‘เจ๊แดง’ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ซูสี(เพื่อ)ไทยเฮา ตัวจริงหลังม่านการเมือง

‘เจ๊แดง’ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ซูสี(เพื่อ)ไทยเฮา ตัวจริงหลังม่านการเมือง

จากซูสีไทเฮาแห่งราชสำนักจีน สู่ ‘ซูสี(เพื่อ)ไทยเฮา’ หลังม่านการเมืองไทย บทบาทที่ไม่เคยปรากฏบนเวที แต่กำหนดทิศทางพรรคและอำนาจมาอย่างยาวนานของ ‘เจ๊แดง’ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ผู้หญิงที่ขับเคลื่อนเครือข่ายการเมืองภาคเหนือ และยังคงเป็นชื่อที่การเมืองไทยไม่อาจมองข้าม

KEY

POINTS

ตามประวัติศาสตร์ของจีน ในยุคโบราณก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระราชอำนาจหลังม่านไม้ไผ่นั้นอยู่ที่สตรีสูงศักดิ์ ‘ซูสีไทเฮา’

บทบาทในกลเกมราชสำนัก การเมือง การชักใยอยู่เบื้องหลัง ‘ฮ่องเต้ยุวกษัตริย์’ ของนาง ทำให้เกิดความวุ่นวายโกลาหลกลียุค และนำไปสู่การปฏิวัติโค่นล้มบัลลังก์มังกรที่สืบทอดกันมานับพันปี ทำให้เราเห็นว่าไม่ว่าอำนาจยิ่งใหญ่เพียงใดก็สามารถล่มสลายได้ด้วย ‘การเมืองภายใน’

และหากพูดถึง ‘สตรีที่ทรงอิทธิพลทางการเมืองมากที่สุดคนหนึ่งของไทย’ ไม่มีใครเกินผู้หญิงตัวเล็กแต่บ้านใหญ่อย่าง ‘เจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์’ เจ้าแม่แห่ง ‘วังบัวบาน’ ที่ยืนยงมาตั้งแต่สมัยยุคพี่ชาย ‘ทักษิณ ชินวัตร’ เริ่มก่อตั้งพรรคไทยรักไทย 

กำเนิดเจ้าแม่ ‘วังบัวบาน’

‘วังบัวบาน’ วังน้ำตกที่อยู่ในน้ำตกห้วยแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่พักผ่อนกลางธรรมชาติ หากแต่ถูกเลือกใช้เป็นพื้นที่เชิงสัญลักษณ์เพื่อแสดงศักยภาพ ‘พลังของพรรคทักษิณ’ ในสาขาภาคเหนือที่แผ่อิทธิพลไปยัง ลำปาง ลำพูน โดยมีเชียงใหม่ของเยาวภาเป็นศูนย์กลาง ถือว่าเป็นเครือข่ายขุมกำลังที่แข็งแกร่งแห่งหนึ่งในพรรค

แม้ช่วงหลังจะไปบัญชาการหลังม่าน แต่เมื่อเพื่อไทยเปิดชื่อของ ‘ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์’ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเยาวภา ชื่อของเจ๊แดงกลับมาเป็นที่จับจ้องอีกครั้ง ว่าในครั้งนี้จะกลับมามีอิทธิพลเหนือพรรคอีกครั้งหรือไม่ ทำไมชื่อของเธอจึงเป็นที่จับตาแทบเป็นเงาตามตัวลูกชาย หรือนี่คือ ‘ซูสี(เพื่อ)ไทยเฮา’ ตัวจริง (คำว่า ‘เฮา’ ในภาษาเหนือแปลว่า พวกเรา)

บุตรคนที่ 6 จาก 10 คน ของ ‘นายเลิศ ชินวัตร’ อดีตส.ส.เชียงใหม่ และนางยินดี จากสายเลือดเดียวกับสองอดีตนายกรัฐมนตรี เยาวภามีศักดิ์เป็นน้องสาวของทักษิณ และพี่สาวของยิ่งลักษณ์ ด้วยความเติบโตมาในครอบครัวที่ทำการค้าที่ส่งเสริมให้บุตรธิดามีโอกาสเข้าศึกษาต่อในระดับสูง เยาวภาเลือกเรียนด้านพยาบาลที่โรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัยแมคคอร์มิคเชียงใหม่

กามเทพเล่นกลแผลงศรรักให้พยาบาลสาวเหนือ กับหนุ่มใต้ที่ต้องมาประจำการตำแหน่งผู้พิพากษาจังหวัดเชียงใหม่อย่าง ‘สมชาย วงศ์สวัสดิ์’ ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมและนายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ของประเทศไทย 

ทั้งคู่มีบุตรรวมกัน 3 คน ซึ่งทั้งสามก็มีโปรไฟล์ที่ไม่ธรรมดา ลูกชายคนโตอย่าง ‘เชน ยศชนัน’ ก่อนที่จะก้าวมาเป็นแคนดิเดตนายกฯเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งปี 2569 ก็เป็นถึงรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ลูกสาวคนโต ‘เชียร์ ชิณณิชา’ เคยเป็นสส.พรรคเพื่อไทยมาแล้วในการเลือกตั้งปี 2554 และสูกสาวคนสุดท้องอย่าง ‘เชอร์รี่ ชยาภา’ หลายคนคุ้นหน้าจากการเป็นศิลปินออกอัลบั้ม ‘Secret C’  โดยครั้งนั้นคุณแม่ลงทุนเปิดค่ายเพลงเพื่อลูกสาวคนนี้ ก่อนที่จะเชื่อมสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชาโดยได้สมรสกับ ‘นัม ลีนาล’ ชาวกัมพูชา บุตรชายของ ‘เซียง นัม’ นักการเมืองของกัมพูชา คนสนิทของ ‘สมเด็จฮุนเซน’ ถึงแม้ตอนนี้จะมีการแยกทางกันแล้ว ทั้งหมดนี้ทำให้เห็นว่า ‘ตระกูลวงศ์สวัสดิ์’ กับ ‘การเมือง’ นั้นเป็นของคู่กันอย่างเข้มข้น

เยาวภาลงสมัครเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2544 โดยลงเขตเชียงใหม่บ้านเกิด ในช่วงแรกเธอเริ่มเก็บฐานคะแนนความนิยมในพรรคและรวบรวมกำลังพล ก่อนที่ปี 2548 เมื่อ ‘พรรคไทยรักไทย’ อยู่ในกระแสที่สูงที่สุดเป็นรัฐบาลพรรคเดียว เธอได้เป็น สส.ปาร์ตี้ลิสต์ รวมถึงได้รับตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในสมัยที่ทักษิณ พี่ชาย เป็นนายกฯสมัยที่ 2 ในครั้งนั้นกิตติศัพท์ของกลุ่มวังบัวบานเป็นที่โจษจัน ว่าเธอคือผู้คัดกรองว่าใครจะเป็นผู้ได้ลงเลือกตั้งในเขตภาคเหนือ แผ่อิทธิพลลงมาประชิดกับ ‘กลุ่มวังน้ำยม’ ของ ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ ที่มีอิทธิพลในภาคเหนือตอนล่าง

‘เจ๊แดง’ ผู้มีอิทธิพลหลังม่านการเมือง

แต่ความร้อนแรงของเธอถูกเบรกด้วยเหตุการณ์รัฐประหาร 2549 ที่ ‘พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน’ ผบ.ทบ.ขณะนั้นทำการยึดอำนาจ นายกฯทักษิณขณะปฏิบัติราชการในต่างแดน ซึ่งภายหลังมีการใช้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญนำไปสู่การยุบพรรคไทยรักไทย และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ‘บ้านเลขที่ 111’ โดยเยาวภาเป็นหนึ่งในผู้ถูกตัดสิทธิ์

เยาวภากับการเมืองไทยห่างกันได้ไม่นาน เมื่อ ‘พรรคพลังประชาชน’ ภายใต้การนำของ ‘สมัคร สุนทรเวช’ ในการสนับสนุนของทักษิณได้กลับมาชนะเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลในปี 2551 เธอขยับไปอยู่หลังฉากและดำเนินกิจกรรมผ่านสมาชิกกลุ่มวังบัวบาน และหลังจากนายกฯสมัครต้องหลุดออกจากตำแหน่งจากกรณี ‘ทำกับข้าวออกทีวี’ ตอนนั้นมีการคาดการณ์ว่าพรรคจะโหวตสมัครกลับสู่ตำแหน่งอีกครั้ง

แต่เมื่อถึงเวลาโหวต สมาชิกพลังประชาชนกลับเสนอชื่อ ‘นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์’ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนเพื่อดัดหลัง ‘แก๊งค์ 4 คน’ ในพรรคพลังประชาชนอันประกอบด้วย ธีระพล นภรัมภา, เนวิน ชิดชอบ และนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โดยมีสมัคร เป็นแกนกลางที่จะยึดอำนาจในพรรคจากทักษิณที่อยู่เบื้องหลัง และเมื่อสมชายก้าวขึ้นเป็นนายกฯ ก็เท่ากับว่าเยาวภาได้ก้าวขึ้นเป็น ‘สตรีหมายเลขหนึ่ง’ คู่สมรสนายกรัฐมนตรีไปด้วยเช่นกัน ถึงแม้จะจบลงด้วยคำตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน ตัดสิทธิ์ ‘บ้านเลขที่ 109’ นำไปสู่การเกิดขึ้นของ ‘กลุ่มเพื่อนเนวิน’ ที่ต่อมากลายเป็น ‘พรรคภูมิใจไทย’ หนุน ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ เป็นนายกรัฐมนตรี

เยาวภาหายไปจากหน้าจอแต่ไม่เคยหายไปจากเกมอำนาจ เมื่ออภิสิทธิ์ยุบสภาและเลือกตั้งปี 2554 ในครั้งนั้นถึงคิวของ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ น้องสาวของเยาวภา ก้าวขึ้นตำแหน่ง ‘นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก’ พร้อมกันนั้นลูกสาวอย่างชิณณิชาก็ก้าวขึ้นมาเป็นส.ส.เขตในจังหวัดเชียงใหม่ ชนิดชนะเลือกตั้งขาดลอย ซึ่งต่อมาก็โดนตัดสิทธิ์เพราะแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ

การกลับมาของผู้ทรงอิทธิพลแห่ง ชินวัตร-วงศ์สวัสดิ์

ในปี 2555 สมาชิกหลายกลุ่มของพรรคเพื่อไทย มีแผนที่จะล้มกลุ่มของเยาวภา จากกรณีที่เข้ามาแทรกแซงการจัดการในการปรับคณะรัฐมนตรีของยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะการเข้ามาเปลี่ยนโผ เช่นกรณีการเซฟเก้าอี้ของ ‘ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ที่ถือเป็นเด็กในคาถาของเยาวภา และการไปล้วงลูก ‘คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์’ ในการคัดตัวผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ในครั้งนั้นพรรคระส่ำอย่างหนัก เมื่อสส.ที่นำโดยกลุ่มอีสานใช้พรรค ‘หมู่บ้านเสื้อแดง’ ในการโจมตีเยาวภา

การตอบโต้ของเยาวภาที่แสดงถึงพาวเวอร์อันแข็งโป๊กของเธอ คือการเปิดบ้านต้อนรับกลุ่มวังน้ำยมของสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่เคยแยกออกไปตั้ง ‘กลุ่มมัชฌิมา’ หลังเหตุการณ์รัฐประหาร กลับพรรคเพื่อไทย โดยดึงเข้ามาคานอำนาจกลุ่มสส.อีสาน นี่คือพลังดุจนางพญาของเยาวภา

พลังของเจ๊แดงสำแดงฤทธิ์มากที่สุดในระดับที่เป็นหน้าบันทึกประวัติศาสตร์การเมืองไทยเมื่อปี 2556 เมื่อจู่ ๆ สส.เขต 3 เชียงใหม่ในมุ้งวังบัวบาน ประกาศลาออกจากตำแหน่งดื้อ ๆ ทำให้เกิดการเลือกตั้งซ่อม และเป็นเยาวภาที่ลงสมัครเอง โดยสามารถเอาชนะคู่แข่งอย่างขาดลอยด้วยคะแนนร้อยละ 64.92 เรียกได้ว่าแทบจะกดรีโมทสั่งการได้แม้เยาวภาจะออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนสะกิดให้สส.เดิมลาออกก็ตาม

ไม่เห็น ไม่ใช่ไม่เคลื่อนไหว สไตล์ ‘เจ๊แดง’

หลังยิ่งลักษณ์ยุบสภาในเดือนธันวาคมปี 2556 และมีกำหนดการเลือกตั้ง 2557 ในเดือนกุมภาพันธ์ เยาวภาได้ส่งยศชนันลงสนามการเมืองครั้งแรก ถึงแม้ท้ายที่สุดการเลือกตั้งจะเป็นโมฆะ และนำไปสู่การรัฐประหาร 2557 ของ ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ ผบ.ทบ.ในขณะนั้น และได้มีการไล่เช็กบิลเครือข่ายการเมืองครั้งใหญ่  โดยเฉพาะต่อกรณี ‘โครงการจำนำข้าว’ นั้น สองรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและใกล้ชิดกับเยาวภา ทั้ง ‘บุญทรง เตริยาภิรมย์’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ ‘ภูมิ สาระผล’ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีจุดจบในคำพิพากษาจำคุกจากโครงการจำนำข้าวที่สร้างความเสียหายให้กับรัฐจากกรณีจีทูจี ในครั้งนั้นทำให้เยาวภาต้องเสียขุนพลข้างกายไป

ในช่วงรัฐประหาร บทบาทของเยาวภาอาจจะโลว์โปรไฟล์ลง แต่ไม่ได้หายไปไหน และเมื่อปี่กลองเลือกตั้งลั่นขึ้นอีกครั้ง อิทธิฤทธิ์ของเจ๊แดงก็กลับมาอีก เมื่อ ‘สมพงษ์ อมรวิวัฒน์’ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและคนเก่าแก่ของพรรคประกาศลาออก โดยทิ้งทุ่นระเบิดไว้ว่าเจอการแทรกแซง มีการล้วงลูกโดยไม่เห็นหัว ซึ่งสื่อก็จับตาไปที่ความขัดแย้งกับเยาวภาในการคัดตัวผู้สมัครในเขตภาคเหนือ 

ก่อนที่ต่อมาจะมีการเลือก ‘จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์’ ลูกชายสมพงษ์ ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค 

น่าสนใจว่า ‘แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี’ จากเพื่อไทยในครั้งนี้ มาจากทั้งลูกชายสมพงษ์ อย่างจุลพันธ์ และลูกชายของเยาวภาอย่างยศชนัน แต่สื่อก็คาดการณ์ว่าลูกชายเยาวภาคือ ‘ตัวจริง’ 

หากยศชนันได้เป็นนายกรัฐมนตรีจริง หมายความว่า เขาจะเป็นนายกฯคนที่ 5 จากสายตระกูล ‘ชินวัตร-วงศ์สวัสดิ์’ 

คำถามคือ เขาจะสามารถสลัดหลุดจากเงาของผู้เป็นแม่ได้หรือไม่?

หรือจะยิ่งเป็นการตอกย้ำสถานะ “ซูสีเพื่อไทยเฮาตัวจริง เจ๊แดง Never Dies!!”

 

เรื่อง: แก้วอัมพร

ภาพ: แฟ้มภาพเครือเนชั่น (Nation Photo)