15 ก.ย. 2568 | 17:00 น.
KEY
POINTS
เมืองไทยอาจะเคยแล้งน้ำ แล้งฝน แต่ไม่เคยแล้งเสียงหัวเราะ เพราะมีนักสร้างเสียงหัวเราะหรือที่เรียกว่า ‘ดาวตลก’ ไว้เรียกเสียงฮาจากคนไทยมาอย่างยาวนานไม่น้อยกว่าครึ่งศตวรรษ ผลัดเปลี่ยนและสืบทอดกันตามเงื่อนไขกาลเวลาอย่างไม่ขาดสาย ประดุจบ่อน้ำที่เติมเต็มไว้คอยดับกระหายความทุกข์โศก และช่วยชุ่มชื่นจำเริญจิตใจพี่น้องคนไทยให้เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม อาชีพ ‘ตลก’ จึงเป็นอาชีพที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน เป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และดาวตลกหลายคนก็เป็นที่รักของคนไทยในฐานะนักสร้างเสียงหัวเราะผู้ไม่เคยทรยศต่อกระดูกขากรรไกรคนดู
และหนึ่งในดาวตลกที่สร้างเสียงหัวเราะให้แก่คนไทย ผู้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น ‘อาจารย์’ แห่งวงการตลกไทยก็คือ ดาวตลก ‘เด๋อ ดอกสะเดา’
เด๋อ ดอกสะเดา หรือชื่อจริงว่า นายสมใจ สุขใจ เกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2494 ในวัยเด็กเติบโตที่กรุงเทพมหานคร มีความใฝ่ฝันจะเป็นศิลปินนักแสดงตลกมาตั้งแต่เยาว์วัย เพราะตกหลุมรักการขโมยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากผู้คนตามแบบนักแสดงตลกรุ่นครูอย่าง ล้อต๊อก ก๊กเฮง ทองแถม เมื่อสบโอกาสก็มักคว้าไมโครโฟนประกาศเรียกเสียงฮาตามงานบุญ งานวัด เป็นประจำ
ด้วยใจรักและความใฝ่ฝัน จึงออกเดินทางไปบนถนนสายดนตรีและการแสดงกับวงดนตรีพื้นบ้านแถวบ้าน จากนั้นราวช่วงกลางทศวรรษ 2510 ในยุคที่วงการเพลงลูกทุ่งเฟื่องฟูก็ก้าวขึ้นไปเป็นดาวตลกประจำวงดนตรีลูกทุ่งวงระพิน ภูไท เจ้าของผลงานเพลงดัง ‘คนสวยใจดำ’ (ใบหน้างามงาม ไม่น่าใจดำเลยแก้วตา...) ในนามดาวตลก ‘กลิ่น ดอกพิกุล’ จากนั้น ก็เดินทางไปต่อกับวงดนตรีลูกทุ่งจีระพันธ์ วีระพงษ์ เจ้าของผลงานเพลงดัง ‘ไก่นาตาฟาง’ (ฉันขี่ไอ้ทุยวิ่งลุยท้องนา ฮึ้ย ฮึ้ย ฮึ้ยฮึ้ย...) และอีกหลาย ๆ วง
หลังเดินทางกับวงดนตรีลูกทุ่งอยู่ประมาณ 5 ปี ในยุคที่วงการตลกคาเฟ่เมืองกรุงเริ่มได้รับความนิยม ก็ชักชวนเพื่อนดาวตลกจากคณะวงดนตรีลูกทุ่งอย่าง ‘เหี่ยวฟ้า’ และ ‘จิ๋ว จุกจิก’ มาตั้งคณะตลกในชื่อ ‘ขบวนการสามสลึง’
ทำคณะ ‘ขบวนการสามสลึง’ ได้ประมาณ 3 ปี ก็ย้ายมาอยู่กับ ‘เด่น ดอกประดู่’ อดีตดาวตลกจากคณะวงดนตรีลูกทุ่งเพลิน พรหมแดน ที่ในขณะนั้นออกจากวงดนตรีลูกทุ่งมาเล่นตลกอยู่กับคณะตลก ‘เทพ เทียนชัย’ (จากคณะสี่สี) วันหนึ่ง ระหว่างที่คณะเทพ เทียนชัย จะไปทำการแสดงในต่างจังหวัด ก็ได้นัดหมายชาวคณะมาขึ้นรถที่บริษัททัวร์ ปรากฏว่าทุกคนขึ้นรถกันหมด ยกเว้น เด่น ดอกประดู่ ที่ เทพ เทียนชัย หัวหน้าคณะไม่ยอมเรียก คาดว่าเนื่องจากมีประเด็นไม่พอใจกันบางอย่าง
เด๋อ ดอกสะเดา เล่าว่า ในขณะที่รถกำลังล้อหมุนออกจากสถานี เขาหันไปเห็น เด่น ดอกประดู่ กำลังยืนหน้าเศร้าละห้อยแล้วรู้สึกสงสาร จึงตัดสินใจกระโดดลงจากรถที่เคลื่อนตัวออกมาแล้ว โดยที่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ
เด่น ดอกประดู่ ยืนน้ำตาคลอสวมกวด เด๋อ ที่กระโดดลงจากรถมาหา แล้วเอ่ยขึ้นว่า
“เราไปตั้งคณะใหม่กันเถอะ”
เด่น กับ เด๋อ เล่นตลกอยู่ด้วยกันสองคนเกือบปีก็เริ่มมองหาสมาชิกใหม่ เพราะเล่นกันอยู่สองคนต้องทั้งหยิบอุปกรณ์และพูดตอบโต้กันไปมาตลอดเวลา เด่น ดอกประดู่ จึงบอกว่าตนมีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่งที่คณะวงดนตรีลูกทุ่งเพลิน พรหมแดน ชื่อ เทพ (โพธิ์งาม)
เมื่อรวมตัวกันได้ 3 คน ก็เดินทางไปขอให้ครูพยงค์ มุกดา ครูเพลงชื่อดังตั้งชื่อให้ ปรากฏว่าครูพยงค์ตั้งชื่อคณะให้ว่า ‘เด่น โด่ง ดัง’ แต่ทว่าทั้ง 3 คนประชุมแล้วเลือกที่ใช้ชื่อของแต่ละคนเป็นจุดขายในชื่อ
คณะ ‘เด่น เด๋อ เทพ’
ตลกคณะ ‘เด่น เด๋อ เทพ’ ก่อตั้งขึ้นในช่วงราวปี พ.ศ. 2520 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ได้รับความนิยมจากคนดูอย่างล้นหลาม เรียกเสียงฮา เสียงหัวเราะ และสร้างความร้าวรานต่อกระดูกขากรรไกของคนดูอย่างหนัก กลายเป็นคณะตลกดาวเด่นแห่งวงการตลกไทยถัดจากยุคคณะสี่สี และยังเป็นคณะตลกยุคบุกเบิกในช่วงที่คาเฟ่ตลกเมืองไทยกำลังเบิกบาน โดยเล่นประจำที่ ‘ดาราคาเฟ่’ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เล่ากันว่า ตลกคณะ ‘เด่น เด๋อ เทพ’ ยังเป็นตำนานของมุกอุปกรณ์อย่าง มุกตีหัวด้วยถาด
เสียงหัวเราะพาตลกคณะ ‘เด่น เด๋อ เทพ’ ออกเดินทางไปเล่นออกรายการทีวีช่อง 3 ซึ่งนับว่าเป็นตลกจากคาเฟ่คณะแรก ๆ ที่ได้เล่นออกรายการทีวี จากนั้นก็มีผู้สร้างภาพยนตร์ บริษัท ไฟว์สตาร์โปรดักชั่น มาติดต่อให้ไปเล่นภาพภาพยนตร์เรื่อง ‘เทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง’ โดยชูให้สามดาวตลก เด่น เด๋อ เทพ เป็นตัวเอกเรียกเสียงฮา และวางตัวให้ เด่น ดอกประดู่ ดาวตลกหน้าตาดีเป็นพระเอกของเรื่องประกบคู่กับ ลลนา สุลาวัลย์ นางเอกวัยรุ่นสุดฮอตของยุคนั้น
ภาพยนตร์ ‘เทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง’ ออกฉายในเดือนตุลาคม พ.ศ.2520 ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ทำรายได้ไปราว 10,000,000 บาท ซึ่งนับว่าเป็นยอดรายได้ที่สูงมากในสมัยนั้น จนทำให้มีการสร้างภาคต่อมาอย่าง ‘เท่งป๊ะต๊ะติ้งโหน่ง’และ ‘ถอดหญิงต๊ะติ๊งโหน่ง’ รวมทั้งทำให้สามดาวตลก เด่น เด๋อ เทพ มีงานตลก งานละคร และงานภาพยนตร์เข้ามามากมาย
วงการตลก นั้นเปรียบเสมือนต้นใหญ่ที่เติบโตและแผ่กิ่งก้านสาขากันออกไป ต่อมา เทพ โพธิ์งาม ได้ออกจากคณะไปตั้งคณะเป็นของตนเอง ทำให้ เด่น กับ เด๋อ ดึงพวกตลกที่เติบโตกันมาจากยุควงดนตรีลูกทุ่งอย่าง ดู๋ (หรือ ลูกอ๊อด จากคณะวงดนตรีลูกทุ่งชาย เมืองสิงห์, เพลิน พรหมแดน) และ ดี๋ (หรือ ป้อง ปัตตานี จากคณะวงดนตรีลูกทุ่งสาริกา กิ่งกอง และอีกหลายคณะ)
กลายเป็นตลกคณะ ‘เด่น เด๋อ ดู๋ ดี๋’
ด้วย เด่น ดอกประดู่ เคยเป็นนักเรียนโรงเรียนดุริยางค์กองทัพเรือ จึงใช้ชื่อสกุลว่า ดอกประดู่ อันเป็นสัญลักษณ์ของกองทัพเรือไทย และน่าจะเป็นสาเหตุให้เพื่อน ๆ ในคณะใช้คำว่า ‘ดอก’ เป็นเอกลักษณ์ชื่อสกุล ได้แก่ เด่น ดอกประดู่ เด๋อ ดอกสะเดา ดู๋ ดอกกระโดน และ ดี๋ ดอกมะดัน
ในขณะนั้น เด๋อ ดอกสะเดา ถือเป็นตลกเบอร์ใหญ่ของวงการตลกไทย มีรุ่นน้องตลกมากมายให้ความเคารพรักนับถือ จนมีตลกรุ่นน้องคนหนึ่งมาขอฝึกวิชาด้วยการอาสารับใช้ขับรถดูแล ต่อมาตลกรุ่นน้องคือ เป็ด เชิญยิ้ม
จากคณะ ‘เด่น เด๋อ ดู๋ ดี๋’ ต่อมา เด่น ออกไปทำคณะวงดนตรีลูกทุ่ง เพื่อน ๆ ในคณะที่เหลือจึงไปชวนเพื่อนตลกอีกสองคนคือ จวง ดวงดี (ดอน) และสีแดงเข้ามาร่วมทีม ตั้งทีมในชื่อคณะ
‘เด๋อ ดู๋ ดี๋ ดอน แดง’
ตลกคณะ ‘เด๋อ ดู๋ ดี๋ ดอน แดง’ เป็นตลกคณะแรก ๆ ของเมืองไทย ที่ออกเทปตลกจำหน่ายเรียกเสียงฮาทั้งบ้านนอกในกรุง บ้านทุ่งแดนไกล จากนั้น เด๋อ ดอกสะเดา ก็ไปดึงเพื่อนเก่าสมัยทำคณะ ‘ขบวนการสามสลึง’ มาร่วมทีม กลายเป็น ‘เด๋อ ดู๋ ดี๋ ดอน แดง อีเหี่ยว’ และด้วยความบูชาครู เด๋อ จึงไปเชิญบรมครูตลก ‘ล้อต๊อก’ ซึ่งในขนาดนั้นต้องหลีกทางให้ตลกรุ่นน้องได้เกิด มาร่วมคณะด้วยกันในชื่อ ‘เด๋อ ดู๋ ดี๋ ดอน แดง อีเหี่ยว ล้อต๊อก’
ดังกล่าวว่า วงการตลกนั้นเปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ เมื่อถึงเวลาต่างคนก็ต่างออกไปเติบโตแผ่กิ่งสาขา ตัว เด๋อ ดอกสะเดา ก็ขยับขยายสับเปลี่ยนสมาชิกในคณะตลกไปตามจังหวะเวลา รวมทั้งในช่วงราวปลายทศวรรษ 2520 เด๋อก็ทำคณะตลกบวกวงดนตรีลูกทุ่งออกรับงาน โดยมีนักร้องเด่นประจำวงอย่าง เอกพจน์ วงศ์นาค ที่โด่งดังจากเพลง ‘ทหารเกณฑ์คนจน’ (ฝึกอีกแล้วหนอเราตั้งแต่เช้ายันค่ำ...’)
ในช่วงปลายทศวรรษ 2530 - 2540 ซึ่งเป็นยุคทองคาเฟ่ตลก ตลกคณะ เด๋อ ดอกสะเดา มีดาวเด่นประจำคณะคือ สายัณห์ ดอกสะเดา ดาวตลกดาวน์ซินโดรม ที่เรียกรอยยิ้มและเสียงฮาจากคนดูจนกลายเป็นดาวตลกเอกลักษณ์ประจำคณะ ซึ่งมีท่าประจำตัวคือท่าโดน ‘จูนสมอง’ รวมทั้งยังมีสมาชิกที่แฟน ๆ ตลกรู้จักดีอย่าง เพชร โพธิ์ทอง ตี๋ ดอกสะเดา และ สังข์ ดอกสะเดา
นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2547 ซึ่งเป็นยุคที่ตลกชื่อดังนิยมขึ้นแท่นนั่งเก้าอี้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ เด๋อ ดอกสะเดา ก็สร้างและกำกับภาพยนตร์เรื่อง ‘โว๊กว๊าก’ (ชื่อเดิมคือ ยอดชายนายโอ๊กอ๊าก) โดย สายัณห์ ดอกสะเดา รับบทเป็นพระเอก ผลปรากฏว่าด้วยตัวชื่อ เนื้อหา และนักแสดงของเรื่องที่มาจากกลุ่มตลก ‘สภาโจ๊ก’ ซึ่งมีหน้าตาคล้ายบรรดานักการเมืองชื่อดังในตอนนั้น ทำให้ปรากฏข่าวว่าทางตำรวจสันติบาลได้ขอเข้ามาตรวจสอบภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว เป็นผลทำให้ เด๋อ ดอกสะเดา ต้องปรับแก้ไขชื่อภาพยนตร์และบทภาพยนตร์บางส่วน
ปัจจุบัน เด๋อ ดอกสะเดา นับเป็นตลกรุ่นใหญ่ที่พี่น้องในวงการบันเทิงและวงการตลกให้ความเคารพรักนับถือ โดยนิยมเรียกกันว่า ‘อาจารย์เด๋อ’ เป็นหนึ่งในตลกค้างฟ้าแห่งวงการตลกไทย มีผลงานมากมายทั้งละคร ซิทคอม รายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ ฯ สร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้แก่คนไทยมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี สมดังความตั้งใจตั้งแต่ครั้งเยาว์วัยที่จะเป็นศิลปินตลกเรียกเสียงฮา เป็นนักสร้างเสียงหัวเราะผู้ไม่เคยทรยศต่อกระดูกขากรรไกรคนดู อย่างแท้จริง.
อ้างอิง
พูดไปเรื่อย | ปรมาจารย์ด้านตลก ที่ผมเคารพมากเลยครับ | Boriboon Family
ค่าเฟ่ยุคแรกจนถึงยุคเฟื่องฟู #นายเดอะคอมเมเดี้ยน #เด๋อชูอ็อด #เด๋อดอกสะเดา
ซูเปอร์หม่ำ | SPRITE & GUYGEEGEE | เด๋อ ดอกสะเดา,ดู๋ ดอกกระโดน | 13 ก.ค. 64 Full EP