่จ้างนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลมาก็สามารถทำได้แล้ว ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นครับ การทำโครงการที่เป็น Data Driven นั้นไม่ได้จะประสบความสำเร็จเสมอไป ฉะนั้น ไม่ใช่ว่าสโมสรไหนต้องการจะนำ Big Data มาใช้ก็จะทำได้ทันที

อย่างหนึ่งที่ทำให้ลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จในการนำข้อมูลมาใช้ในการวิเคราะห์ก็มาจากจุดเริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพ รวมทั้งการสะสมข้อมูลที่มีปริมาณมากเพียงพอที่จะนำมาใช้ในการวิเคราะห์

เรียกได้ว่าสโมสรลิเวอร์พูลทำงานกันเป็นระบบมาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วจนทำให้เกิดข้อมูลที่มีความเหมาะสมจะนำไปใช้ในการวิเคราะห์ ซึ่งกระบวนการนี้มักเป็นจุดตายของหลายโครงการเพราะมีมากมายหลายองค์กรที่จัดเก็บข้อมูลไว้มากมายแต่ข้อมูลเหล่านั้นกลับเป็นข้อมูลที่ไม่มีคุณภาพ มันก็ไม่สามารถนำมาวิเคราะห์ข้อมูลได้ หรือต่อให้ทำได้ก็ต้องใช้ระยะเวลานานในการทำ Data Transform หรือการเตรียมข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่เหมาะสมจะนำไปใช้งาน ซึ่งต้องยอมรับว่าสโมสรลิเวอร์พูลทำได้ดีในจุดนี้

จากนั้น เมื่อสโมสรมีข้อมูลที่มีคุณภาพและมีปริมาณมากเพียงพอแล้ว จิ๊กซอว์ความสำเร็จต่อมาก็คือการมีนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่มีความเข้าใจในโดเมนที่ต้องการจะวิเคราะห์ ซึ่งโดเมนของงานนี้ก็คือฟุตบอล

นั่นก็หมายความว่า วิลเลียม สเปียร์แมน คือนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่มีความเข้าใจในกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างดี เขาจึงสามารถสร้างหรือสรรหาโมเดลที่เหมาะสมมาใช้งานได้ นอกจากนี้ เมื่อกาลเวลาผ่านไปข้อมูลที่จัดเก็บมีปริมาณมากขึ้น โมเดลที่นำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลก็ต้องมีการปรับปรุงให้มีความแม่นยำอยู่เสมอ งานของวิลเลียม สเปียร์แมน จึงมีความสำคัญต่อทั้งสโมสรทั้งในปัจจุบันและอนาคต

และนี่คือเบื้องหลังความสำเร็จของสโมสรลิเวอร์พูลที่มี วิลเลียม สเปียร์แมน นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลอยู่เบื้องหลังความสำเร็จดังกล่าว ชายที่เปลี่ยน Big Data ให้เป็นการเล่นที่ทรงพลังและนำถ้วยรางวัลมาสู่สโมสร

 

เรื่อง: ธิษณา ธนคลัง (เต้นคุง)

ภาพ: Liverpool FC

อ้างอิง:

Williams, Sam. ‘The 'weird' journey of William Spearman, LFC's lead data scientist’. Website. Liverpool FC. Published 2 FEB 2022. Access 31 MAR 2023.

Williams, John. ‘Liverpool are using incredible data science during matches, and effects are extraordinary’. Website. Liverpool.com. Published 27 JAN 2020. Access 31 MAR 2023.

จักรพันธ์ ภู่ทอง. ‘วิลเลียม สเปียร์แมน : ตัวละครลับ ช่วย “ลิเวอร์พูล” คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก’. เว็บไซต์. ไข่มุกดำ. เผยแพร่เมื่อ 25 มิถุนายน 2565. เข้าถึงเมื่อ 31 มีนาคม 2566