svasdssvasds
logo-pwa

เพิ่ม Thepeople

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด

ชีวิต ‘ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ’ หนุ่มเข้มแห่งการเมืองไทย สุดแค้นแสนรักของ พล.อ. ประยุทธ์

ชีวิต ‘ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ’ หนุ่มเข้มแห่งการเมืองไทย สุดแค้นแสนรักของ พล.อ. ประยุทธ์

‘ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ’ นักการเมืองหนุ่ม(มาด)เข้มของไทย เกิดในครอบครัวฐานะไม่ดีนัก เติบโตจนมามีทรัพย์สินมากมาย และเข้าสู่เส้นทางการเมือง เคยอภิปรายพล.อ. ประยุทธ์ อย่างดุเดือด ก่อนย้ายมาร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติร่วมกับพล.อ. ประยุทธ์

  • ‘ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ’ ถูกจดจำจากภาพลักษณ์มาดเข้ม และการอภิปรายพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แบบดุเดือด
  • ก่อนหน้าเลือกตั้ง 2566 ศรัณย์วุฒิ กลับซบพรรครวมไทยสร้างชาติร่วมกับพล.อ. ประยุทธ์ 

การย้ายพรรคการเมืองนั้นเป็นธรรมดาของวิถีทางการเมือง แต่บางดีลกลับสร้างความประหลาดใจให้กับสังคม

‘ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ’ คือหนึ่งในดีลที่ทำให้เกิดความสับสนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะซีนที่ก้าวเข้าสู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตผู้นำเผด็จการที่สืบทอดอำนาจที่ศรัณย์วุฒิ เคยอภิปรายอย่างเผ็ดร้อน

ภาพศรัณย์วุฒิคุกเข่าลงกราบขอขมาประยุทธ์ โดยพล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่โกรธไม่เคือง เข้าใจว่าการเมืองคือการเมือง” น่าจะกลายเป็นหนึ่งในภาพการเมืองของปีนี้

ด้วยบุคลิกที่จดจำง่ายทั้ง หนวดดก คิ้วเข้ม และตาที่เหมือนหลุดมาจากโลกแห่งซีจี ทำให้ ส.ส.อุตรดิตถ์ ที่มีการย้ายพรรคอยู่เนือง ๆ คนนี้เป็นที่จดจำในยุคหลัง ๆ โดยเฉพาะเมื่อครั้งสังกัดพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง 2562 ในวันเปิดรับสมัครส.ส. 

ครั้งนั้น ศรัณย์วุฒิ ลงสมัครในเขตที่ 2 แต่งตัวเป็นขุนศึกคู่ใจพระยาพิชัยดาบหัก ขี่ม้าจากรถมาที่บริเวณด้านหน้าสำนักงาน กกต. พร้อมผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง ซึ่งพระยาพิชัยดาบหักนั้นเป็นคนอุตรดิตถ์ และไม่เคยคิดคดทรยศต่อพระเจ้าตากสินมหาราช ไม่เป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนาย โดยครั้งนั้นศรัณย์วุฒิ ถึงกับชูดาบประกาศว่า “จะปราบเผด็จการให้สิ้น”

แต่เดิมที ศรัณย์วุฒิ ไม่ได้เป็นคนอุตรดิตถ์ เขาเกิดที่สำเพ็ง เยาวราช โดยเกิดในครอบครัวจีนแต้จิ๋ว เกิดมาในครอบครัวยากจน และค่อย ๆ สร้างตัวขึ้นมาจนมีสินทรัพย์เมื่อเปิดเผยชี้แจงกับ กกต. สูงถึง 221 ล้านบาท

โดยเฉพาะบริษัท ฟูจิเอเชีย จำกัด ที่มีธุรกิจบต่อตัวถังทุกชนิด ผลิต ซ่อมแซม บำรุงรักษาอุปกรณ์ช่วงล่างของรถทุกชนิด ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของตระกูล “ศรัณย์เกตุ” และที่น่าสนใจคือในบริษัทดังกล่าวมี พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตผู้บัญชาการทหารบก และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั่งเป็นกรรมการด้วย

ในโลกของการเมือง ศรัณย์วุฒิ เริ่มต้นเส้นทางกับพรรคไทยรักไทยในปี 2544 ตามคำเชิญชวนของ กฤษณา สีหลักษณ์ ทายาทเสี่ยสุนันท์ สีหลักษณ์ กลุ่มใหญ่ทุนเมืองลับแลอุตรดิตถ์ ที่ตัดสินใจลงสมัครที่อุตรดิตถ์เพราะเป็นคำขอร้องของบิดาศรัณย์วุฒิ ที่มีธุรกิจเจ้าของเหมืองแร่ซีโอไลต์ และมีความชื่นชอบ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นคนรุ่นใหม่ในการเมืองขณะนั้น ศรัณย์วุฒิ ได้รับการเลือกตั้งแต่กลับถูกใบแดงจนทำให้อดเป็น ส.ส.สมัยแรก

แต่เขายังหมายมั่นปั้นมือในเวทีการเมือง กลับมาสู้ศึกเลือกตั้งในปี 2548 และก็สมหวังได้เป็นผู้แทนสมใจ ในวันที่พรรคไทยรักไทยประกาศความยิ่งใหญ่แลนด์สไลด์ครั้งแรก ด้วยการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว แต่ว่าชะตากรรมก็พาเขาระหกระเหินอีกครั้ง หลังเกิดการรัฐบาลโดยคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) นำโดย พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกขณะนั้น และนำไปสู่การยุบพรรคไทยรักไทย จึงย้ายไปสังกัดรวมใจไทยชาติพัฒนาแต่กลับสอบตกในพื้นที่เดิมของตัวเอง

จากนั้นเมื่อถึงสมัยของพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เขากลับมาสังกัดเพื่อไทยและได้เข้าสู่สภาอีกครั้ง ก่อนที่จะเป็นนกรู้เมื่อภัยมาใกล้ถึงตัวหลังการยุบสภาเขาย้ายไปสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อลงเลือกตั้งในช่วงชัทดาวน์กรุงเทพฯของกลุ่มกปปส. ที่ปูทางไปสู่การรัฐประหาร

ศรัณย์วุฒิ ได้รับการเลือกตั้งแต่การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ถูกประกาศเป็นโมฆะ และนั่นเป็นครั้งแรกที่ชะตาของ “ศรัณย์วุฒิ - ประยุทธ์” โคจรมาพบกัน เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ ผู้บัญชาการทหารบกขณะนั้นทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการพรรคเพื่อไทย

จนมีโอกาสกลับมาสู่การเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2562 ในสีเสื้อพรรคเพื่อไทยทำให้ศรัณย์วุฒิ ถึงฝั่งฝันได้เข้าสภาคำรบที่ 3

ครั้งนี้ ศรัณย์วุฒิถือว่า เป็นตัวอภิปรายตัวชนของพรรคเพื่อไทย โดยเน้นจัดหนักไปที่พล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในปี 2563 ที่ดุเด็ดเผ็ดมัน ทั้งประเด็น การเปิดโปงเรื่องทุจริต ทั้งเรื่องการต่อสัมปทานของบริษัทฟิลลิป มอร์ริส การเอื้อประโยชน์ให้เอกชน และการจัดซื้อรถถังสมัยเป็นผู้บัญชาการทหารบก โดยใช้เวลาอภิปรายติดต่อกัน 3 ชั่วโมง ที่กลายเป็นซีนคลาสสิกดุจหนังคาวบอยตะวันตก เพราะมีการท้าดวลปืนกัน  ศรัณย์วุฒิ อภิปรายว่า

“พรุ่งนี้นายกฯ ไปที่หน้าวัดพระแก้วกับผม เราจะได้รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราเตรียมกระสุนไปคนละนัดต่างคนต่างแลกยิงกันดูเลย เพื่อพิสูจน์ความจงรักภักดี เอาอย่างนั้นเลยนะครับ”

ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ประธานที่ประชุมถึงกับต้องออกมาเบรกความร้อนแรง สำหรับคอการเมืองคงเชื่อว่า ในชีวิตนี้สองคนนี้คงไม่มีทางญาติดีกันแน่นอน แต่แล้วก็มีเหตุให้ศรัณย์วุฒิ ต้องถูกขับพ้นพรรคเพื่อไทยในปี 2564 หลังจากที่ศรัณย์วุฒิ โหวตสวนมติพรรค และยังให้สัมภาษณ์กล่าวหาพรรคเพื่อไทยผ่านทางหน้าสื่อหลายครั้ง ท้ายที่สุด เพื่อไทยขับศรัณย์วุฒิ ออกจากพรรคโดยให้เหตุผลว่า

“มีพฤติการณ์กล่าวหาพรรคและผู้บริหารของพรรคด้วยการแถลงต่อสื่อมวลชนหลายครั้งติดต่อกัน อันมีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อพรรค เป็นการทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของพรรค ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพรรคอย่างร้ายแรง การกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ.2561”

มีผู้ลงคะแนนเห็นด้วยกับมติกรรมการบริหารพรรค 131 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง จนถูกขับพ้นพรรคเป็นการปิดฉากการร่วมงานของศรัณย์วุฒิและพรรคที่เป็นมรดรกของทักษิณครั้งที่ 3 แต่หลังจากพเนจรไม่นาน ก็เข้าสู่พรรคเพื่อชาติ และได้รับการเลือกตั้งภายในพรรคเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ แต่อยู่ได้เพียงปีเดียวก็เกิดปัญหา 

ทางพรรคออกมาเปิดเผยว่าศรัณย์วุฒิ มีปัญหาขัดแย้งหลายเรื่องกับคนในพรรคโดยไม่ยอมร่วมกิจกรรมของพรรค ไม่เข้าประชุมพรรค ไม่ยอมเซ็นเอกสารใด ๆ ติดต่อไม่ได้ ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างอย่างมากต่อการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรค

ทางคณะกรรมการบริหารพรรคจึงตัดสินใจลาออกยกชุดเพื่อให้พรรคสามารถเดินหน้าดำเนินการเตรียมการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคต่อไปได้ ซึ่งนายศรัณย์วุฒิ ก็ยื้อด้วยการรักษาสถานสมาชิกพรรคไว้ เพื่อใช้สิทธิ์ส.ส. ก่อนจะลาออกหลังประกาศยุบสภา และพลิกขั้วไปซบพรรครวมไทยสร้างชาติ

จริง ๆ แล้วนายศรัณย์วุฒิ ก็วางตัวทายาททางการเมืองคนหนึ่งคือ จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ และไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ปูทางให้ลูกสาวอีกคนเข้าสู่วงการการเมืองโดยศรัณย์วุฒิ ยังกล่าวถึงวันที่พาตัวเองและลูกสาวไปสมัครเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติว่า

“พล.อ. ประยุทธ์ มีเอกลักษณ์คล้าย ๆ กับป๋าเปรม มีความซื่อสัตย์ มีความจงรักภักดี โอกาสจะเป็นรัฐบุรุษก็เป็นได้ โอกาสที่เหลือ 2 ปี พล.อ. ประยุทธ์ทำอะไรได้เยอะ สุดท้ายหลังจาก พล.อ. ประยุทธ์ ทำงานครบ 2 ปี ผลงานและความดีที่ปรากฏขึ้นประชาชนจะแซ่ซ้อง ประชาชนจะขอให้ท่านอยู่ต่อ นี่คือความเป็นไปได้ แต่ทั้งหมด ผลงานจะเป็นเครื่องพิสูจน์”

ซึ่งกาลเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าศรัณย์วุฒิ จะอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติและพล.อ.ประยุทธ์ ได้นานแค่ไหน แต่อาจจะเรียกได้ว่า เป็นความสัมพันธ์ที่ทั้งรักทั้งชัง

จากวันที่ท้าดวลปืน ถึงวันคุกเข่าขอขมา การเมืองนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรแน่นอนโดยแท้จริง

 

เรื่อง: พิเชฐ ยิ่งเกียรติคุณ

ภาพ: พรรครวมไทยสร้างชาติ/Facebook

อ้างอิง:

กรุงเทพธุรกิจ

ผู้จัดการออนไลน์

PPTV

ไทยรัฐ