16 ส.ค. 2568 | 16:44 น.
KEY
POINTS
ในเดือนเมษายนที่ใบไม้กำลังผลิบาน แต่นาฬิกาชีวิตของหญิงคนหนึ่งเริ่มนับถอยหลัง หลังจากที่หมอวินิจฉัยว่าเธอเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะสุดท้ายและมีชีวิตอยู่ได้เพียง 18 เดือน
ทว่าถ้อยคำของหมอไม่ได้ทำให้เธอยอมแพ้ในโชคชะตา ในทางกลับกัน เธอเลือกใช้เวลาทุกวินาทีที่เหลือปั้นฝันของหลานสาวให้เป็นจริง และต่อยอดเป็นประตูสู่โอกาสให้กับผู้อื่น
‘ยูกิเอะ อิโนอุเอะ’ (井上幸恵) คือหญิงชาวญี่ปุ่นวัย 54 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่ยังไม่ถือว่าเป็นผู้สูงอายุหรือวัยเกษียณในสังคมญี่ปุ่น แต่กลับต้องเผชิญกับโรคร้ายยอดฮิตของผู้หญิงอย่างมะเร็งปากมดลูก และเป็นระยะที่ 4 ซึ่งไม่มีเสี้ยวความหวังว่าจะรักษาให้หายขาดได้
เธอเคยเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือคีโม แต่สุดท้ายก็ต้องหยุดการรักษา เพราะระบบภูมิคุ้มกันของเธอเริ่มแสดงความผิดปกติ กระทั่งมะเร็งลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองและกระดูกอย่างรวดเร็ว ทำให้คุณหมอต้องบอกยูกิเอะตรง ๆ ว่า มะเร็งอยู่ในระยะที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการฉายรังสีหรือการผ่าตัดก็ตาม และจะมีชีวิตได้อีกแค่ 18 เดือนเท่านั้น
แต่ถึงแม้โลกจะสีเทาหม่นเพราะเวลาที่กำลังนับถอยหลัง ยูกิเอะหยุดความเศร้าหมอง และเผชิญหน้ากับโรคมะเร็งอย่างเข้มแข็ง พร้อมกับหันมาทบทวนกับตัวเองว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้มีคุณค่าอย่างไร
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ มักเกิดจากฝันเล็ก ๆ ของใครคนหนึ่ง
ยูกิเอะมีหลานสาวหนึ่งคนที่ชื่อว่า ‘มิยู’ ซึ่งป่วยผู้มีภาวะดาวน์ซินโดรม หลานคนนี้เคยบอกกับผู้เป็นป้าว่า “โตขี้นอยากทำงานในคาเฟ่” และเคยพยายามไปสมัครงานตามร้านกาแฟหลายแห่ง ทว่าเด็กสาวยังไม่เคยได้รับโอกาสนั้นเลยสักครั้ง สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างในการจ้างงานของคนพิการที่ยังคงดำรงอยู่ในสังคมญี่ปุ่น
ภาพฝันและคำบอกเล่าของหลานสาว เป็นแรงบันดาลใจสำคัญของยูกิเอะ ภารกิจแรกของเธอในฐานะป้า คือการเปิดร้านคาเฟ่เพื่อเติมเต็มความฝันของมิยู พร้อมกับหนึ่งพันธกิจในฐานะมนุษย์ คือเปิดรับผู้ที่มีภาวะดาวน์ซินโดรมและผู้พิการต่าง ๆ มาเป็นพนักงานในร้านนี้
เดือนพฤศจิกายน ปี 2024 ‘Café Smile’ หรือ ‘คาเฟ่แห่งรอยยิ้ม’ เป็นชื่ออันเรียบง่าย และชัดเจนว่าจะเป็นที่ที่สร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนที่ก้าวเข้ามา
สำหรับยูกิเอะ การเปิดรับผู้มีภาวะดาวน์ซินโดรมและผู้พิการเข้ามาทำงานในร้าน โจทย์สำคัญคือ ต้องเป็นงานที่ทุกคนสนุกโดยไม่รู้สึกว่านี่คืองาน (ที่กดดัน) เป็นงานที่ทำแล้วมีความมั่นใจ ดังนั้นการออกแบบพื้นที่และระบบภายในร้านที่เข้าใจคือสิ่งที่เธอต้องทำการบ้านมาอย่างดี
อย่างแรก คือ ‘เมนูอาหาร’ ซึ่งจะมีเพียงสองรายการเพื่อลดทอนความซับซ้อน และช่วยพนักงานให้จดจำทำงานง่าย อย่างที่สอง คือ ‘โต๊ะอาหาร’ แต่ละที่นั่งจะมีตุ๊กตาสัตว์น่ารักวางอยู่ เช่น โต๊ะกระต่าย โต๊ะแมว การเรียกโต๊ะด้วยชื่อตัวสัตว์น่ารัก ๆ ช่วยให้พนักงานรู้ว่าต้องนำอาหารไปเสิร์ฟที่ไหน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างความสนุกในการทำงาน และความรู้สึกภูมิใจ และรู้คุณค่าในตัวเองว่าความพิการไม่ใช่ข้อจำกัดของชีวิต
“หนูชอบทำงานมาก ๆ อยากเห็นทุกคนยิ้มกันเยอะๆ หนูรู้สึกสนุกแล้วก็มีความสุขมาก ๆ เลยค่ะ” มิยู หลานของยูกิเอะ ให้สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่น
ยูกิเอะเล่าว่า การที่เห็นมิยูและพนักงานคนอื่น ๆ รู้สึกสนุกและกระตือรือร้นกับงานนั้น ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความหมายของการมีชีวิต นั่นก็เพราะเธอไม่เพียงต่อสู้กับมะเร็ง แต่ยังสร้างพื้นที่ให้ผู้ด้อยโอกาสได้มีชีวิตที่มีคุณค่า ความล้ำค่านี้จะเป็นแรงผลักดันให้เธอทำงานนี้ต่อไป
จากที่คิดว่าจะอยู่ได้อีกแค่ปีครึ่ง… ตอนนี้ก็เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้วที่ยูกิเอะยังคงมีชีวิตอยู่ แม้จะต้องประคับประคองอาการกันไป แต่เธอนั้นสู้กับโรคที่เป็นอยู่ด้วยยารักษาที่เรียกว่า ‘ความหวัง’ และ ‘การให้ผู้อื่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด’
อีกบทบาทหนึ่งของ Café Smile คือการเป็นพื้นที่รวมตัวของผู้ป่วยมะเร็งให้ได้มาพบปะ พูดคุย แบ่งปันเรื่องราวชีวิต และส่งต่อความหวังและกำลังใจให้กันและกัน ทุกคนต่างพูดในทำนองเดียวกันว่า พวกเขามีชีวิตยืนยาวกว่าที่หมอเคยคาดการณ์เอาไว้ แม้มะเร็งที่เผชิญจะรักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่พวกเขาก็จะสู้ พร้อมจะใช้ชีวิตตามความฝัน และทำในสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง
“ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ” คำนี้คงไม่เกินจริงสำหรับชีวิตของยูกิเอะ ในวันนี้ Café Smile จึงไม่ใช่แค่ร้านคาเฟ่ธรรมดา แต่จะเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง การสานฝัน และความเข้มแข็งของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง เธอรายล้อมไปด้วยคนที่ไม่ยอมแพ้กับโรคร้าย โดยใช้สองมือหนึ่งหัวใจยื่นมือช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาส และสร้างพื้นที่รอยยิ้มที่ทำให้ชีวิตยังคงผลิบานต่อไป
แล้วคุณหล่ะ? หากคุณรู้ว่าเวลาของคุณบนโลกนี้เหลืออีกไม่มาก คุณจะใช้ช่วงเวลาที่เหลือสร้างพื้นที่และโอกาสอะไรให้คนรอบข้างได้บ้าง?
เรื่อง: นุศรา นภาวัฒนากูล
อ้างอิง