20 ต.ค. 2568 | 22:11 น.
KEY
POINTS
ปัญหาพรมแดนถือเป็นเรื่องสำคัญที่ ‘รัฐ’ ต้องเข้ามาจัดการ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคงและมีความสุข
ขณะที่ประเทศไทยกำลังถกเถียงกันเพื่อหาทางออกอย่างสันติสำหรับทุกฝ่าย เกาหลีใต้กลับเลือกที่จะส่งทีมเจรจาเพื่อยุติปัญหาและโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับประชาชนของตนอย่างเร่งด่วน
และผู้นำของทีมเจรจาที่ทั่วโลกจับตามองในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ ‘คิมจีนา’ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศคนที่ 2 ของรัฐบาลอีแจมยอง
แทนที่จะอาศัยการเจรจาผ่านจดหมายหรือโทรศัพท์ แต่เธอตัดสินใจเดินทางไปยังกัมพูชาเพื่อหาข้อตกลงอย่างสันติร่วมกับสมเด็จฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาด้วยตัวเอง
เพราะสำหรับเธอ ผลประโยชน์ของประเทศคือสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือประชาชนที่มอบความไว้วางใจให้เธอเข้าไปแก้ปัญหา และสร้างความมั่นใจว่า พวกเขาจะไม่ถูกทอดทิ้งเมื่อเผชิญภัยนอกพรมแดน
ถึงแม้จะไม่ได้มีข้อมูลชัดเจนว่า คิมจีนาเข้ามาสนใจศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตั้งแต่ตอนไหน แต่เมื่อดูจากประวัติการศึกษาของเธอ อาจบอกได้ว่า ผู้หญิงคนนี้ตกหลุมรักในศาสตร์นี้มาอย่างต่อเนื่อง
ระดับปริญญาตรี คิมจีนาเรียนจบด้านวรรณกรรมภาษาอังกฤษและรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยปูซาน ต่อด้วยการเรียนปริญญาโทด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยยอนเซ ก่อนจะคว้าปริญญาเอกด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจาก The Fletcher School of Law and Diplomacy มหาวิทยาลัยทัฟท์ส์ (Tufts University) ประเทศสหรัฐอเมริกา
หลังเรียนจบไม่นาน เส้นทางการเป็นนักการทูตก็เริ่มต้นขึ้น คิมจีนาทำงานเป็นนักวิจัยและหัวหน้าฝ่ายวิจัยด้านกองทัพเกาหลีเหนืออยู่ที่สถาบันวิเคราะห์ป้องกันประเทศเกาหลี (Korea Institute for Defense Analyses - KIDA)
เธอทำงานเป็นนักวิจัยต่อเนื่องมา 9 ปี กระทั่งปี 2021 เธอก็เข้าเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาภาษาและการทูตมหาวิทยาลัยภาษาและการต่างประเทศแห่งเกาหลี (HUFS: Hankuk University of Foreign Studies) และได้รับแต่งตั้งเป็นคณบดีในเวลาต่อมา
ซึ่งตลอดช่วงเวลาการทำงานในบทบาทของนักวิจัย ผลงานของคิมจีนาก็ค่อนข้างโดดเด่น นอกจากนักคิด เธอก็เป็นนักเขียนที่เชี่ยวชาญเรื่องความมั่นคงของประเทศ
ยกตัวอย่างเช่น North Korean Nuclear Weapons Crisis หนังสือที่เธอเขียนในปี 2014 ว่าด้วยการวิเคราะห์วิกฤตการณ์นิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ในเชิงการพัฒนาอาวุธและทดสอบนิวเคลียร์ รวมถึงผลกระทบต่อความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลีและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ
รวมถึงเรื่อง US Policy toward North Korea: Change for the Future ที่เธอเพิ่งเขียนเผยแพร่เมื่อปี 2023 พานักอ่านสำรวจผลกระทบของนโยบายและการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์และรูปแบบการเจรจาของสหรัฐอเมริกาต่อเกาหลีเหนือที่อาจมีผลต่อความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลี
อีกทั้งยังเขียนร่วมเขียนหนังสือ The Sheathed Sword ที่กล่าวถึงการควบคุมนิวเคลียร์ยุคใหม่ภายใต้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและเขียนบทความทางวิชาการตีพิมพ์ในวารสารชั้นนำมากกว่า 50 เรื่อง เช่น Survival และ The Washington Quarterly เป็นต้น
ความเก่งและผลงานมากมาย ทำให้ชื่อของคิมจีนาเป็นที่รู้จักในแวดวง และยังสะท้อนความเป็นหญิงแกร่งที่ยืนหยัดในวงการความมั่นคงระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผู้ชายครองบทบาทหลักมาอย่างยาวนาน
ไม่เพียงแค่เป็นนักเขียน แต่ด้วยความรู้และประสบการณ์ทำให้เธอถูกเชิญไปเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการและที่ปรึกษาในเวทีระดับประเทศและเวทีโลก
เธอเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายของกระทรวงกลาโหมเกาหลี ดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการนโยบายด้านการทหารร่วมของกองทัพเกาหลี เป็นที่ปรึกษากองทัพอากาศและกองทัพบก และอยู่ในคณะกรรมการให้คำปรึกษาด้านนโยบายของกระทรวงการรวมชาติ (Ministry of Unification) และสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบประธานาธิบดี และเป็นสมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาของคณะอนุกรรมการประเด็นสันติภาพ-ปลอดอาวุธนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ (US-ROK Combined Forces Command)
บทบาทหน้าที่อันหลากหลายถือเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า คิมจีนาเก่งไม่แพ้ใครและมีความเชี่ยวชาญรอบด้านทั้งการทหาร การต่างประเทศ และความมั่นคงระหว่างประเทศ ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้โอกาสบนถนนการเมืองของเธอเริ่มต้นขึ้น
เดือนมิถุนายน 2025 อีแจมยอง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้แต่งตั้งให้เธอเป็นรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ (Second Vice Minister of Foreign Affairs) คนที่สอง ในวัยเพียง 46 ปี ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงรุ่นเยาว์คนหนึ่งของกระทรวง
แล้วในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุด เธอทำหน้าที่เป็นรองประธานคณะกรรมการด้านการทูตเชิงปฏิบัติเพื่อผลประโยชน์ของชาติของพรรคประชาธิปไตย
โดยทำเนียบประธานาธิบดีระบุว่า เธอคือนักวิชาการที่มีประสบการณ์มากมายและคาดหวังว่าเธอจะปกป้องผลประโยชน์ของชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“คิมจีนาเป็นนักวิชาการดาวรุ่งที่มีประสบการณ์หลากหลายและลึกซึ้ง เธอเคยเป็นที่ปรึกษากองบัญชาการผสมเกาหลี–สหรัฐฯ และเป็นชาวเกาหลีคนที่ 3 ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาโดยตรงต่อเลขาธิการสหประชาชาติ
“เราเชื่อว่าเธอจะสามารถปกป้องผลประโยชน์ของเกาหลีใต้ในเวทีระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ในวันที่เธอสาบานตนเธอก็ยังคงยืนหยัดที่จะรักษาผลประโยชน์ของชาติด้วย ‘การทูตเชิงปฏิบัติ’ ตามนโยบายของประธานาธิบดี คือ ยืดหยุ่นและมีอิสระ
เพราะเกาหลีใต้จะเป็นหน้าที่เชื่อมสะพานของประเทศที่แตกต่างเข้าด้วยกัน…
“การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน การสนับสนุนด้านมนุษยธรรม การพัฒนาระหว่างประเทศ และการแก้ปัญหาโลกร้อน เป็นองค์ประกอบสำคัญของความมั่นคงและสันติภาพในประชาคมโลก
“ซึ่งพวกเขาต้องการให้เกาหลีมีส่วนร่วมและช่วยแก้ปัญหาระดับโลกในฐานะสมาชิกที่รับผิดชอบในช่วงวิกฤตนี้ อีกทั้งการกระจายความสัมพันธ์ทางการทูตจะช่วยลดการพึ่งพาประเทศหรือภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งมากเกินไป และจะสามารถสร้างอิสระและความยืดหยุ่นในการทูตของเกาหลีใต้”
ช่วงปี 2023-2025 มีรายงานว่ามีชาวเกาหลีใต้ราว 1,000 คน เข้าไปพัวพันกับขบวนการหลอกลวงออนไลน์ในกัมพูชา ไม่ว่าด้วยความสมัครใจหรือถูกล่อลวงไป
แต่เหตุการณ์ที่ทำให้เกาหลีใต้เข้ามาแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังมาจากกรณีของ ‘พัคมินโฮ’ นักศึกษาชาวเกาหลีใต้ที่ถูกเพื่อนหลอกไปทำงานให้แก๊งคอลเซนเตอร์ที่เมืองกำปอดของกัมพูชาและถูกทารุณกรรมจนเสียชีวิตเมื่อเดือนสิงหาคม 2025 ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนเกาหลีและกดดันให้รัฐแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน
ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลให้ รัฐบาลเกาหลีใต้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจและเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วย ตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม และหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ โดยมี ‘คิมจีนา’ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศคนที่ 2 สตรีผู้เพิ่งขึ้นมานั่งตำแหน่งได้เพียง 4 เดือนเป็นหัวหน้าทีมเจรจา
รูปแบบการทำงานของคิมจีนาไม่ใช่การคุยผ่านโทรศัพท์หรือจดหมาย แต่เริ่มจากการตั้งโต๊ะศูนย์ช่วยเหลือสำหรับคนเกาหลีใต้ สั่งห้ามให้คนเกาหลีใต้ออกเดินทางมายังพื้นที่ของกัมพูชา และตัดสินใจเดินทางมากัมพูชาและเจรจาด้วยตัวเอง
16 ตุลาคม 2025 คิมจีนาเข้าพบสมเด็จฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อขอให้กัมพูชาดำเนินมาตรการที่เข้มงวดขึ้นในการปราบปรามขบวนการแก๊งต้มตุ๋นออนไลน์ข้ามชาติ ซึ่งเธอระบุว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงของมนุษย์ และจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระดับนานาชาติในการแก้ไขปัญหานี้
เวลาต่อมา สมเด็จฮุน มาเน็ตก็ออกมาแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียของพัคมินโฮและจะพยายามดูแลความปลอดภัยของคนเกาหลีใต้ในกัมพูชามากขึ้น
ส่วนทางคิมจีนาก็ควบคุมชาวเกาหลีใต้ 64 คนกลับประเทศพร้อมตั้งข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการหลอกลวงออนไลน์
เมื่อเดินทางกลับมาถึงสนามบินอินชอนในวันที่ 18 ตุลาคม 2025 เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อสั้น ๆ ว่า “รัฐบาลของเราจะสร้างและใช้ระบบที่มีประสิทธิภาพในการกวาดล้างขบวนการที่มุ่งหลอกชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชาอย่างเต็มที่”
การทำงานอย่างรวดเร็วและแก้ไขปัญหาของทีมทำงานที่นำโดย ‘คิมจีนา’ คือ ภาพสะท้อนว่า เมื่อชีวิตและความปลอดภัยของพลเมืองถูกคุกคาม รัฐมีหน้าที่แก้ไขปัญหา เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและความมั่นคงของประเทศ
โดยไม่ปล่อยให้เรื่องเหล่านี้ผ่านไปตามกาลเวลาจนเราอาจหลงลืมว่า ครั้งหนึ่งเรื่องราวนี้เคยสร้างบาดแผลและความเจ็บปวดให้ใครไว้บ้าง
ภาพ : Reuters, Ministry of Foreign Affairs Korea
อ้างอิง
[프로필]김진아 외교부 2차관…다자외교 정통한 학자 출신 / newsis
새 정부 외교라인 윤곽…1·2차관에 박윤주·김진아 / nocutnews
캄보디아 경찰 “사기 가담 한국인 59명 내일 추방” / donga
Kim Jina / Ministry of Foreign Affairs Korea
KIM Jina / ASIA-PACIFIC LEADERSHIP NETWORK
Death of kidnapped South Korean student spurs talks with Cambodia to tackle online scams / AP News
S Koreans return from Cambodia to face scam case / TAIPEI TIMES