02 ธ.ค. 2568 | 15:37 น.

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ใช้ความเชี่ยวชาญของทีม Café Amazon เดินหน้าทำงานร่วมกับเกษตรกรกว่า 10 ปี ในหลายพื้นที่ และนำองค์ความรู้มาพัฒนาพื้นที่สูงของเชียงรายให้เป็นต้นแบบการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืนของประเทศไทย ตั้งแต่การให้ความรู้ การพัฒนาคุณภาพ ผลผลิต การรับซื้อ อย่างเป็นธรรมไปจนถึงการส่งต่อกาแฟคุณภาพไปสู่ร้าน Café Amazon กว่า 4,500 สาขา ทั่วประเทศ ซึ่งเสิร์ฟกาแฟรวมกันกว่า 400 ล้านแก้วทั่วโลกต่อปี
ความตั้งใจยาวนานนี้ไม่เพียงทำให้คุณภาพกาแฟดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่ยังเปลี่ยนคุณภาพชีวิตของครอบครัวในสองหมู่บ้านได้อย่างเป็นรูปธรรม
นายพงษ์ศักดิ์ ภัทรเมธีวิญญู ผู้จัดการฝ่ายบริหารห่วงโซ่อุปทานเมล็ดกาแฟดิบ OR กล่าวว่า "โครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืนเป็นสิ่งที่ OR ทำต่อเนื่องมากว่า 10 ปี ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย เพราะเราเชื่อว่า การยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรต้องเริ่มต้นจาก 'ความรู้' และ 'มาตรฐาน' ไม่ใช่แค่การรับซื้อ เราลงพื้นที่หลายจังหวัด ทั้งเชียงราย เชียงใหม่ น่าน และชุมพร เพื่อสร้างระบบปลูกกาแฟที่มีคุณภาพ และสร้างตลาดที่โปร่งใส เป็นธรรม ทำให้เกษตรกรมีรายได้มั่นคงจริง ๆ ไม่ใช่เพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่เราเลือก 'พัฒนาไปด้วยกัน' เพราะ OR ตั้งใจเข้ามาในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง ร่วมสร้างระบบที่เดินไปด้วยกัน พอชาวบ้านมีปัญหา เราลงพื้นที่ทันที และช่วยแก้ไขปัญหา เป้าหมายคือทำให้กาแฟเป็นอาชีพที่มั่นคงในระยะยาวจริง ๆ"
ปางขอน: เมื่อกาแฟกลายเป็นอาชีพหลัก และความรู้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความมั่นคง
ปางขอนเริ่มปลูกกาแฟมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ แต่เดิมเป็นการปลูกแบบปล่อยให้ธรรมชาติดูแล ขาดความรู้และขาดตลาดที่มั่นคงทำให้กาแฟเป็นเพียง 'รายได้เสริม' ของคนในพื้นที่เท่านั้น จนกระทั่งปี 2560 ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อ OR โดย Café Amazon ร่วมกับ บริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมของกลุ่ม ปตท. ทำบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับชุมชนและเริ่มรับซื้อกาแฟควบคู่กับการพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมจากปางขอนเป็นครั้งแรก
จากวันนั้น การพัฒนาร่วมกันเริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง ตั้งแต่การสอนวิธีการเก็บเมล็ดกาแฟเชอร์รี่ การดูแลต้นกาแฟ การจัดการร่มเงา ไปจนถึงการสร้างระบบรับซื้อที่มีมาตรฐานและมั่นคง ทำให้กาแฟที่เคยปลูกแบบพึ่งพาโชคชะตา เริ่มกลายเป็นอาชีพที่มีอนาคต
จากเดิม เมื่อราว 10 ปีก่อน ปางขอนมีเพียงไม่กี่สิบครัวเรือนที่ปลูกกาแฟเป็นอาชีพเสริม แต่วันนี้จำนวนครอบครัวผู้ปลูกกาแฟเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 100 ครัวเรือน กาแฟถูกปลูกในพื้นที่สูงเฉลี่ยกว่า 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศเย็นตลอดปีและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ทำให้กาแฟของปางขอนมีคุณภาพโดดเด่น มีอัตลักษณ์และเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ
นายธีรศักดิ์ วุยยะอากุล ประธานวิสาหกิจชุมชนบ้านปางขอน กล่าวว่า "พวกเราปลูกกาแฟมานานแต่ไม่เคยรู้ว่าจะทำให้ดีได้อย่างไรจน OR โดย Café Amazon เข้ามาให้ความรู้ตั้งแต่พื้นฐานที่สุด จนถึงการเพิ่มคุณภาพ ทุกวันนี้เราภูมิใจมากที่กาแฟของปางขอนไปอยู่ในแก้วของ Café Amazon ทั่วประเทศ มันไม่ใช่แค่กาแฟ แต่มันคือความตั้งใจของคนทั้งหมู่บ้าน"
ผาลัง: จากลิ้นจี่ที่รายได้ผันผวน สู่กาแฟที่สร้างรายได้หลักแสนต่อปีต่อครัวเรือน
ต่างจากปางขอน ผาลังเคยพึ่งพาลิ้นจี่เป็นพืชหลัก แม้จะทำรายได้ดีในบางปี แต่ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงจากสภาพอากาศที่แปรปรวนและการถูกกดราคา ทำให้ชุมชนไม่สามารถวางแผนรายได้ระยะยาวได้ จนกระทั่งเริ่มทดลองปลูกกาแฟหลังเห็นต้นแบบการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืนของปางขอนเป็นตัวอย่าง
OR โดย Café Amazon เริ่มเข้าไปผาลังปี 2561 โดยระยะแรกเข้าไปสนับสนุนองค์ความรู้ด้านการปลูกและการดูแลคุณภาพ พร้อมรับซื้อเมล็ดกาแฟอย่างต่อเนื่องตามมาตรฐานที่ชัดเจน กาแฟจึงค่อย ๆ กลายเป็นอาชีพหลักของผาลังภายในเวลาไม่ถึงสิบปี พื้นที่ซึ่งเป็นเนินเขาสูง – ต่ำสลับกัน ทำให้หมู่บ้านสามารถปลูกได้ทั้งสายพันธุ์ Arabica และ Robusta และมีปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี
ที่สำคัญ การปลูกกาแฟยังทำให้ชุมชนผาลังต้องดูแลผืนป่าอย่างสม่ำเสมอเพราะกาแฟต้องอาศัยร่มเงา ความชุ่มชื้น และระบบนิเวศที่สมบูรณ์ในการเติบโต เกษตรกรจึงเรียนรู้ที่จะรักษาต้นไม้ใหญ่ ปลูกไม้ร่มเงาเพิ่มและไม่ทำการเผาป่า ส่งผลให้ป่าผาลังยังคงอุดมสมบูรณ์และกลายเป็นหัวใจสำคัญของคุณภาพกาแฟที่ดีขึ้นทุกปี
นายตอนชิง พัชรมโน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่บ้านผาลัง เปิดเผยว่า "ตอนเริ่มปลูกกาแฟใหม่ ๆ เรายังกินกาแฟไม่เป็นด้วยซ้ำ แต่รู้ว่านี่คือพืชที่ให้โอกาส วันนี้ผาลังปลูกกาแฟกัน 100% กว่า 200 ครัวเรือน และมีรายได้เฉลี่ยหลักแสนบาทต่อปีต่อครัวเรือนเฉพาะจากการขายเมล็ดกาแฟ แม้ต้นทุนการดูแลจะสูงแต่ก็คุ้มค่า เพราะมี OR รับซื้อแน่นอนและให้ราคาที่เป็นมาตรฐาน และที่สำคัญ การปลูกกาแฟทำให้เราต้องดูแลป่า เพราะถ้าป่าดี กาแฟก็ดี เราเชื่อว่าถ้าเราดูแลกาแฟดี กาแฟก็จะดูแลผาลังและป่าของเราด้วยเช่นกัน"
ความร่วมมือที่เกิดขึ้นจริงในไร่กาแฟ: ทำงานร่วมกันตั้งแต่วันแรก เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว
ปีนี้พื้นที่สูงเชียงรายเผชิญฝนหนักและอากาศร้อนผิดปกติ ทำให้ต้นกาแฟเสียหายหลายแปลง ทีม Café Amazon ลงพื้นที่ร่วมกับชุมชนทันที ทั้งการปลูกไม้ร่มเงา การสนับสนุนต้นกล้าใหม่ และการแนะนำการจัดการแหล่งน้ำให้เหมาะสม โดยที่ผ่านมา OR สนับสนุนต้นกล้ากาแฟให้ผาลังและปางขอนรวมกว่า 5,000 ต้น
สิ่งสำคัญคือ OR มองโครงการนี้แบบ "ทำงานร่วมกันระยะยาว" ไม่ใช่แค่รับซื้อผลผลิต ชุมชนจึงมีบทบาทร่วมพัฒนาในหลายด้าน เช่น ทุกการประชุมหมู่บ้านต้องมีกาแฟเป็นหนึ่งในวาระ สมาชิกที่เข้าร่วมประชุมสม่ำเสมอได้รับ 'ราคาส่วนบวกเพิ่ม' เป็นแรงจูงใจ ทำให้เกษตรกรพัฒนาคุณภาพเมล็ดกาแฟตามมาตรฐาน Café Amazon Standard ได้ดีขึ้น ซึ่งมาตรฐานดังกล่าวช่วยให้ชุมชนสามารถผลิตกาแฟที่มีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาดและสามารถขายได้ในราคาที่สูงขึ้น ซึ่งถือเป็น 'รางวัลจากความตั้งใจ' แล้วยังมีส่วนสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สร้างชุมชนและระบบนิเวศที่ยั่งยืนอีกด้วย
โมเดลนี้ทำให้ชุมชนมีส่วนร่วมจริง เกษตรกรใส่ใจคุณภาพมากขึ้น และการทำงานร่วมกันระหว่าง OR กับชุมชนเป็นไปอย่างยั่งยืน
จากไร่บนดอย สู่แก้วกาแฟในเมือง: การเดินทางของกาแฟไทยที่เชื่อมถึงกันทั้งประเทศ
กาแฟจากปางขอนและผาลังจะถูกส่งเข้าสู่กระบวนการแปรรูปที่ศูนย์ธุรกิจไลฟ์สไตล์ Café Amazon (OASYS) จ.อยุธยา ซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวใจสำคัญของ 'กลางน้ำ' ในระบบกาแฟไทยตั้งแต่ขั้นตอนการตรวจคุณภาพ การคั่ว ไปจนถึงการกระจายสู่กว่า 4,500 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงการผลิตกาแฟดริปและกาแฟแคปซูลที่ใช้เมล็ดจากพื้นที่ต้นแบบโดยตรง ทำให้รสชาติ กลิ่นและคุณค่าที่เกิดขึ้นบนยอดดอยถูกส่งต่อถึงมือผู้ดื่มในเมืองได้อย่างครบถ้วนและมีความหมาย
นางพิชาภรณ์ วงศ์ศรี ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร OR กล่าวทิ้งท้ายว่า ผลลัพธ์ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาที่ OR สานต่อโครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนจากบ้านปางขอนและผาลังตั้งใจจริงแค่ไหนกับกาแฟที่พวกเขาใส่หัวใจในการปลูก เพราะกาแฟทำให้ความหวังของคนรุ่นใหม่ในหมู่บ้านนี้เติบโตต่อเนื่อง คนรุ่นใหม่เริ่มกลับมาปลูกกาแฟ เปิดคาเฟ่ เปิดโฮมสเตย์ และสร้างอนาคตของตัวเองบนผืนดินของบ้านเกิด ซึ่งสะท้อนความหมายของคำว่า 'ยั่งยืน' ที่ OR ภูมิใจ ทำให้ชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม เติบโตไปพร้อมกัน
ก้าวต่อไปของ OR กับการยกระดับกาแฟไทยด้วย Café Amazon Standard
จากประสบการณ์ทำงานร่วมกับชุมชนผู้ปลูกกาแฟมากกว่า 10 ปี OR พัฒนา Café Amazon Standard ที่ครอบคลุมทั้งการพัฒนาคุณภาพ การอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและการสร้างรายได้ที่มั่นคง ให้เป็นมาตรฐานกลางที่ยกระดับกาแฟไทยทั้งระบบตั้งแต่ต้นทางของการปลูกไปจนถึงปลายทางที่กาแฟหนึ่งแก้วถูกเสิร์ฟให้ผู้ดื่ม เพื่อให้คุณภาพดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอและให้คุณค่าของกาแฟทุกเมล็ดยังคงอยู่ครบถ้วนตลอดเส้นทาง
มาตรฐานนี้ทำให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ในราคาที่สะท้อนคุณภาพจริง ผู้บริโภคได้กาแฟที่ดีขึ้น และระบบกาแฟไทยสามารถเดินหน้าอย่างยั่งยืนในทุกขั้นตอน ตามแนวทาง Café Amazon กาแฟที่แฟร์กับคนทั้งโลก ที่มุ่งสร้างคุณค่าในห่วงโซ่อุตสาหกรรมกาแฟไทยในมิติเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำถึงปลายน้ำ ให้เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน นับเป็นการวางรากฐานใหม่ให้กาแฟไทยทั้งระบบ ให้รู้จักความหมาย "กาแฟที่แฟร์กับคนทั้งโลก" มากยิ่งขึ้น เพราะสุดท้ายแล้ว...ความยั่งยืนไม่ใช่สิ่งที่เราพูด แต่คือสิ่งที่เราทำร่วมกัน
เรื่องราวของปางขอนและผาลังจึงไม่ใช่เพียงความสำเร็จของชุมชนบนดอยแต่เป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมกาแฟไทย ที่พิสูจน์ว่า เมื่อเกษตรกรมีความรู้ โอกาส และตลาดที่เป็นธรรม อาชีพเล็ก ๆ บนยอดดอยก็สามารถ 'เปลี่ยนชีวิต' ให้ผู้คนได้จริง