23 พ.ย. 2565 | 09:23 น.
- ซาอุดิอาระเบีย เซอร์ไพรส์แฟนบอลทั่วโลกด้วยการล้มอาร์เจนติน่า 2-1 ในฟุตบอลโลก 2022
- ผลงานยอดเยี่ยมนี้มีเบื้องหลังส่วนหนึ่งจากแทคติกของ แอร์วี เรนาร์ด กุนซือชาวฝรั่งเศสมากประสบการณ์ของซาอุฯ
- แมตช์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้นำมาสู่การประกาศฉลองผลงานทีมชาติซาอุฯ โดยกษัตริย์รับสั่งให้วันถัดมาเป็นวันหยุดทั่วประเทศ
การแข่งขันฟุตบอลฟีฟ่า เวิลด์ คัพ (FIFA World Cup) หรือที่เราเรียกกันจนคุ้นชินว่าฟุตบอลโลก ในปี 2022 จัดการแข่งขันกันที่ประเทศกาตาร์ โดยการแข่งขันในขณะนี้เป็นการแข่งขันนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม เพียงแค่วันที่ 3 ของรายการเท่านั้นก็เกิดผลพลิกล็อกแบบช็อคโลกแล้ว
ทีมชาติอาร์เจนติน่า เจ้าของแชมป์โลก 2 สมัย ในปี 1978 และ 1986 และดีกรีล่าสุดคือแชมป์ฟุตบอลโคปา อเมริกาซึ่งนำทีมมาโดยลิโอเนล เมสซี่ (Lionel Messi) กองหน้าเจ้าของตำแหน่งบัลลงดอร์ 7 สมัย ต้องโคจรมาพบกับทีมชาติซาอุดิอาระเบีย ตัวแทนจากทวีปเอเชียที่มีดีกรีเป็นเจ้าของแชมป์เอเอฟซี เอเชียน คัพ (AFC Asian Cup) 3 สมัย ในปี 1984, 1988 และ 1996 และเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้เป็นสมัยที่ 6
ก่อนลงสนามในนัดนี้ ผู้สันทัดกรณีหรือผู้เชี่ยวชาญหลายคนต่างมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าทีมชาติอาร์เจนติน่า จะต้องสามารถเก็บชัยชนะในนัดนี้ได้อย่างไม่ยากนัก
ด้วยประสบการณ์ในเวทีระดับโลกและคุณภาพนักเตะภายในทีมที่แต่ละรายก็มาจากสโมสรใหญ่ในฟุตบอลลีกของทวีปยุโรปทั้งพรีเมียร์ ลีก (อังกฤษ), บุนเดสลีกา (เยอรมนี), กัลโช่ เซเรีย อา (อิตาลี), ลาลีกา (สเปน), ลีก เอิง(ฝรั่งเศส) และพรีเมียรา ลิก้า (โปรตุเกส)
จะมีก็เพียง ฟรังโก อาร์มานี่ ผู้รักษาประตูที่เล่นในฟุตบอลลีกบ้านเกิดกับสโมสรริเวอร์เพลทและ ติอาโก้ อัลมาด้า มิดฟิลด์วัย 21 ปีที่เล่นกับสโมสรแอตแลนตา ยูไนเต็ด ในประเทศสหรัฐอเมริกา 2 รายนี้เท่านั้นที่ไม่ได้เล่นที่ยุโรป
ต่างกับทีมชาติซาอุดิอาระเบียที่ผู้เล่นทั้งหมดมาจากสโมสรที่อยู่ในลีกของประเทศตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น อัล ฮิลาล, อัล นาสเซอร์, อัล ซาบับ, อัล ฟาเตห์, อัล อิตติฮัด, อัล อาลี และอับฮา เรียกได้ว่าหากจะพิจารณาจากประสบการณ์ของตัวผู้เล่นแล้ว ทีมชาติอาร์เจนติน่าเป็นต่อทีมชาติซาอุดิอาระเบียอยู่หลายขุม
แต่เมื่อการแข่งขันจบลงกลายเป็นทีมชาติซาอุดิอาระเบียสามารถสร้างผลงานชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นอีกประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของวงการลูกหนังโลกได้สำเร็จ เมื่อสามารถแซงเอาชนะอาร์เจนติน่า ไปได้ 2-1 จากการยิงของ ซาเลห์ อัล เชห์รี่ และ ซาเลม อัล ดอลซารี่
บทความนี้จะพาคุณผู้อ่านทุกท่านไปรับรู้เรื่องราวของทีมชาติซาอุดิอาระเบีย อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของชาวเอเชียกันครับ
ฟุตบอลโลก 5 สมัยของทีมชาติซาอุดิอาระเบีย
ทีมชาติซาอุดิอาระเบียเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1994 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และทำผลงานได้ดีเมื่อสามารถผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ โดยในรอบแบ่งกลุ่มหรือรอบแรก ทีมชาติซาอุดิอาระเบียถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเอฟ นัดเปิดสนามก็เริ่มต้นด้วยความพ่ายแพ้ต่อทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ไปอย่างสนุก 1-2 ก่อนที่จะมาเอาชนะทีมชาติโมร็อกโก 2-1 ในนัดที่สอง
นัดสุดท้ายของรอบแรกทีมชาติซาอุดิอาระเบีย ต้องพบศึกหนักกับทีมชาติเบลเยียมที่ไม่ว่าจะมองมุมไหน ทีมตัวแทนจากเอเชียก็เป็นรองทุกทาง อีกทั้งผลงานของเบลเยียมเองก็ไม่ธรรมดาสามารถเอาชนะรวดมาได้ 2 นัดทั้งโมร็อกโกและเนเธอร์แลนด์
แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อซาอิด โอไวรัน กระชากบอลจากแดนของตัวเองหลบผู้เล่นเบลเยียมคนแล้วคนเล่าเข้าไปยิงประตูได้และเป็นประตูเดียวที่เกิดขึ้นในนัดนั้น ทีมชาติซาอุดิอาระเบียหักปากเซียนเอาชนะเบลเยียมไปได้ 1-0 พร้อมกับคว้ารองแชมป์กลุ่มเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายไปอย่างยิ่งใหญ่ ก่อนที่ในรอบถัดมาจะต้านทานความแข็งแกร่งของทีมชาติสวีเดนไม่ไหวพ่ายไป 1-3 แต่ก็นับเป็นผลงานที่ได้รับการกล่าวถึงเสมอ
(คลิกชมประตูดังกล่าวจาก YouTube อย่างเป็นทางการของ FIFA ที่นี่)
ฟุตบอลโลกครั้งต่อมาที่ประเทศฝรั่งเศสในปี 1998 หรือที่เราเรียกกันว่า ฟรองซ์ 98 ทีมชาติซาอุดิอาระเบียก็สามารถผ่านรอบคัดเลือกเข้ามาสู่การแข่งขันในรอบสุดท้ายได้เป็นสมัยที่สองติดต่อกัน แต่ในครั้งนี้กลับทำผลงานได้ไม่ดีนัก โดยทำได้แค่เสมอกับแอฟริกาใต้ 2-2 เท่านั้น ส่วนอีก 2 นัดที่เหลือทีมชาติซาอุดิอาระเบียพบกับความพ่ายแพ้ไปตามระเบียบ โดยแพ้ให้กับเดนมาร์ก 0-1 และแพ้ทีมชาติฝรั่งเศสเจ้าภาพไปแบบไม่มีทางสู้ 0-4
อีก 4 ปีถัดมาในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2002 บนแผ่นดินเอเชียที่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพร่วมกัน ทีมชาติซาอุดิอาระเบียที่ได้เข้าร่วมฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันกลับทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง เมื่อแพ้รวดทั้ง 3 นัด เสียไป 12 ประตูละไม่สามารถยิงประตูคู่แข่งได้เลยแม้แต่ลูกเดียว
เช่นเดียวกับฟุตบอลโลกครั้งถัดมาที่ประเทศเยอรมนีในปี 2006 ทีมชาติซาอุดิอาระเบียเปิดสนามเสมอกับทีมชาติตูนิเซียไป 2-2 ก่อนจะพ่ายแพ้ต่อยูเครนและสเปนไปในอีก 2 นัดที่เหลือ
ทีมชาติซาอุดิอาระเบียห่างหายจากฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายไป 2 ครั้งเป็นระยะเวลากว่า 12 ปีก่อนจะกลับมาในการแข่งขันครั้งที่ผ่านมา (2018) ที่ประเทศรัสเซีย
โดยทีมชาติซาอุดิอาระเบียได้ลงสนามในฐานะคู่เปิดสนามกับเจ้าภาพรัสเซีย ก่อนจะแพ้ไปแบบหมดทางสู้ 0-5 และตามมาด้วยการแพ้อุรุกวัย 0-1 ก่อนที่นัดสุดท้ายจะเอาชนะทีมชาติอียิปต์ไป 2-1 ในการแข่งขันนัดสุดท้ายก่อนจะกอดคอกันตกรอบไป
ชัยชนะนัดประวัติศาสตร์ แผนอันแยบยลของยอดกุนซือ แอร์วี เรนาร์ด
การแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้ ถือเป็นการเข้าร่วมการแข่งขันในรอบสุดท้ายได้เป็นครั้งที่ 6 ของทีมชาติซาอุดิอาระเบีย โดยมีกุนซือมากประสบการณ์ชาวฝรั่งเศสอย่าง แอร์วี เรนาร์ด (Hervé Renard) นำทัพและในนัดเปิดสนามกับทีมชาติอาร์เจนติน่า กุนซือรายนี้ก็แสดงถึงการวางแผนที่แยบยลจนนำพาซาอุดิอาระเบีย มีชัยเหนือขุนพลฟ้า-ขาวไปได้ 2-1
แอร์วี เรนาร์ด เริ่มต้นงานผู้จัดการทีมในช่วงปี 2007 ด้วยตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการทีมชาติกาน่า ก่อนจะไปรับงานคุมทีมชาติแองโกล่าแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนในปี 2012 เจ้าตัวรับงานคุมทีมชาติแซมเบีย จนสามารถสร้างตำนานพาแซมเบียคว้าแชมป์แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ มาครองได้ (Africa Cup of Nations) ด้วยการเอาชนะยอดทีมของทวีปอย่างทีมชาติโกตดิวัวร์ (Côte d'Ivoire) และเสียเพียง 3 ประตูจากการลงสนามตลอดทัวร์นาเมนต์ 6 นัด และการเสีย 3 ประตูนั้นเกิดในรอบแบ่งกลุ่มทั้งหมด
ปี 2015 แอร์วี เรนาร์ด ที่ย้ายมาคุมทีมชาติโกตดิวัวร์ สามารถพาทีมของเขาไปคว้าแชมป์แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ มาครองได้ สร้างเกียรติประวัติเป็นผู้จัดการทีมที่สามารถพา 2 ชาติคว้าแชมป์ทวีปแอฟริกาได้
จากนั้นในปี 2018 เจ้าตัวก็พาทีมชาติโมร็อกโกไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งแม้จะตกรอบแรก แต่ผลงานของทีมชาติโมร็อกโกในครั้งนั้น ถือว่ามีเกมรับที่เหนียวแน่น การพ่ายแพ้ต่ออิหร่านและโปรตุเกสด้วยสกอร์ 0-1 ทั้งสองนัด อีกทั้งการแบ่งแต้มยักษ์ใหญ่อย่างสเปน มาได้ด้วยการเสมอ 2-2 ถือว่าฝีมือของ แอร์วี เรนาร์ด นั้นไม่ธรรมดา
เกมฟุตบอลโลกระหว่างทีมชาติซาอุดิอาระเบียกับอาร์เจนติน่าเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2022 แอร์วี เรนาร์ด ใช้เทคนิคการดักล้ำหน้าเข้าสกัดกั้นเกมบุกของอาร์เจนติน่าได้อย่างอยู่หมัดในครึ่งเวลาแรก โดยเกมรับของซาอุดิอาระเบียสามารถดักล้ำหน้าได้กว่า 10 ครั้ง
แอร์วี เรนาร์ด ใช้ผู้เล่นเกมรับที่อยู่ใกล้บอล 2 คน แบ่งกันทำหน้าที่กับประกบคู่ต่อสู้ ขณะที่ผู้เล่นเกมรับที่อยู่อีกฝั่งซึ่งไกลจากบอลจะเข้ามาบีบพื้นที่ โดยเกมรับของทีมชาติซาอุดิอาระเบียจะยืนในไลน์ที่ใกล้เคียงและสมดุลกันเป็นอย่างมาก ผู้เล่นเกมรับทั้ง 3 คนดังที่กล่าวมาจะยืนในไลน์เดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ทำให้กองหลังตัวสุดท้ายสามารถสร้างกับดักล้ำหน้าได้ง่ายและแน่นอน
ซึ่งสมัยที่ แอร์วี เรนาร์ด เป็นนักฟุตบอลนั้นก็มีความคุ้นเคยในเกมรับเป็นอย่างดี ยิ่งในนัดนี้ แอร์วี เรนาร์ด สามารถสร้างวินัยในเกมรับให้กับทีมชาติซาอุดิอาระเบีย จนเป็นหนึ่งในปัจจัยให้เกิดการล้มยักษ์ได้ในครั้งนี้ถือเป็นผลงานที่การันตีฝีมือของเจ้าตัวเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกันเกมรุกของทีมชาติซาอุดิอาระเบียก็สามารถเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุกได้อย่างรวดเร็ว แนวรุกของทีมตัวแทนจากเอเชียทีมนี้มีความคล่องตัวสูงจนสามารถทำลายเกมรับของอาร์เจนติน่าได้ และต้องยอมรับว่า 2 ประตูที่ทีมชาติซาอุดิอาระเบียทำได้นั้น มาจากการเล่นอันยอดเยี่ยมของทั้งซาเลห์ อัล เชห์รี่ และ ซาเลม อัล ดอลซารี่ ที่สามารถจบสกอร์ได้คมกริบ
บทสรุปและควันหลงหลังเกม
ชัยชนะต่อทีมชาติอาร์เจนติน่าในนัดนี้เป็นชัยชนะลำดับที่ 4 ของทีมชาติซาอุดิอาระเบียในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย และเป็นครั้งแรกที่สามารถเอาชนะทีมจากทวีปอเมริกาใต้ได้ แถมยังเป็นการหยุดสถิติไม่แพ้ใครของทีมชาติอาร์เจนติน่าไว้ที่ 36 นัดติดต่อกันเท่านั้น (ซึ่งหากทีมฟ้า-ขาวสามารถเอาชนะทีมชาติซาอุดิอาระเบียในวันนี้ได้ก็จะสร้างสถิติสูงสุดเทียบเท่ากับทีมชาติอิตาลี)
ขณะที่ในประเทศซาอุดิอาระเบียเองก็เฉลิมฉลองในชัยชนะนัดนี้กันอย่างเต็มที่ ล่าสุด กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด ทรงมีรับสั่งให้วันที่ 23 พฤศจิกายน 2022 เป็นวันหยุดทั่วประเทศเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในชัยชนะที่ทีมชาติซาอุดิอาระเบียมีเหนือต่อทีมชาติอาร์เจนติน่า
แต่สำหรับตัวนักฟุตบอลนั้น ยังคงต้องมุ่งมั่นกันต่อไป เพราะนี่เป็นเพียงแค่การลงสนามนัดแรกเท่านั้น ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย จะต้องพบกับทีมชาติโปแลนด์ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2022 และในนัดสุดท้ายก็จะพบกับเม็กซิโกในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2022
ซึ่งหากสามารถเอาชนะได้อีกหนึ่งนัดก็มีโอกาสผ่านเข้าสู่รอบต่อไปสูง แต่หากฟอร์มหลุด ไม่มีแต้มกลับมาก็จะน่าเสียดายโอกาสเพราะเกมกับทีมชาติอาร์เจนติน่าดูจะเป็นเกมที่ยากที่สุดแล้วของทางทีมชาติซาอุดิอาระเบีย
จากนี้ไป ทีมชาติซาอุดิอาระเบียน่าจะได้รับแรงใจมากมายจากแฟนฟุตบอลในทวีปเอเชียและทั่วโลก เราอาจได้เห็นแจ็คผู้ฆ่ายักษ์จากเอเชียทีมนี้ไปได้ไกลถึงรอบน็อคเอ้าท์ก็เป็นได้ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันครับ
เรื่อง: ธิษณา ธนคลัง (แฟนพันธุ์แท้เอเชียนเกมส์)
ภาพ: Getty Images