‘โทชิ’ นักร้องวง X Japan เข้าสู่ลัทธิซึ่งทำให้ต้องทนทุกข์ราว ‘ตกนรกทั้งเป็น’ นาน 12 ปี

‘โทชิ’ นักร้องวง X Japan เข้าสู่ลัทธิซึ่งทำให้ต้องทนทุกข์ราว ‘ตกนรกทั้งเป็น’ นาน 12 ปี

เรื่องราวความรักและความไว้ใจที่นำพา ‘โทชิ’ นักร้องวง X Japan เข้าสู่ลัทธิซึ่งทำให้ต้องทนทุกข์ราว ‘ตกนรกทั้งเป็น’ นาน 12 ปี ส่งผลกระทบต่อชีวิตและงานดนตรีอย่างไม่คาดคิด

  • โทชิ นักร้องนำแห่ง X Japan ถูกชักชวนให้เข้าลัทธิทางความเชื่อซึ่งส่งผลต่อชีวิตและหน้าที่การงานสายดนตรี
  • โทชิ เล่าว่า จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตคือเมื่อได้พบคาโอริ และเธอพาโทชิ ไปรู้จักกับมาซายะ ที่จะทำให้เขาหลงในลัทธิซึ่งกระทบกระเทือนต่อชีวิตเขาอย่างใหญ่หลวง

หากเปรียบประวัติวงดนตรีเป็นหนังเรื่องหนึ่ง X Japan วง Visual-Kei ชื่อดังระดับตำนานแห่งแดนอาทิตย์อุทัยวงนี้ คงเปรียบได้ดั่งหนังดราม่าที่เผชิญชะตากรรมสุดรันทดระดับต้น ๆของประวัติศาสตร์โลกอย่างไม่ต้องสงสัย

ท่ามกลางความเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นการรับมือกับความสำเร็จแบบตั้งตัวไม่ทัน การสูญเสียสมาชิกในวงอย่างไม่มีวันหวนกลับอย่างฮิเดะ ในช่วงรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่ชวนช็อกไม่ต่างกัน คือความขมขื่นของ โทชิ นักร้องนำของวงที่ลาออกจากวงกะทันหัน หลังพบรักกับหญิงสาวและถูกชวนเข้าลัทธิลึกลับ โดยโทชิได้เปิดเผยในภายหลังว่า

“มันคือ 12 ปี ที่ไม่ต่างกับการตกนรกทั้งเป็น”

จากเด็กหนุ่มที่เต็มเปี่ยมด้วยพลัง สู่วันที่ฝันยิ่งใหญ่กลายเป็นจริง

โทชิมิตสึ เดยามะ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า โทชิ เกิดและเติบโตท่ามกลางครอบครัวที่รักในเสียงดนตรี ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ที่เป็นครูสอนเปียโน หรือคุณพ่อที่มีดีกรีแชมป์ประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ ฟูมฟักให้โทชิกลายเป็นเด็กหนุ่มที่รักในเสียงดนตรี โดยมีเพื่อนซี้ตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาลมาด้วยกันอย่าง โยชิกิ ร่วมหัวจมท้ายในการก่อร่างสร้างฝันมาด้วยกัน ทั้งสองต่างมีความรักชอบในดนตรีโดยเฉพาะดนตรีร็อคด้วยกัน จนในที่สุดทั้งสองก็ตั้งวงดนตรีในชื่อ Dynamite ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น Noise และลงเอยที่ X ในเวลาต่อมา

โทชิ ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในวง X ที่ขับเคลื่อนจากวงพาวเวอร์เมทัลร่วมสมัยในอัลบั้มชุดแรกVanishing Vision (1988) สู่อัลบั้ม Blue Blood (1989) อัลบั้มที่ถือเป็นจุดสูงสุดของวง ทั้งจากยอดขายที่มากกว่า 700,000 ก็อปปี้ และการอยู่ในโอไรคอนชาร์ทยาวนานกว่า 100 สัปดาห์ ก่อนจะคลี่คลายในสายซิมโฟนิคร็อคที่มีทั้งความสวยงามและความแข็งกร้าวในเวลาเดียวกัน กับอัลบั้ม Jealousy (1991) และพร้อมเดินหน้าสู่ตลาดโลก ทำให้ X ที่ภายหลังเติมชื่อเป็น X Japan ในภายหลังเพื่อไม่ให้จำสับสนกับวง X ของตะวันตก เป็น Soft Power สำคัญที่ผลักดันวัฒนธรรม J Rock ให้กลายเป็นอีกหนึ่งตระกูลของดนตรีร็อกที่ถึงด้วยดนตรีอันหนักแน่นและการคอสตูมที่เหนือชั้น และเสียงร้องที่ทรงพลังของโทชิ คือเอกลักษณ์สำคัญที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสมาชิกคนอื่น ๆ ในวงเลย

กระทั่งวงถึงจุดอิ่มตัว โทชิ ได้รับโอกาสในการทำอัลบั้มโซโล่ของเขาในชื่อ Made in Heaven (1992) แม้อัลบั้มนี้จะไปได้สวย แต่เบื้องหลังนั้นเต็มไปด้วยความดำมืด เมื่อเขาให้พี่ชายของเขามาเป็นผู้จัดการส่วนตัว แต่พี่ชายแท้ ๆ ก็หักหลังด้วยการนำเงินที่ได้มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของเขา เอาไปใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย 

จนสุดท้ายโทชิจำต้องไล่พี่ชายของตนออก ไปจนถึงครอบครัวที่ตักตวงความสำเร็จจนทำให้เขาไม่เชื่อใจใครและอยู่ในห้วงเวลาแห่งความทุกข์ จนกระทั่งมีมือ ๆ หนึ่งฉุดเขาออกจากหลุมแห่งความดำมืดในจิตใจ นั่นก็คือ คาโอริ นั่นเอง

 

ความรักแสนหวาน นำพาไปสู่ชีวิตแสนขื่นขม

โทชิได้พบเจอที่พักใจในชื่อของ คาโอริ ในช่วงเวลาที่เขาไปแสดงละครเวที Hamlet ในตอนปี 1993 คาโอริ หรือ คาโอริ โมริทานิ คืออดีตไอดอลสาวแสนน่ารักในยุค 80s ที่ถึงพร้อมทั้งหน้าตาและจิตใจอันแสนบริสุทธิ์ เธอมาเป็นแสงสว่างในช่วงเวลาอันแสนมืดมิดของโทชิ 

ในหนังสือ Brainwashed: My Comeback from 12 Years of Hell หนังสืออัตชีวประวัติของโทชิ ที่เผยหมดเปลือกเรื่องราวชีวิตของเขา ได้กล่าวบรรยายช่วงเวลาที่ความรักระหว่างเขาและคาโอริใจความว่า

“การพบเจอกับคาโอรินั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของผม หลังจากที่ผมแสดงไปแสดงละครเวทีโอเปร่าร็อกเรื่อง Hamlet ในเดือนตุลาคม 1993 เราก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย จนกระทั่งหกเดือนต่อมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 1994 ผมและเพื่อน ๆ วง X ได้ไปอัดเพลงเพื่อทำอัลบั้มใหม่ที่อเมริกา คาโอริเริ่มส่งจดหมายไปมาหาผมที่ลอสแองเจลิส 

เมื่อเวลาผ่านไป จำนวนจดหมายที่ส่งหาผมก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ จาก 2 สัปดาห์มาฉบับหนึ่ง เป็นสัปดาห์ละฉบับ จนสุดท้ายเธอก็ส่งมาหาผมทุก ๆ 3 วัน เพราะยุคนั้นเป็นยุคที่ไม่มีอีเมลและโทรศัพท์มือถือ 

เมื่อใดก็ตามที่ผมอ่านจดหมายของเธอ ผมมักจะเห็นเธอในฐานะ โอฟีเลีย ผู้รักแฮมเล็ตอย่างสุดใจ จดหมายเหล่านั้นที่เขียนด้วยถ้อยคำที่สวยงามและทรงพลัง สำหรับผมที่อาศัยอยู่อย่างลำพังในต่างประเทศ และในฐานะคนเหงาที่ไม่เคยมีใครข้างกาย จดหมายเหล่านี้คือ ‘การปลอบโยนทางจิตวิญญาณ’ ที่แสนอบอุ่นใจอย่างมาก”


ในที่สุดทั้งสองก็คบหากัน และแต่งงานกันในปีเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1997 ในเวลาต่อมา คาโอริ พาโทชิไปชมคอนเสิร์ตของ “มาซายะ” ผู้นำองค์กร Home of Heart ดนตรีแนวนิวเอจ สร้างความสนใจและความประทับใจให้กับตัวโทชิ อย่างมาก เขารู้สึกได้ว่าดนตรีของมาซายะ โอบกอดตัวตนของเขาไว้ บวกกับความสำเร็จในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณตั้งแต่อายุยังน้อยของมาซายะ ทำให้โทชิตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่คาดคิด นั่นคือการตัดสินใจลาออกจาก X Japan ซึ่งตัวแปรสำคัญนั้นมาจากตัวคาโอริและมาซายะ นั่นเอง
 

กระบวนการล้างสมองของลัทธิมาซายะ

มาซายะ ค่อย ๆ กลืนกินตัวตนของโทชิอย่างช้า ๆ โดยมาซายะเชิญชวนโทชิเข้าสู่ “หลักสูตรแห่งการขจัดการตระหนักรู้ในตัวเอง เพื่อหวนคืนสู่แก่นแท้อันบริสุทธิ์” โดยโทชิเล่าว่า 1 ในกลวิธีอันแสนแปลกประหลาดของลัทธินี้คือการทำลายความมั่นใจในตัวเอง ตั้งแต่การด่าด้วยถ้อยคำอันรุนแรง ไม่ว่าจะเป็น “อัตตาของคุณคือการทำลายจักรวาล” “ภาพลักษณ์ของคุณคือความขยะแขยง” “คุณคือแบบอย่างอันน่าเกลียดของคนหนุ่มสาว” “เงินคือสิ่งสกปรกที่ทำลายล้างโลก” 

นอกจากการด่าเพื่อทำลายความมั่นใจแล้ว โทชิยังบอกว่า ก่อนที่เขาจะขึ้นคอนเสิร์ตยุบวงของ X Japan เขายังถูกคาโอริและมาซายะทุบตีต่อยเตะจนน่วมเพื่อทำลายความมั่นใจอีกด้วย

นอกจากการถูกทารุณทางร่างกายและจิตใจแล้ว ตลอด 12 ปี โทชิยังถูกบังคับให้เบิกเงินสดเพื่อมอบให้กับลัทธิ Home of Heart ตามหลักสูตรที่ลัทธิได้ล้างสมองไปว่า “เงินคือสิ่งสกปรก” เขาถูกใช้แรงงานในฐานะตัวแทนขององค์กรเพื่อเดินสายไป 500 กว่าที่ เพื่อร้องเพลงและเผยแผ่ลัทธิ แม้ในตอนนั้น โทชิ เองจะมีปัญหาเรื่องการเงิน แต่เขาก็ถูกบังคับให้ไปกู้ธนาคารมาเพื่อเอามาบริจาคให้กับองค์กร

โทชิ ในสภาพนั้นเป็นชายหนุ่มปอน ๆ แทบไม่มีเค้าโครงของร็อกสตาร์ที่ฟู่ฟ่าและมีเสน่ห์ดังเช่นตอนที่เขาอยู่กับ X Japan เลย แต่ถึงกระนั้น โทชิก็ยังเชื่ออย่างสนิทใจว่าคนรักของเขาและมาซายะ คือเพื่อนแท้ที่นำพาเขาหลุดพ้นสู่จิตใจอันแสนบริสุทธิ์ของชีวิต

 

ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น นำไปสู่การเปิดโปงครั้งสำคัญ

กระทั่งปี 2004 Home of Heart ถูกฟ้องร้องในข้อหาทารุณกรรมเยาวชน ก่อนขึ้นศาล โทชิพยายามจะแก้ต่างแทน และหวังว่ามาซาย ะจะหลุดพ้นจากคดีนี้ได้ แต่มาซายะในศาลกลับไม่มีพลังพอในการโต้เถียง ซ้ำร้ายชื่อเสียงของโทชิยังถูกสั่นคลอนไปเรื่อย ๆ จากการพยายามออกตัวรับแทนเวลามีข่าวโจมตีมา ทำให้ตัวโทชิ เริ่มระแคะระคายในตัวของมาซายะ รวมไปถึงภรรยาของเขาที่ในตอนนั้นนั่งแท่นเป็นผู้บริหารขององค์กร Home of Heart แต่ก็ยังพยายามเข้าข้างตัวเองว่าต้องมีการเข้าใจผิดบางอย่าง

ในช่วงเวลาอันแสนเลวร้ายที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้า มีบางวันโทชิ ได้เปิดประมูลของรักของหวงสมัยที่เขาอยู่ X Japan เขาได้เงินมาถึง 5 ล้านเยน แต่เงินทั้งหมดก็เข้ากระเป๋าของคาโอริ ภรรยาของเขาอยู่ดี โดยโทชิได้เพียงเศษเงินวันละ 500 เยน เพื่อประทังชีวิตเท่านั้น และแม้ว่าเงิน 5 ล้าน จะมากมาย แต่ก็ไม่มากพอสำหรับตัวคาโอริ เธอบังคับขู่เข็ญให้โทชิ หาเงินให้มากกว่านี้ จนโทชิรู้สึกตัวว่าไม่ไหวแล้ว 

ระหว่างที่เขาไปบันทึกเสียงให้กับ X Japan ในอัลบั้มใหม่ เขาพยายามหนีหลังจากอัดเสียงเสร็จ แต่ก็ไม่รอดพ้นกลุ่มของมาซายะ ที่อุ้มเขาขึ้นรถแล้วจัดการซ้อมอย่างทารุณยาวนานถึง 5 ชั่วโมง จนช็อกหมดสติไป

โทชิตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลท้องถิ่น ท่ามกลางคนในองค์กรที่แปลกใจว่าทำไมโทชิ ถึงสะบักสะบอมเยี่ยงนี้ จนเขาร้องขอให้คนที่ดูแลเขาพาเขาหนีไปจากที่นรกแห่งนี้ 

สุดท้ายโทชิ หนีได้สำเร็จ เขายื่นฟ้องสำนักงานใหญ่ของ Home of Heart โดยรวบรวมผู้เสียหายมากมายที่โดนไม่ต่างกันกับเขา แต่โทชิ น่าจะเป็นผู้เสียหายมากที่สุดเมื่อมูลค่าที่เขาสูญเสียไปหลังจากอยู่ในนรกขุมนี้มีมูลค่าสูงถึงหนึ่งพันล้านเยน ไม่นับรวมความเสียหายทางจิตใจที่ถูกโบยเฆี่ยนจากคนรักของเขาที่ภายหลังพบว่า คาโอริและมาซายะ ลักลอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันอีกด้วย เขาตัดสินใจหย่าขาดจากคนที่เคยรัก

ในปี 2014 โทชิออกหนังสือเปิดโปงความเลวร้ายครั้งนี้ในชื่อ Brainwashed: My Comeback from 12 Years of Hell โดยเขารู้สึกผิดทั้งกับตัวเองและกับคนที่เขาหลอกลวงให้มาเข้าลัทธิล้างสมองนี้โดยที่เขาไม่รู้ตัว ในตอนแรก โทชิ ตั้งใจจะลาขาดจากวงการบันเทิงไปตลอดกาล แต่โยชิกิ เพื่อนซี้คนสำคัญได้มอบเพลง Born to be Free ให้กับเขา ทำให้โทชิ รู้สึกประทับใจในมิตรภาพและตัดสินใจหวนคืนสู่การเป็นสมาชิก X Japan อีกครั้ง

หลายครั้งที่ชื่อเสียงและเงินทอง ได้พรากและทำลายตัวตนของศิลปินนั้น ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย

แต่สำหรับตัวโทชิ X Japan คือสิ่งที่มากกว่าเงินทองที่เสียไป ความไว้ใจและความรักที่แหลกสลายกลับกลายเป็นสิ่งมีค่าในชีวิตของเขาที่สูญเสียไป และไม่อาจหวนคืนความรู้สึกที่ดีนี้ไปได้ตลอดชีวิต



เรื่อง: สกก์บงกช ขันทอง

ภาพ: Getty Images

อ้างอิง:

บางส่วนจากหนังสือ Brainwashed: My Comeback from 12 Years of Hell

laitimes.com