06 มิ.ย. 2568 | 13:00 น.
กสศ. เปิดตัวแคมเปญ “เพราะทุกที่คือโรงเรียน” จับมือ ศธ. เอกชน ท้องถิ่น ร่วมพลิกโฉมการศึกษาไทย ด้วยรูปแบบการเรียนรู้ยืดหยุ่น ทุกที่คือโรงเรียน รองรับเด็กและเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษากว่า 8.8 แสนคน เปิดรับความร่วมมือ “หุ้นส่วนการศึกษา” สร้างโอกาสใหม่ให้อนาคตเด็กไทย และเศรษฐกิจของประเทศ
วันที่ 4 มิถุนายน 2568 กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จัดงานแถลงข่าว และกิจกรรมเปิดตัวแคมเปญ “เพราะทุกที่คือโรงเรียน” ณ ลานกิจกรรม ชั้น G ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ พร้อมชวนภาคีเครือข่าย ภาครัฐ เอกชน ชุมชน และสื่อมวลชน รู้จัก และร่วมสร้าง “โรงเรียนในความหมายใหม่” ที่ออกแบบขึ้นเพื่อรองรับเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา ให้สามารถกลับมาเรียนรู้ในบริบทที่เหมาะสมกับชีวิตของตนเองได้
ภายในงานนอกจากจะมีการแสดงเปิดงานจากตัวแทนเยาวชน ชนเผ่าชาติพันธุ์ลาหู่ และตัวแทนเด็ก และเยาวชนที่ร่วมโครงการ ยังมีเหล่าหุ้นส่วนทางการศึกษา อาทิ KFC Thailand, องค์กร Sea (ประเทศไทย), บริษัท ซีเจ มอร์ จำกัด, วงหมอลำไอดอล สำนักข่าว The Reporters และสมาคมทุเรียนใต้ มาร่วมเปิดแคมเปญในครั้งนี้ โดยได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน และประชาชนมาร่วมงานอย่างคับคั่ง
“โรงเรียนจะไม่ใช่พื้นที่ที่มีรั้วอีกต่อไป แต่เป็นทุกที่ที่ทุกคนย่างก้าวเข้าไปเรียนที่ไหนก็ได้ … ถ้าเด็กคนหนึ่งอยากเป็นเด็กนอกระบบ ก็ต้องเป็นเด็กนอกระบบอย่างมีศักดิ์ศรี ถ้าเขาอยากเรียนตามอัธยาศัย ก็ต้องได้รับการดูแลจากรัฐบาลอย่างเท่าเทียม”
ดร. สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงความสำคัญการจัดการการศึกษายืดหยุ่นตามยุทธศาสตร์กระทรวงศึกษาธิการและความร่วมมือ กสศ. ในการที่จะแก้ปัญหาเด็กหลุดจากระบบ ด้วยการเพิ่มโอกาสทางการศึกษา และยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านแคมเปญ เพราะทุกที่คือโรงเรียน โดยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ได้นำเสนอแนวคิดพร้อมแนวทางการจัดการศึกษาหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) การพาน้องกลับมาเรียน หรือการนำการศึกษาไปหาเด็ก ๆ ที่ได้ดำเนินงานและขับเคลื่อนร่วมกับ กสศ. อย่างเข้มข้น
ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ. เล่าถึงความสำคัญของแคมเปญนี้ว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยมีเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษาอายุระหว่าง 3-24 ปี จำนวน 880,463 คน ลดลงจากปี 2567 ซึ่งมีอยู่ราว 1.02 ล้านคน แต่ยังเป็นตัวเลขที่สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างชัดเจน
จากการสำรวจของ กสศ. เด็กและเยาวชนจำนวนมากที่หลุดจากระบบการศึกษา ไม่มีเป้าหมายทางการศึกษาและอาชีพที่ชัดเจน ร้อยละ 78.23 ของกลุ่มตัวอย่าง 29,452 คน ไม่มีแผนการศึกษาในอนาคต ขณะที่ร้อยละ 49.42 แสดงความต้องการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะอาชีพ มากกว่าการเรียนแบบวิชาการในระบบเดิม
แคมเปญ “เพราะทุกที่คือโรงเรียน” เป็น วิสัยทัศน์ใหม่ร่วมของภาคส่วนต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษา ด้วยรูปแบบ การเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น (Flexible Learning) ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกสถานที่ ทุกเวลา โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ร่วมจัดการเรียนรู้ เด็กไม่จำเป็นต้องเรียนเฉพาะในโรงเรียนแบบเดิม แต่สามารถเรียนรู้ผ่านพื้นที่เรียนรู้หลากหลาย การทำมาหาเลี้ยงชีพ กิจกรรมในชีวิตจริง บริบทของชุมชน หรือแม้แต่ในสถานประกอบการ นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเป็นครูได้
“เราไม่ได้แค่ดึงเด็กกลับเข้าสู่ระบบเดิม แต่เรากำลังร่วมกันสร้างระบบใหม่ที่ยืดหยุ่นตอบโจทย์ชีวิตของเด็กจริง ๆ” ดร.ไกรยส กล่าวถึงเป้าประสงค์ของโครงการพร้อมย้ำว่า เป้าหมายของการศึกษาคือการเปิดโอกาสให้เด็กเป็นเจ้าของการเรียนรู้ของตนเอง ไม่ใช่เพียงผู้รับความรู้แบบเดิม
“การศึกษา หรือการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น จะช่วยเป็นตาข่ายรองรับ ความต้องการที่แตกต่าง หลากหลายให้กับผู้เรียนกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น เด็กยากจน ด้อยโอกาสที่หลุดจากระบบการศึกษา ทั้งกลุ่มพ่อแม่วัยรุ่น เด็กและเยาวชนในกระบวนการยุติธรรม เด็กกำพร้า เด็กในพื้นที่ห่างไกล เด็กที่เผชิญกับความเจ็บป่วยและปัญหาสุขภาพ เป็นต้น”
ตัวแทนจากผู้ประกอบการร้านค้าปลีกอย่าง ซีเจ มอร์ที่เข้ามาจับมือกับ กศส. ดร. ปาริชาต มั่นสกุล กรรมการเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท ซีเจ มอร์ จำกัด ยืนยันถึงความสำคัญของความเป็น หุ้นส่วนทางการศึกษา จากภาพเอกชนที่จะช่วยหนุนเสริมกระบวนการเรียนรู้ของเด็ก และแก้ปัญหาเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“เราให้น้องๆ กลุ่มนี้เข้ามาทำงาน แล้วเทียบวุฒิการศึกษา เพื่อจะได้สร้างเครดิตให้กับตัวน้องๆ โดยเคพีไอง่ายๆ ที่เรามีก็คือ น้องๆ ต้องยังเรียนหนังสืออยู่ และได้ทำงานอย่างมีความสุข ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองสนใจ” ดร. ปาริชาตบอกถึงจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่เกิดขึ้นหลังจากนี้
ภายในงาน ผู้ร่วมกิจกรรมยังได้สัมผัสกับห้องเรียนหลากหลายรูปแบบที่เกิดจากการร่วมมือกันระหว่าง กสศ. และภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน ภายใต้แนวคิด ทุกคนสามารถเป็นครูได้ และทุกที่คือโรงเรียน ได้แก่
พลังของผู้ใหญ่ใจดี ทั้งต.หนองสนิท จ.สุรินทร์
พื้นที่ปลอดภัยในการเรียนรู้ ของเด็ก ๆ ในพื้นที่สีแดง
“เด็กไม่ใช่ปัญหา เด็กคือศักยภาพของประเทศ ถ้าเรายุติปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษาได้ เศรษฐกิจไทยจะโตเพิ่มขึ้นอีก 1.7% ของ GDP จากรายได้ตลอดชีวิตที่สูงขึ้นของเด็กเหล่านี้” ดร.ไกรยส ย้ำด้วยความมั่นใจ
ในโอกาสนี้ กสศ. ได้นำเสนอ 3 ตาข่ายการเรียนรู้หลักเพื่อรองรับเด็กหลุดจากระบบ ได้แก่
ผู้จัดการ กสศ. ระบุว่า ปัจจุบัน นโยบายเรียนฟรี 15 ปี ยังไม่ครอบคลุมศูนย์การเรียนโดยสถาบันทางสังคม ยังไม่ได้รับงบประมาณอุดหนุนรายหัว หรือสิทธิประโยชน์พื้นฐาน เช่น อาหารกลางวัน นม วัคซีน หรือการตรวจสุขภาพ กสศ. จึงเสนอให้มีการสนับสนุนอย่างเท่าเทียมกับโรงเรียนในระบบ รวมถึงเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้าร่วมสนับสนุนด้วยสิทธิประโยชน์ทางภาษีเหมือนโรงเรียนอื่นๆ ปกติ
“โรงเรียนของเด็กบางคนอาจไม่มีอาคาร แต่ต้องมีคุณภาพ และต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเท่าเทียม” ดร.ไกรยส ย้ำ
อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการ กสศ. ยังแสดงความหวังถึงตัวอย่างความสำเร็จที่เกิดขึ้นแล้ว ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ จะเป็นแรงบันดาลใจ ให้เกิดเครือข่ายหุ้นส่วนการศึกษาเพิ่มขึ้นเท่าทวีคูณทั่วประเทศ เพื่อสามารถรองรับความต้องการที่หลากหลายของเด็กและเยาวชนที่ยังคงหลุดจากระบบการศึกษาเกือบล้านคนได้ เพราะนี่คือเรื่องฉุกเฉินเร่งด่วน สำหรับอนาคตของประเทศที่หายไป
ภาคเอกชน ท้องถิ่น หรือประชาชนทั่วไป สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนารูปแบบการศึกษายืดหยุ่น หรือเป็นอาสาสมัครในโครงการ “โรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School” หรือสามารถร่วมบริจาคเพื่อสนับสนุน กสศ. โดยได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี 2 เท่า สามารถติดต่อได้ที่
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)
โทร. 02-079-5475 (ไม่เว้นวันหยุดราชการ)
เว็บไซต์ www.eef.or.th
อีเมล: [email protected]
LINE กสศ.การศึกษายืดหยุ่น
Facebook: กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (EEF Thailand)