01 ธ.ค. 2568 | 19:12 น.

KEY
POINTS
หากบอกว่าฝั่งสหรัฐอเมริกาจะมี ‘American First’ ฝั่งแดนอาทิตย์อุทัยก็มี ‘Japan First’
นโยบายที่อนุมานได้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนญี่ปุ่นต้องมาก่อน เพื่อให้คนญี่ปุ่นได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในบ้านเมืองของตัวเอง
และนักการเมืองญี่ปุ่นคนหนึ่งที่เชื่อแบบนั้น ก็คือ ‘มิซุโฮะ อุเมมุระ’ (Mizuho Umemura) สมาชิกวุฒิสภาและคณะกรรมาธิการด้านสาธารณสุข สวัสดิการ และแรงงานของรัฐสภา
ซึ่งสิ่งที่เธอเชื่อก็อาจไม่ใช่สิ่งที่คนที่ญี่ปุ่นทั้งประเทศเชื่อ…
เพราะตามรายงานข่าวล่าสุด อุเมมุระคือนักการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างสุสานแบบดั้งเดิมในญี่ปุ่นเพิ่ม เพราะมองว่าการมีสุสานมากเกินไปอาจก่อให้เกิดปัญหาเรื่องภัยพิบัติ แม้จะเป็นการค้านหลักศรัทธาของชาวมุสลิมที่จะต้องฝังศพเท่านั้น ทำให้เธอได้รับเสียงวิจารณ์จากในประเทศและทั่วโลก
ทั้งหมดเป็นเพราะเธอเชื่อมาเสมอว่า คนญี่ปุ่นต้องมาก่อน เและคนญี่ปุ่นจำเป็นต้องใช้ชีวิตได้ดีและปลอดภัยในประเทศตัวเอง
อุเมมุระเป็นเด็กหญิงที่เกิดในเมืองนาโกย่า แต่เธอมักจะเปลี่ยนที่อยู่ไปยังเมืองต่าง ๆ ตามงานของพ่อ ไม่ว่าจะเป็นเมืองเอฮิเมะ ยามากูชิ ชิกะ หรือโทยามะ และที่สำคัญ เธอบอกว่าตัวเอง คือ ‘ลูกของศาสนา’ หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า ‘ชูเกียว นิเซ’ (宗教2世 )
หมายความว่า เธอเป็นเด็กที่เกิดและเติบโตในครอบครัวที่พ่อแม่เป็นผู้ศรัทธาในศาสนาหรือลัทธิใดลัทธิหนึ่ง ซึ่งเธอไม่มีโอกาสเลือกศาสนาของตัวเอง และไม่มีข้อมูลเปิดเผยชัดเจนว่าบ้านของเธอนับถือลัทธิใด
แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนที่สุด คือ การที่เธอยังจำได้ว่า ความรักของพ่อแม่เริ่มจางหายไป แต่กลับมอบศรัทธาทั้งหมดให้กับเทพเจ้าองค์หนึ่ง
บ้านที่เคยอบอุ่นก็ค่อย ๆ พังทลายลง พื้นที่ที่พ่อแม่มองว่าศักดิ์สิทธิ์กลับเป็นพื้นที่แห่งความเศร้าและโดดเดี่ยวของลูก
“การกำหนดเพดานในการบริจาค หรือสร้างระบบให้คำปรึกษาเป็นเรื่องสำคัญ แต่พื้นที่แห่งความศักดิ์สิทธิ์ของพ่อแม่ บางครั้งกลับเป็นนรกสำหรับเด็ก เพราะมันละเมิดหัวใจ ร่างกาย และชีวิตของคนคนหนึ่ง รวมถึงบดขยี้ความสุขเล็ก ๆ ในครอบครัวให้ย่อยยับ” เธอพูดในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อปี 2022
ไม่มีใครรู้ว่าการส่งศรัทธาทุกอย่างให้กับเทพเจ้าในบ้านของอุเมมุระมีจุดสิ้นสุดอย่างไร แต่เธอก็ผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้
เธอเรียนจบมัธยมที่โรงเรียนคุเระชะ จังหวัดโทยามะ หลังจากนั้น เธอเรียนต่อปริญญาตรีคณะอักษรศาสตร์ เอกวรรณคดีญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยริตสึเมย์คัง (Ritsumeikan University) ใช้ชีวิตในบทบาทของนักศึกษาและสมาชิกชมรมกระจายเสียงของมหาวิทยาลัย
อาชีพแรกของะมุระ คือ การเป็นพนักงาน ‘JTB Corporation’ บริษัทท่องเที่ยวชื่อดังของญี่ปุ่น ก่อนจะผันตัวไปเป็นผู้ประกาศข่าวและพิธีกรอิสระอยู่ในภูมิภาคคันไซ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของประเทศ เธอเป็นทั้งผู้สื่อข่าวไลฟ์สไตล์ ผู้สื่อข่าวทั่วไป และนักบรรยาย
ปี 2017 เธอเปิดคลาสสอนการพูดในที่สาธารณะ โดยเฉพาะการพูดนำเสนองานและการนำเสนอธุรกิจ นอกจากนี้ เธอยังเป็นอาจารย์พิเศษวิชา Presentation Theory ที่มหาวิทยาลัยเกียวโต ทาชิบานะ (Kyoto Tachibana University)
มากกว่านั้น เธอยังเป็นแม่ของลูก ๆ สองคน ผู้เป็นแรงดาลใจให้ มิซุโฮะ ะมุระตัดสินใจเดินทางเข้าเส้นทางการเมือง เพื่อให้ ‘ญี่ปุ่น’ เป็นดินแดนที่คนรุ่นต่อไปสามารถเติบโตอย่างปลอดภัย มีความสุข และหวงแหนบ้านเกิดของตัวเอง
เส้นทางอาชีพที่หลากหลายของะมุระ ทำให้การเมืองที่เคยไกลตัว ใกล้ตัวมากขึ้น และอยากสร้างการเปลี่ยนแปลง และสร้างโลกที่น่าอยู่ให้กับคนรุ่นถัดไป
เธอเริ่มจากการสอนการสื่อสารสำหรับเด็ก เพราะอยากให้เด็ก ๆ กล้าเล่าปัญหาของตัวเองออกมา บวกกับการทำงานเป็นผู้สื่อข่าวที่เจอข่าวสารทุกวัน ทำให้เธอตัดสินใจเดินเข้าถนนการเมือง
“ก่อนมีลูก ฉันแทบไม่ได้สนใจการเมืองเลย แต่ตอนนี้ฉันมีลูกอายุ 5 และ 7 ปี และฉันเริ่มคิดว่า ‘เมื่อเด็ก ๆ โตขึ้น ญี่ปุ่นตอนนั้นจะดีพอสำหรับเขาไหม นี่คือเหตุผลที่ทำให้ฉันเลือกลงสมัคร
“ความไม่แน่นอนรอบตัวเด็กทำให้ฉันกังวลมาก เช่น การที่ AI อาจเข้ามาแทนที่งาน หรือความเสี่ยงจากอาชญากรรมในโซเชียลมีเดีย ความกังวลเหล่านี้ไม่ใช่ของฉันคนเดียว แม่หลายคนก็รู้สึกเหมือนกัน ดังนั้นเราต้องสร้างญี่ปุ่นให้เป็นประเทศที่เด็ก ๆ สามารถอยู่ได้อย่างปลอดภัยด้วยตัวเอง”
ปี 2019 เธอได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้สมัครของพรรคญี่ปุ่นนวัตกรรม (Nippon Ishin no Kai) ในการเลือกตั้งวุฒิสภาเขตโอซาก้า และผลลัพธ์คือเธอได้รับเลือกเข้าสู่สภาเป็นสมัยแรก ในฐานะคณะกรรมาธิการด้านการคลังและการเงิน
แต่จริง ๆ แล้ว นโยบายที่เธอต้องการผลักดัน คือ เรื่องทักษะการสื่อสาร ทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องระดับชาติ ทลายภูเขาน้ำแข็งที่ก่อตัวในใจเด็กให้ได้
นอกจากนี้ เธอยังเป็นหนึ่งคนที่อยากจะทำให้คุณภาพชีวิตคนญี่ปุ่นดีขึ้น ตลอดการเป็นสมาชิกรัฐสภา อุเมมุระมีบทบาทเด่นในการหาเรียกร้องนโยบายด้านสังคมและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ชื่อของเธอเป็นที่รู้จักจากการอภิปรายประเด็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น การปฏิรูปการจัดการคดีบุคคลข้ามชาติ และสิทธิของแรงงานต่างชาติ
อาจสรุปได้ง่าย ๆ ว่า เธอเชื่อในคนญี่ปุ่นและอยากสร้างสังคมที่คนญี่ปุ่นสามารถใช้ชีวิตอย่างสบายใจและปลอดภัย
อุเมมุระ คือ คนที่เรียกร้องการลดภาษีของประชาชน ผลักดันกฎหมายควบคุมการถือครองที่ดินโดยชาวต่างชาติ แก้ปัญหาผู้ที่อยู่ผิดกฎหมายให้กลับประเทศ ไปจนถึงการจัดการปัญหาการท่องเที่ยวเกินพิกัด (over-tourism) เพื่อให้คนญี่ปุ่นสามารถใช้พื้นที่สาธารณะและวัฒนธรรมของตัวเองได้
เพราะสำหรับเธอ คนญี่ปุ่นต้องมาก่อน และหวังว่าญี่ปุ่นจะเป็นเมืองที่พลเมืองมีความสุขและรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของประเทศไปพร้อมกัน
ถึงจะเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ได้รับเสียงปรบมือมาตลอด แต่ปี 2023 อุเมมุระต้องเผชิญกับเสียงวิจารณ์จากสังคมเป็นครั้งแรกจากกรณีที่ ‘รัทนยากี ลิยานาเก วีชมา แซนดามาลี’ หญิงชาวศรีลังกาคนหนึ่งเสียชีวิตโดยไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้ในด่านคนเข้าเมืองของญี่ปุ่น หลังจากเธอถูกกักตัว เนื่องจากอยู่ญี่ปุ่นเกินวีซ่า
ทั้ง ๆ ที่อุเมมุระเป็นคนผลักดันนโยบายเรื่องการจัดการคดีคนข้ามชาติ แต่เธอกลับตั้งข้อสันนิษฐานไปเองว่า เธอต้องการอดอาหารประท้วง โดยไร้หลักฐาน ทำให้ต้นสังกัดเรียกร้องให้เธอออกมาขอโทษและลาออกจากตำแหน่ง
ไม่นาน เธอก็ออกมาขอโทษ รับผิดว่า สิ่งที่เธอพูดเป็นเพียงการคาดเดา แม้เหตุการณ์นี้จะสร้างความไม่พอใจแก่ประชาชนและสมาชิกพรรคอื่น ๆ แต่เธอยังคงดำรงตำแหน่งส.ส.วุฒิสภาต่อมาได้
แล้วเดินหน้าต่อในฐานะนักการเมืองด้วยการเปลี่ยนพรรค ย้ายไปอยู่กับพรรคซังเซโต ลงสมัครระบบบัญชีรายชื่อ ผลปรากฎว่า เธอชนะการเลือกตั้งเข้ามาทำงานในสภาได้อีกครั้ง
ความสำเร็จครั้งนี้ ทำให้ประธานพรรคพรรคซังเซโตออกมายกย่องว่าเธอเป็นเทพีแห่งชัยชนะที่ช่วยทำให้พรรคคว้าชัยมาได้
แม้พายุลูกแรกจะผ่านไป อุเมมุระก็ยังเดินหน้าต่อบนถนนการเมืองด้วยบทเรียนและประสบการณ์ที่ทำให้เธอเข้มแข็งขึ้น ยอมรับความผิดพลาด น้อมรับทุกเสียงวิจารณ์เพื่อสร้างอนาคตที่เธอเชื่อว่าจะเปลี่ยนแปลงมันด้วยตัวเธอเองได้
ตอนนี้อุเมมุระดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา และเป็นคณะกรรมาธิการด้านสาธารณสุข สวัสดิการ และแรงงาน แต่เธอกลับถูกวิจารณ์อีกครั้ง
วันที่ 27 พฤศจิกายน 2025 ระหว่างที่สภากำลังถกประเด็นเรื่องการจัดการสุสานและพิธีศพในญี่ปุ่น เนื่องจากปัจจุบันอัตราฌาปนกิจในญี่ปุ่นสูงถึง 99.98% ส่วนการฝังศพมีส่วนน้อยมาก แม้ว่าญี่ปุ่นจะไม่เคยมีกฎหมายห้ามฝังศพก็ตาม แต่เกือบทุกกรณีที่มีการฝังศพ จะเป็นทารกที่ตายก่อนกำหนดหรือกรณีพิเศษอื่น ๆ
เธอพูดต่อว่า จริง ๆ แล้ว โอกาสที่คนทั่วไปจะฝังศพแบบดั้งเดิมแทบไม่มีเลย ดังนั้น ญี่ปุ่นในปัจจุบันจึงไม่มีความจำเป็นต้องขยายสุสานสำหรับฝังศพแบบดั้งเดิม
ซึ่งสวนทางกับหลักของชาวมุสลิมที่จะต้องฝังศพตามพิธีศาสนาอิสลามที่มีเงื่อนไขตามหลักศาสนา เธอยังบอกอีกว่า การมีสุสานอาจทำให้เกิดความเสี่ยงเรื่องภัยพิบัติ อุเมมุระจึงเสนอว่า ถ้าคนต่างชาติ รวมถึงมุสลิมต้องการจะใช้ชีวิตและจบชีวิตในญี่ปุ่นก็ควรยอมรับธรรมเนียมญี่ปุ่น และอาจพิจารณาให้มีการส่งร่างกลับประเทศต้นทาง
“ญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องมีสุสานแบบฝังดินเพิ่ม ฉันขอเรียกร้องให้มีการเมืองที่ให้คนญี่ปุ่นเป็นอันดับแรก” คำพูดปิดการอภิปรายของมิซุโฮะ อุเมมุระ
ประเด็นของอุเมมุระถูกวิพากษ์ว่าเป็นการปฏิเสธสิทธิทางศาสนาและวัฒนธรรมของชาวมุสลิม เพราะปัจจุบันสุสานของชาวมุสลิมในญี่ปุ่นก็มีค่อนข้างจำกัดอยู่แล้ว และถ้าไม่เพิ่มจำนวนสุสานก็ถือเป็นการผลักมุสลิมให้กลายเป็นคนนอก
.
เส้นทางการเมืองของอุเมมุระสะท้อนความตั้งใจที่จะปกป้องผลประโยชน์ของคนญี่ปุ่นไว้อย่างสุดหัวใจ และพยายามจะปิดรอยรั่วเรื่องความแตกต่างของสิทธิทางศาสนาและวัฒนธรรมของชุมชนต่างชาติ
ทว่า เมื่อขึ้นชื่อว่าการเมืองและการเป็นตัวแทนของประชาชน ทุกอย่างจึงไม่ได้ง่ายหรือโรยด้วยกุหลาบตามภาพฝัน เพราะขณะที่เรากำลังปกป้องผลประโยชน์ของคนในชาติ เราอาจกำลังทิ้งคนบางกลุ่มไว้กลางทาง โดยไม่รู้ตัว
ภาพ : Capture จากคลิปการแถลงในสภาของอุเมมุระเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2025
อ้างอิง
参政党・梅村みずほ議員に聞く!「日本人ファースト」で目指す政策とは?/ say-g
【梅村みずほ】の家族〜一般人夫との間に子供が2人…実家の父と母と姉について / kagerou-kazoku
梅村みずほがかわいいけど年齢やプロフィールは?経歴や家族構成も気になる / haruhaya
【参院選2019 大阪選挙区】「子供たちが安心して暮らせる日本を」梅村みずほ候補(日本維新の会)/ ritsumeikan univ press
2025.11.27 厚生労働委員会・質疑 梅村みずほ / 参議院議員 梅村みずほの【梅チャン】
Inquest panel rules death of Wishma should be reinvestigated / The Asahi Shimbun