10 ก.ค. 2568 | 10:10 น.
KEY
POINTS
ในซีรีส์ ‘สงครามส่งด่วน’ ตัวละครที่เป็นเหมือนไพ่ลับของ Thunder Express คือ ‘ลีนุกซ์’ โปรแกรมเมอร์มือหนึ่งที่อยู่กับชาวส่งด่วนมาตั้งแต่วันแรก ต่อให้โดนด่า แต่ก็ต้องยอมรับว่า ตัวละครนี้คือ ‘ม้า’ ที่ดีที่สุดของชาวส่งด่วน
แม้ในซีรีส์จะดูเหมือน ‘ลีนุกซ์’ จะแบกงาน แบกครอบครัวจนไม่มีความสุขและไม่เคยยิ้ม แต่ตัวจริงที่รับบทตัวละครนี้อย่าง ‘คิ้ว’ อนงค์นาถ ยูสานนท์กลับเป็นหญิงสาวที่ยิ้มจนทำให้โลกใบนี้ดูสดใสขึ้นทันตา
แต่ถึงอย่างนั้น ภายใต้รอยยิ้มแสนสดใส เส้นทางของเธอก็ไม่ได้ง่าย เพราะเธอก็ผ่านการต่อสู้กับจิตใจ ฝึกความอดทนบนเส้นทางการแสดงที่เธอเลือกมานานถึง 10 ปี
นี่คือบทสนทนาที่เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ ‘คิ้ว’ อนงค์นาถ ยูสานนท์ นักแสดงที่ฟังเสียงหัวใจตัวเอง ไม่เคยยอมแพ้ ทั้งยังเชื่อว่า เส้นทางทางที่ใช่มันจะไม่ฝืนใจเรา และโอกาสจะมาถึงในวันที่ตัวเรากล้าพอ
ตอนเด็ก ๆ คิ้วรักการเล่นกับกระจก ทำหน้าตา ทำท่าทางที่ไม่เหมือนใคร ตั้งแต่วันนั้น เธอจึงรู้ว่า เธอรักและสนุกกับการแสดงอารมณ์
“ตอนเด็ก ๆ เราชอบเล่นกับตัวเองหน้ากระจก เจอกระจกแล้วก็จะทําหน้า ทําท่าทาง แบบผมฉันสวย เราก็เลยรู้สึกว่า เราเป็นคนชอบแสดงอารมณ์ออกมา”
ส่วนที่โรงเรียน เธอไม่ถนัดเรียนสายวิชาการ แต่เรื่องกิจกรรมขอให้บอก เธอเข้าร่วมทุกงาน ไม่ว่าจะเป็นงานกีฬาสี งานพิธีกร หรืองานเต้น กิจกรรมต่าง ๆ ที่เธอทำให้มีความสุขกับชีวิตมัธยม
“ปกติเราเรียนไม่เก่งเลย เราเรียนวิทยาศาสตร์ เรียนภาษาอังกฤษ เรียนคณิตศาสตร์ เรียนอะไรที่เป็นวิชาการ เราตกหมดเลย ซ่อมแล้วก็ยังตก จนรู้สึกว่าเราไม่เก่ง ไม่เหมาะสมกับการเรียนหนังสือเลยอ่ะ แต่ถ้าเป็นฝั่งกิจกรรม เราได้ที่หนึ่งของโรงเรียน”
นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอค้นพบคำตอบได้เร็วว่า สิ่งที่เธอรักและถนัดมากที่สุด คือ ‘การแสดง’ จนวันหนึ่งเธอได้ไปลองสนามจริง สนามของการแคสต์งานที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ทำให้คิ้วเรียนรู้ที่จะอดทน และไม่ทิ้งสิ่งที่เธอรัก
หลายคนอาจเพิ่งรู้จักคิ้วในบทบาทของ ‘ลีนุกซ์’ โปรแกรมเมอร์มือหนึ่งของ Thunder Express ในสงครามส่งด่วน แต่จริง ๆ เธออยู่ในวงการมานานถึง 10 ปีแล้ว
เธอเริ่มจากการเป็นนักแสดงโฆษณาที่ปรากฎตัวไม่กี่วินาที ก่อนจะก้าวเข้ามาในโลกการแสดงจริง ๆ ผ่านบทบาทของ ‘คิ้ว’ ในภาพยนตร์กึ่งสารคดีเรื่อง ‘BKKY’
ใน ‘BKKY’ คิ้วรับบทเป็น LGBTQ บทบาทที่ไกลตัวและรู้สึกท้าทาย แม้จะยาก ไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อน แต่มันกลับทำให้เธอได้สัมผัสกับความรู้สึกใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในใจและสนุกกับสิ่งที่เรียกว่า ‘การแสดง’
“ทุกอย่างเป็นการทดลอง เราก็ไม่รู้ว่ามันจะเวิร์คหรือเปล่า เราต้องจีบผู้หญิงก็เขินเหมือนกัน แต่รู้สึกได้ว่า มันมีคลื่นหัวใจบางอย่างที่เด้งขึ้น สปาร์กขึ้นว่า การได้ลองเป็นคนอื่น มันรู้สึกแบบนี้เหรอวะ”
หลังจากนั้น เธอก็มีโอกาสรู้จักกับ ‘อุ๊ มานีมีใจ’ ช่างภาพหญิง จนทำให้หลาย ๆ คนเห็นเธอในฐานะนางแบบให้แบรนด์เสื้อผ้าอยู่บ้าง หรือผ่านโซเชียลมีเดีย
จนมาถึงผลงานที่ทำให้ชื่อของ ‘คิ้ว’ เป็นชื่อที่หลายคนคุ้นเคยหรือคุ้นหน้าคุ้นตาก็อาจมาจากการรับบทนางเอกมิวสิกวิดีโอเพลง ‘SENSEI’ (เซนเซย์) ของ Seal Pillow ที่ทำให้คนที่กดเข้ามาฟังเพลงนี้โดนตกจากความสดใสของผู้หญิงคนนี้
ต่อด้วยผลงานอีกหลายเรื่อง อาจเป็นในเชิงภาพถ่าย คลิปสั้น และผลงานการแสดง เช่น ภาพยนตร์เรื่องสยามสแควร์ เปมิกาป่าราบ ออริจินัลคอนเทนต์ของ Netflix เรื่อง Ready Set love จนมาถึง ‘สงครามส่งด่วน’ ผลงานที่เปลี่ยนชีวิตและทำให้เติบโตในเส้นทางการแสดงไปอีกขั้น
คิ้วบอกว่า ‘ลีนุกซ์’ เป็นตัวละครที่เธอรักมากที่สุด เพราะเป็นผลงานที่เธอตั้งใจและพาเธอกลับไปสำรวจอารมณ์ภายในตัวเธออีกครั้ง
อารมณ์นั้นคือความรู้สึกสิ้นหวัง…
“ลีนุกซ์เป็นตัวละครที่คิ้วรักมาก ๆ แล้วก็ได้สัมผัสอารมณ์หรือความรู้สึกอะไรบางอย่างที่ตัวคิ้วไม่เคยเจอ ความรู้สึกนั้นมันคือความสิ้นหวัง เราต้องเลือกที่จะหักหลังคนทั้งหมด มันเป็นความรู้สึกหนักอึ้ง ความลำบากใจทั้งหมดที่มันต้องออกมาในซีนที่แม่งกดปุ่มนั้น”
ถึงระหว่างทางมันจะยาก แต่เมื่อมองกลับไป ‘สงครามส่งด่วน’ ก็เป็นผลงานที่เธอภูมิใจ เปลี่ยนชีวิต และทำให้หลาย ๆ คนรู้จักเธอมากขึ้น
“สงครามส่งด่วนเป็นงานที่เราภูมิใจ เราบอกพี่ทีมงานทุกคนว่า ขอบคุณที่ให้โอกาสหนู มันอาจจะไม่ใช่บทที่ยิ่งใหญ่ แต่รู้สึกว่าลีนุกซ์ทำให้คนทั้งรักและเกลียดได้ในเวลาเดียวกัน เราดีใจที่คนดูแล้วอิน ดูแล้วพูดถึง เป็นตัวละครที่เปลี่ยนชีวิตเรา”
วันนี้ลีนุกซ์ในโลกของซีรีส์ เธออาจไปเริ่มงานใหม่ ตั้งหลักในชีวิตอีกครั้ง แต่คิ้วก็หวังว่า ลีนุกซ์จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรง
“อยากจะบอกลีนุกซ์ว่า ให้เดินหน้าใช้ชีวิตต่อ เก็บสิ่งนี้เป็นบทเรียน แล้ววันหนึ่งเมื่อมองกลับมา เขาจะเข้าใจ เขาจะโตขึ้น เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรงขึ้น”
และอาจบอกได้ว่า การที่ทุกคนเห็นลีนุกซ์และเห็นเธอ มันคือผลลัพธ์ของการที่คิ้วไม่เคยหยุดทำสิ่งที่ตัวเองรัก
“ถ้าสุดท้าย เราไม่เอา ไม่ทําแล้ว เหนื่อย ไม่ได้แบบใส่เต็มสูบ เราก็อาจจะไม่ได้เล่นเรื่องนี้ก็ได้นะ เราอาจจะไม่ไปแคสต์ เดี๋ยวก็ไม่ได้ ไม่ได้แล้วก็กลับมานอย แล้วจะเครียดอีก รู้อยู่แล้วว่าไม่ได้ เราก็อาจจะไม่ได้เห็นผลงานชิ้นนี้ที่มันเป็นรางวัลของคนที่ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ”
สำหรับคิ้ว การแสดงเป็นสิ่งที่เธอรักและทำได้ดี
การแสดงทำให้เธอก้าวเข้าไปในโลกแฟนตาซี เรียนรู้ความเป็นมนุษย์ และปลดปล่อยความรู้สึกผ่านท่าทาง การเคลื่อนไหวร่างกาย บางครั้งก็ได้เป็นในสิ่งที่ชีวิตจริงอาจดูเป็นไปไม่ได้
แต่การทำงานที่เธอรักก็แลกมาด้วยความอดทนและการอยู่กับความไม่แน่นอน ท่ามกลางสนามการแคสต์งานที่มีผู้เข้าแข่งขันมากมาย เธอจำเป็นต้องตั้งสติและทำทุกผลงานออกมาให้ดีที่สุด
เธอจึงบอกว่า การแคสต์งานผ่านก็เหมือนการถูกลอตเตอรี่ เพราะไม่ใช่ทุกงานที่เธอไปทดสอบ เธอจะได้รับเลือก
“เวลาที่คอนเฟิร์มงานเหมือนเราถูกลอตเตอรี่ ตอนที่เราเริ่มแคสโฆษณา ช่วงหนึ่งเราได้งานเยอะมาก คอนเฟิร์มต่อเนื่อง เดือนหนึ่งน่าจะถ่ายประมาณ 4 ตัว ซึ่งจะมีคนเขม่นแบบ คิ้วมาแล้ว กลับกันเถอะ แต่เรารู้สึกว่า เราก็พยายามเหมือนกัน
“สมมติเราได้ 5 งาน เราอาจจะแคสประมาณ 50 งาน มันไม่ใช่ว่าเราไม่เคยผิดหวังเลย เราผิดหวังมาเยอะมากๆ เลย เวลาที่มีงานเข้ามา เราดีใจทุกครั้งเพราะเราโดนปฏิเสธมาเยอะมาก”
และเธอเองก็รู้ว่า ทุกคนที่ฝันอยากเป็นนักแสดงก็เคยเจอกับความรู้สึกนี้ มันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่าที่ตรงนั้นไม่ใช่ของเรา แต่คิ้วก็เชื่อว่า จะมีวันของเรามาถึงในสักวันหนึ่ง
“ถ้าจะให้บอกว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป มันเป็นคําพูดง่าย ๆ ส่ง ๆ แต่มันเศร้ามากเลยนะ เราทําสิ่งที่รักแต่เขาไม่เลือกเรา แต่มันต้องมีวันที่ตัวเราพิสูจน์ว่า ฉันเป็นแบบนี้ ถ้าคุณไม่ได้เห็นตรงกัน ก็ไม่เป็นไร ไว้ถ้ามีโอกาส ไว้เดี๋ยวเจอกันใหม่
“ซึ่งการมูฟออนจากสิ่งหนึ่งไปอีกสิ่งหนึ่ง เราว่ามันก็ใช้เวลาในการเรียนรู้ แล้วก็ทําความเข้าใจกับอารมณ์ความรู้สึกตัวเองมากพอสมควร แต่เราอยากบอกทุกคนนะว่าท้อได้ แต่ว่าอย่าเพิ่งหยุด ท้อเสร็จปุ๊บ โอเค หายใจลึก ๆ แล้วก็กลับขึ้นมาใหม่ อย่าเพิ่งหมดหวัง แกเก่งอยู่แล้ว แกทําได้”
การอยู่บนในวงการบันเทิงมานานถึง 10 ปีไม่ใช่เรื่องง่าย ระหว่างทางอาจมีคนที่เลือกยอมแพ้ มองหาอาชีพที่มั่นคงแทนที่จะเป็น ‘นักแสดง’ แต่คิ้วยังคงเชื่อและรักษาความรักของเธอที่มีต่อการแสดงไว้เป็นอย่างดี
เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่เธอทำได้และเป็นเส้นทางที่เธอเลือกด้วยตัวเอง
บทเรียนที่วงการบันเทิงมอบให้เธอจึงเป็นคำง่าย ๆ ที่หลายคนต่างพูดกัน คือ การไม่หยุดทำและไม่ยอมแพ้ไปเสียก่อน ถึงแม้จะเจอกับบททดสอบมากมาย
“บทเรียนที่สําคัญที่สุดคือเราอย่าหยุดเดิน เราต้องอดทน กัดฟันหน่อย ลุกขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง คือถึงไม่มีใครเห็นเรา แต่ถ้าเรายังเชื่อในสิ่งที่เราทํา มันก็จะพาเราไปที่ที่เราคู่ควร
“บางอย่างมันอาจจะไม่ได้มาในวันที่เราพร้อมที่สุด ฉันพร้อมแล้ว วันนี้ฉันได้ มาเลย แต่มันจะมาถึงในวันที่เรากล้าพอไหมที่เราจะคว้าโอกาสมันเอาไว้ มันคือสิ่งที่วงการบันเทิงสอนเรา”
คิ้วเชื่อว่า ถ้าเราเจอเส้นทางที่ใช้ในชีวิต ต่อให้มันยาก เราจะมีแรงสู้ต่อแล้วพาตัวเราไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้ในอนาคต
“เส้นทางที่ใช่จะไม่ฝืนหัวใจเรา เราจิตแข็งมากเลยที่ไม่เลิกทํา ไม่ทิ้งมัน ระหว่างมันมีความ struggle เยอะมาก แต่ถ้าเส้นทางที่ใช่ มันจะทำให้เราฮึดสู้ทุกครั้ง แล้วมันจะทำให้เราไปสู่จุดหมายและเป้าหมายของเราได้แน่นอน”
นอกจากความกล้า ความอดทน และการเดินตามเส้นทางที่ใช่ จะเป็นบทเรียนที่วงการบันเทิงมอบให้กับนักแสดงหญิงประสบการณ์ 10 ปีคนนี้แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่เธอได้เรียนรู้ คือ ‘การไม่ลืมฟังเสียงตัวเอง’
รวมถึงการมี ‘สติ’ เลือกวางทุกอย่างรอบตัวไว้ แล้วดึงจุดศูนย์กลางของห้วงจิตใจกลับมาอยู่ที่ตัวเอง
“มีช่วงหนึ่งเราฟังธรรมะ เรานอนไม่หลับ เราเครียดมาก ดิ่งมาก ๆ เพราะเราไม่ได้เอาสติหรือโฟกัสมาไว้กับตัวเองอ่ะ เหมือนจะมี แต่จริง ๆ มันลอยไปลอยมา เหมือนเราก็โยนมันทิ้ง เดี๋ยวก็วางมันไว้ เราพยายามทําทุกอย่างให้ความสําเร็จเกิดขึ้นมาได้ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้น เราไม่ได้มีประสบการณ์หรือว่าไม่ได้รู้ตัวเองว่าเราสามารถ handle มันได้แค่ไหน
“พอเวลาผ่านไป เราก็รับมือกับอารมณ์ความรู้สึกตัวเองได้ดีขึ้น เหมือนถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต่อหน้าเรา ณ ตอนนี้ มันก็เป็นเป็นสิ่งที่เราจะมีสติและก็รับรู้และก็สามารถควบคุมมันได้ระดับหนึ่ง"
มันอาจดูเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อก้าวข้ามมาได้ สติทำให้คิ้วมีความสุขและรับมือกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ดีและกล้าที่จะทำเพื่อเสียงหัวใจของตัวเองได้มากขึ้น
“มันทําให้เรามีความสุขขึ้น เราสามารถควบคุมสิ่งที่มันอยู่ตรงข้างหน้าเราได้ รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะคัดกรองสิ่งที่ทำให้เราสบายใจที่จะทำได้จริง ๆ เพราะเราควบคุมมันได้บ้างแล้ว”
แต่ก็ใช่ว่า เสียงคนอื่นจะไม่สำคัญ คิ้วมองว่า อย่างน้อยเสียงคนอื่นอาจเป็นทางเลือกใหม่ ๆ ที่ทำให้เรารับรู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร
“จริง ๆ เสียงคนอื่นก็ไม่แย่นะ บางทีมันให้ option ที่ทำให้เราไปลองแล้วจะคัดกรองได้และติ๊กถูกให้ตัวเราได้มากขึ้น”
ถ้าถามว่าเสียงหัวใจตัวเองสำคัญอย่างไรกับชีวิตของคิ้ว ก็ต้องบอกว่ามันสำคัญและทรงมากพอที่จะทำให้เธอบอกเรา หลังจากคิดอยู่นานว่า “เสียงหัวใจของเราสําคัญต่อชีวิตเราอย่างไร มันทําให้เรายังอยากตื่นขึ้นมามีชีวิตอยู่”
วันนี้ หลายคนอาจรู้สึกหลงทาง ยังไม่ได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง ยังกลัวที่จะลองทำสิ่งใหม่ แต่คิ้วบอกว่า ต้องลอง ถึงจะรู้ว่า เส้นทางที่ใช่ เส้นที่ทำให้เรามีความสุขหน้าตาเป็นอย่างไร
“ต้องลอง ถ้าเราไม่ลอง เราก็จะไม่รู้ว่าอันนี้มันใช่รึเปล่า ถ้าเรายังกล้า ๆ กลัว ๆ ว่า อันนี้จะดีไหม อันนี้จะไปต่อยังไง เส้นทางนี้ที่ทําอยู่มันก็ไม่ใช่ ก็ลอง ลองสักอย่างหนึ่ง อาจจะเจอสิ่งที่ใช่มากขึ้นหรืออาจจะเจอสิ่งที่ไม่ใช่เราเลย มันต้อง experiment ตัวเองไปเรื่อย ๆ
“แต่ละคนมีเส้นทางชีวิตที่ไม่เหมือนกัน เราไม่มีทางรู้ว่าคนคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเรา เขาคิดยังไง เขาชอบอะไร แต่สิ่งที่เขารู้ดีที่สุดคือตัวเขาเอง”
นอกจากความกล้าที่จะ ‘ลอง’ คิ้วมองว่าต้อง ‘พยายาม’ ด้วย
พยายามที่จะมองหาโอกาส พยายามพัฒนาตัวเอง และพยายามที่จะเอาตัวเองไปอยู่ใกล้ ๆ สิ่งที่รัก เพื่อให้เป้าหมายและความฝันเป็นจริงในสักวัน
“ถ้าเราอยากเป็นคนแบบไหน เราอยากทําอะไร ก็เอาตัวเองไปอยู่ตรงนั้น เอาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆ ให้ได้มากที่สุด เราพูดเหมือนง่าย แต่มันไม่ง่ายหรอก เราคิดว่ามันต้องพยายาม ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ ถ้าอยากได้ต้องพยายาม ต้องทำ ต้องขวนควาย แล้วคว้ามาด้วยตัวเอง”
การปรากฎตัวในซีรีส์ ‘สงครามส่งด่วน’ ทำให้ผู้ชมที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ต่างชื่นชมการแสดงของเธอที่ทำให้ทุกคนลุ้น ทั้งรักและเกลียดตัวละคร ‘ลีนุกซ์’
ในฐานะนักแสดง คิ้วบอกว่า เธอขอรับทุกคำชื่นชมจากใจ เพราะคำเหล่านั้นเป็นกำลังใจให้เธอยังมีไฟและยังอยากอยู่บนเส้นทางนี้ต่อไป
“ดีใจอยู่แล้ว เราขอรับคําชมนี้แบบจากหัวใจของเราเลย เพราะที่ผ่านมาเราผ่านการต่อสู้กับความรู้สึก กับอารมณ์เราข้างในตัวมากมาย แล้ววันนี้คนที่ได้ดูผลงานหรือติดตามเราตั้งแต่วันแรก ๆ เขาบอกว่า เป็นกําลังใจให้นะคะ เก่งมาก ๆ ในเส้นทางนี้แล้วก็ขอให้ทําต่อไป เพราะว่ายังอยากดูงานคิ้วไปเรื่อย ๆ
“โห เราแบบ เราโอเคมากมากแล้ว คือต่อจากนี้ อะไรจะเกิดก็เกิด แล้วแต่เลย มันคือสิ่งที่เราตั้งใจทํา แล้วเขาเห็นอะ อาจจะเป็นคนกลุ่มเล็ก ๆ แต่ว่าแบบ สําหรับเรามันแบบมันมีค่า มีพลังมาก ๆ”
หลังจากนี้ คิ้วก็อยากจะพัฒนาตัวเอง ทำตัวเองให้พร้อมที่สุด เพื่อรับบทบาทต่อไปในอนาคต สถานีต่อไป สำหรับคิ้ว คือ การเรียนภาษาเพื่อลดกำแพง และทำให้เธอสามารถหยิบมาใช้ได้ในวันที่ผู้กำกับต้องการ
สุดท้าย เธอก็ยังคงบอกว่า เธอจะแสดงต่อไป เพราะเธอรักสิ่งนี้มาตลอด และขอบคุณที่ทุกคนอยากรู้จักเธอมากขึ้น
“ยังอยากแสดงต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ ถ้าเกิดมีผู้จัดคนไหนผ่านเข้ามาอ่านบทสัมภาษณ์นี้ ก็อยากบอกว่าคิ้วเป็นเด็กคนหนึ่งที่ชอบในเรื่องการแสดง การได้เอาภาพของผู้กํากับหรือคนเขียนบทมาตีเป็นท่าทางหรือว่าการแสดงอะ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่รู้สึกว่าคิ้วหลงใหล มีแพสชันกับสิ่งนี้ตั้งแต่จําความได้จนถึงตอนนี้
“ถ้าจะฝากอะไรก็อยากฝากคําขอบคุณถึงทุกคน รวมถึง The People ด้วย เราไม่ได้สัมภาษณ์ให้กับที่ไหนเลย เพราะเรารู้สึกว่า อาจจะแบบไม่มีใครมาสัมภาษณ์เรา ต้องขอบคุณมาก ๆ เลย ที่อยากรู้จัก อยากพูดคุยกับเรา”
เพราะคิ้วเชื่อว่า ถ้าเราได้เจอทางที่ใช่ แม้จะต้องล้มบ้าง รอคอยบ้าง หรือเดินช้ากว่าคนอื่น ก็ยังดีกว่าหลงทางอยู่ในสิ่งที่ไม่ใช่
เมื่อคุณอ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าคุณที่กำลังรู้สึกหลงทาง เราเชื่อว่าเรื่องราวของคิ้วจะทำให้คุณ ‘อย่าเพิ่งหยุดทำสิ่งที่รัก’ และ ‘ลองฟังเสียงหัวใจตัวเองสักครั้ง’
เพราะบางครั้งทางออกและคำตอบของชีวิตที่คุณตามหา อาจอยู่ใกล้กว่าที่คิด แค่รอให้คุณกล้าก้าวไปหามันอีกครั้ง
ภาพ : Maneemejai, Netflix