‘ONE OK ROCK’ กลุ่มเพื่อนที่รวมตัวกันตอนตี 1 ก้าวมาเป็นวงร็อกระดับโลกยุคใหม่จากญี่ปุ่น

‘ONE OK ROCK’ กลุ่มเพื่อนที่รวมตัวกันตอนตี 1 ก้าวมาเป็นวงร็อกระดับโลกยุคใหม่จากญี่ปุ่น

‘ONE OK ROCK’ วงดนตรีสายร็อกจากญี่ปุ่นที่เป็นวงหัวหอกแห่งยุค จากกลุ่มเพื่อนที่รวมตัวกันตอนตี 1 ก้าวมาเป็นวงร็อกระดับโลกยุคใหม่จากญี่ปุ่น

  • ONE OK ROCK วงร็อกยุคใหม่ วงร็อกหัวหอกของวงการดนตรีญี่ปุ่นในยุคใหม่ ก้าวมาเป็นวงดนตรีระดับโลก จากที่เดิมทีแล้ว พวกเขาเป็นกลุ่มเพื่อนที่รวมตัวซ้อมดนตรีกันในเวลาตี 1
  • อิทธิพลของวงดนตรี ONE OK ROCK ปรากฏอยู่ในอุตสาหกรรมดนตรีในญี่ปุ่น ขณะที่ความนิยมของวงก็ขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ศิลปินญี่ปุ่นนั้นมาไทยง่าย แต่ผู้จัดกำไรยาก”, “คนฟังเพลงเยอะ แต่ไม่ค่อยออกไปดูคอนเสิร์ต”

เป็นคำกล่าวที่มักได้ยินกันอยู่บ่อยครั้งตามแวดวงผู้จัดคอนเสิร์ตสายญี่ปุ่น หรือแวดวงสนทนาของแฟนเพลงญี่ปุ่นที่ชื่นชอบการไปดูคอนเสิร์ต

หากนับจนถึงเวลานี้ คงมีศิลปินเพียงชื่อเดียวที่สามารถทำให้ผู้จัดอุ่นใจได้ว่า ต่อให้จะพาพวกเขามาอีกสักกี่ครั้งก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในแง่ธุรกิจสูงกว่าศิลปินจากประเทศญี่ปุ่นรายอื่น  และพวกเขาที่ว่าก็กำลังจะกลับมาทำการแสดงที่ประเทศไทยอีกครั้งหลังจากทิ้งช่วงไปเกือบ 5 ปี

เพื่อเป็นการต้อนรับการกลับมาของหนึ่งในวงร็อกที่ประสบความสำเร็จที่สุดของวงการเพลงญี่ปุ่นในยุคสมัยนี้ The People จึงขอพาทุกท่านไปรู้จักกับ ONE OK ROCK ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของวง พร้อมทั้งเล่าถึงเส้นทางความสำเร็จ ผลงานของวง ไปจนถึงอิทธิพลของพวกเขาที่มีต่อทิศทางวงการเพลงญี่ปุ่น ที่ต้องบอกว่า หากไม่มี ONE OK ROCK ในวันนั้น ทิศทางของวงการเพลงร็อกญี่ปุ่นอาจจะไม่เป็นอย่างทุกวันนี้ก็ได้!

จุดเริ่มต้นของวง

เรื่องราวของวงนี้เริ่มต้นขึ้นจากปลายปี 2005 มือกีตาร์หนุ่มนามว่า Toru และมือเบส Ryota ทั้งคู่เป็นสมาชิกของวงดนตรีฮิปฮอปชื่อว่า Heads พวกเขาได้ไปชวน Alex มือกีตาร์ลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่น และมือกลอง Tomo ผู้เป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกันทั้งคู่มาเข้าร่วมวง ก่อนที่สมาชิกคนถัดมาจะเป็น Taka นักร้องนำของวง ซึ่งตัว Taka ในปี 2003 เคยเดบิวท์กับ NEWS วงไอดอลชื่อดังของสังกัด Johnny’s Entertainment มาแล้วในช่วงสั้น ๆ ก่อนที่จะออกจากวงด้วยการให้เหตุผลแบบทางการว่า ต้องการโฟกัสไปที่การศึกษา แต่เหตุผลที่แท้จริงคือ Taka ถูกปาปารัซซี่จับภาพขณะกำลังออกเดทกับหญิงสาวคนหนึ่งได้ ซึ่งถือเป็นการละเมิดธรรมเนียมปฏิบัติกึ่งกฎเหล็กของการเป็นไอดอลญี่ปุ่นที่มักจะต่อต้านเรื่องมีการความสัมพันธ์เชิงรัก ๆ ใคร่ ๆ

โดยก่อนจะมาเข้าร่วมวง Taka ก็มีวงดนตรีของตัวเองที่ชื่อ Chivary of Music แต่เจ้าตัวไม่ได้รู้สึกเอ็นจอยกับวงมากสักเท่าไหร่ในเวลานั้น พอดีกับจังหวะที่ Toru ซึ่งได้มาดูการแสดงของวง พยายามตามตื๊อให้เขามาร่วมวงด้วยกัน จากที่ตอนแรกปฏิเสธไป แต่สุดท้ายก็แพ้ลูกตื๊อ จึงตอบตกลง

Note: Taka เป็นบุตรชายของนักร้องเองกะ (ลูกทุ่งญี่ปุ่น) ชื่อดัง 2 คนได้แก่ Mori Shinichi และ Mori Masako เขามีน้องชาย 2 คน หนึ่งในนั้นคือ Moriuchi Hiroki หรือ Hiro นักร้องนำวงโพสต์ฮาร์ดคอร์ชื่อดัง MY FIRST STORY เรียกว่าเป็นครอบครัวศิลปินโดยแท้

ต่อมา Tomo มือกลองในขณะนั้นขอถอนตัวออกจากวง ไปเดินบนเส้นทางสายการแสดงในชื่อ Koyanagi Yu และยังมีผลงานมากมายต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ Toru ไปชวน Tomoya มาเข้าร่วมเป็นสมาชิกคนสุดท้าย ก่อนจะออกเดบิวต์ซิงเกิล Naihi Shinsho ในปี 2007 ด้วยชื่อวง ONE OK ROCK ภายใต้สังกัด Amuse

ที่มาของชื่อ ONE OK ROCK นั้นเป็นที่รู้กันในกลุ่มแฟน ๆ ว่า เป็นการเล่นคำมาจากคำว่า One O’Clock หรือก็คือ ตีหนึ่ง ซึ่งเป็นเวลาที่วงมักจะใช้ซ้อมดนตรีร่วมกันในช่วงสุดสัปดาห์ด้วยเหตุผลค่าเช่าห้องซ้อมในเวลานั้นมีราคาถูก

โดยคำว่า One O’Clock นั้น หากออกเสียงตามสำเนียงคนญี่ปุ่นก็จะได้เสียงว่า Wan Oku Rokku เอามาเขียนให้เท่ขึ้นอีกหน่อย จึงได้มาเป็น ONE OK ROCK แต่แฟนต่างชาติอย่างเราจะเรียก “วัน โอเค ร็อก” ก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะวงก็ให้สัมภาษณ์เรียกตัวเองแบบนี้ในสื่อต่างประเทศ แต่ถ้าหากไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น คุณต้องออกเสียงว่า “วัน โอคุ รคคุ” หรือเรียกแบบย่อ ๆ ว่า “วันโอคุ” เพื่อให้คนในพื้นที่เข้าใจตรงกัน

จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ครั้งแรกของวงเกิดขึ้นในปี 2009 มือกีตาร์ Alex ถูกจับโทษฐานเมาแล้วไปลูบคลำขาอ่อนของสาวนักศึกษาวัย 21 ปีคนหนึ่งบนรถไฟ ส่งผลให้ซิงเกิ้ล Around the World Shounen ที่มีกำหนดจะใช้เป็นเพลงประกอบละครไลฟ์แอ็คชั่น Godhand Teru (หัตถ์เทวดาเทรุ) ต้องถูกเลื่อนออกไป รวมถึงตารางทัวร์ในเวลานั้นด้วย ก่อนที่ภายหลังวงจะกลับมาเดินหน้าต่อด้วยสมาชิก 4 คนจนถึงปัจจุบัน

 

ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในประเทศ

สิ่งที่ทำให้ ONE OK ROCK โดดเด่นในแวดวงร็อกญี่ปุ่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วก็คือ สไตล์ดนตรีที่แตกต่างจากวงร็อกส่วนใหญ่ในเวลานั้น ซึ่งเป็นช่วงขาลงพอดีของวงการวิชวลเคย์ (Visual Kei) ที่เรืองรองข้ามยุคสมัยมาตั้งแต่ยุค 90s

พวกเขาไม่ได้นำเสนอซาวนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ของวงจากญี่ปุ่นแท้ ๆ แต่รับอิทธิพลจากดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อกของฝั่งอเมริกา โดยที่ยังคงสไตล์การเขียนเมโลดี้แบบวงญี่ปุ่นเอาไว้ ทำเพลงที่ใช้เนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษปนกับภาษาญี่ปุ่น รวมไปถึงการพยายามใช้สื่อออนไลน์ในการโปรโมตตัวเอง ซึ่งต่างจากแนวคิดของอุตสาหกรรมเพลงญี่ปุ่นสมัยก่อนที่เน้นขายในประเทศ และให้ต่างชาติเข้าหาเองมากกว่าที่จะเข้าหาตลาดโลกแบบเคป็อป

ก่อนที่โลกจะได้รู้จักกับชื่อของ ONE OK ROCK อย่างกว้างขวางจากเพลง The Beginning ซึ่งถูกใช้ประกอบภาพยนตร์ไลฟ์แอ็คชั่น Rurouni Kenshin หรือ ‘ซามูไรพเนจร’ ภาคแรก ก่อนหน้านั้น พวกเขาปล่อยผลงานออกมาแล้วถึง 5 อัลบั้มในช่วงเวลาเพียง 4 ปี และประสบความสำเร็จตั้งแต่อัลบั้มแรก Zeitabukyo ที่ทะยานไปติดชาร์ตเพลงใหญ่สุดของญี่ปุ่นอย่าง Oricon ในอันดับที่ 15 จนมาแตะเลขตัวเดียวได้สำเร็จในอัลบั้ม Niche Syndrome ในปี 2010 ที่มีซิงเกิ้ลดังอย่าง Kanzen Kankaku Dreamer และ Wherever You Are พ่วงด้วยยอดขายระดับแพลตตินั่มตามเกณฑ์ของ Recording Industry Association of Japan (มากกว่า 250,000 ก็อปปี้) เป็นครั้งแรกของวง แม้ว่าจะยังไม่ได้โปรโมตต่างประเทศ แต่ ณ เวลานั้นชื่อของ ONE OK ROCK ก็เป็นที่จับตามองของแฟนเพลงญี่ปุ่นในต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทางวงไม่รอช้า สานต่อโมเมนตัมที่กำลังมาด้วย Zankyo Reference อัลบั้มชุดที่ 5 ที่มีเพลงฮิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Answer is Near, No Scared, Re:make รวมไปถึง C.h.a.o.s.m.y.t.h. ประสบความสำเร็จบนชาร์ตเพลงอย่างมหาศาลเพราะทะยานไปถึงอันดับ 2 ทั้งชาร์ท Oricon และ Billboard Japan

นอกจากยอดขายกับชาร์ทเพลงแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่การันตีความดังของศิลปินญี่ปุ่นคือ การได้ทำเพลงประกอบแอนิเมะหรือภาพยนตร์ชื่อดัง ซึ่งการได้ทำเพลง The Beginning ให้กับไลฟ์แอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ที่สร้างจากมังงะที่มีแฟนติดตามอยู่ทั่วโลกนั้น คือจุดเปลี่ยนครั้งแรกอันเป็นใบเบิกทางที่ทำให้ความเป็นไปได้บนเส้นทางดนตรีของพวกเขาเปิดกว้างออกอย่างที่ไม่เคยมีศิลปินร่วมยุคสมัยวงไหนทำได้มาก่อน ณ เวลานั้น

ความนิยมของเพลงนี้ยังส่งผลมาถึงความสำเร็จของอัลบั้ม Jinsei x Boku= (จินเซ คาเคเตะ โบคุวะ) ด้วย ไม่เพียงแค่ The Beginning เท่านั้น อัลบั้มนี้ยังคงอัดแน่นไปด้วยเพลงคุณภาพทั้งอัลบั้มที่คุณสามารถฟังได้ยาว ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบและพร้อมที่จะร้องตามได้ทุกเพลง คงไม่เกินไปนักที่จะกล่าวว่าอัลบั้มนี้คือมาสเตอร์พีซชุดหนึ่งของวงการเพลงร็อกญี่ปุ่นในยุคใหม่

ความโด่งดังของพวกเขาในญี่ปุ่น ณ ขณะนั้นเปรียบประหนึ่งราวกับเป็นไอดอลของวัยรุ่นที่ชอบฟังเพลงร็อกในญี่ปุ่นก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าพวกเขาจะทัวร์คอนเสิร์ตหรือขึ้นเล่นเทศกาลดนตรีไหน ๆ ก็มักจะมีแฟนเพลงไปให้กำลังใจอย่างเหนียวแน่น หรือแม้จะเป็นการออกทัวร์คอนเสิร์ตในยุโรปและเอเชียที่กำลังเดินสายอยู่ในขณะนี้ก็สามารถขายบัตรหมดในเวลาไม่กี่นาทีได้ในหลาย ๆ ประเทศ เป็นต้นว่า ที่เยอรมัน Sold Out ในเวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น ส่วนในฝรั่งเศสที่มีกลุ่มคนนิยมวัฒนธรรมเอเชียอยู่เป็นทุนเดิม 2 นาทีก็เอาอยู่ รวมถึงประเทศไทยที่วงมาทัวร์เป็นครั้งแรกก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงจนทำให้ผู้จัดต้องชวนพวกเขามาอีกในทุกครั้งที่มีทัวร์เอเชีย ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงชื่อเสียงและฝีไม้ลายมือรวมไปถึงแนวทางการทำเพลงของพวกเขาได้เป็นอย่างดี

ความสำเร็จอย่างมหาศาลของ Jinsei x Boku= ถูกส่งต่อมายัง 35xxxv สตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 7 ที่คราวนี้ยึดหัวตารางชาร์ต Oricon ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก อัลบั้มนี้ยกระดับโปรดักชั่นโดยการใช้ทีมงานจากต่างประเทศหลายคน นำโดยโปรดิวเซอร์ชื่อดัง John Feldman (Avril Lavigne, Blink-182, KoRn, Good Charlotte etc.) และไปบันทึกเสียงกันถึงลอส แองเจลิส, สหรัฐอเมริกา ทางวงบอกว่าเหตุผลที่อัลบั้มนี้ชื่อ 35xxxv เพราะระหว่างบันทึกเสียงอยู่ที่อเมริกา พวกเขาเห็นเลข 35 บ่อยมาก เลยถือว่าเป็นเลขนำโชคและเอามาตั้งเป็นชื่ออัลบั้ม

ในอัลบั้มนี้ยังคงสานต่อความสำเร็จจาก The Beginning ด้วยสองซิงเกิ้ลสองรสชาติ Mighty Long Fall และ Heartache ที่ถูกใช้ประกอบไลฟ์แอ็คชั่น Rurouni Kenshin ภาคที่ 2 และ 3 ตามลำดับ มีการปล่อยอัลบั้ม 35xxxv (Deluxe Edition) ไปจัดจำหน่ายในอเมริกาเป็นครั้งแรก ผ่านสังกัด Warner Bros. Records พร้อมโบนัสพิเศษ 2 เพลง และยังได้ขยับสเกลการจัดคอนเสิร์ตจากเคยเล่นใหญ่สุดในอารีน่าไปเป็นระดับสเตเดียมที่มีผู้ชมรวมมากกว่า 60,000 คนเป็นครั้งแรกด้วย ณ จุดนี้ พวกเขาพร้อมแล้วที่จะขยับจากวงร็อกแห่งยุคสมัยของญี่ปุ่นไปเป็นศิลปินระดับโลก

ก้าวใหม่ใหญ่กว่าเดิมในฐานะศิลปินระดับอินเตอร์

ONE OK ROCK ได้เซ็นสัญญาปล่อยผลงานในต่างประเทศเป็นครั้งแรกกับสังกัด Fueled By Ramen ที่มีศิลปินอย่าง Fall Out Boy ที่กำลังจะมาไทย, Paramore, Twenty One Pilots ฯลฯ เรียกว่าเป็นสังกัดเพลงร็อกของ ‘คนรุ่นใหม่’ ที่กำลังมาแรงในตอนนั้น ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ยังปล่อยผลงานผ่านสังกัดเดิมในประเทศอย่าง A-Sketch ควบคู่กันไปด้วย โดยจะทำอัลบั้มออกมาเป็น 2 เวอร์ชั่น คือเวอร์ชั่นญี่ปุ่นที่มีเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นปนกับ กับเนื้อเพลงภาษาอังกฤษล้วนในเวอร์ชั่น International

นอกจาก Ambitions จะเป็นผลงานในระดับสากลชุดแรกของ ONE OK ROCK แล้ว อัลบั้มปกเหลืองชุดนี้ก็ยังสร้างดราม่าและเสียงวิจารณ์ให้แฟนคลับถกเถียงกันมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยแนวทางการทำเพลงของวงที่เปลี่ยนไป จากดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อกที่บางครั้งก็หนักหน่วงไปแตะระดับโพสต์ฮาร์ดคอร์สุดมัน กลับกลายเป็นอัลบั้มที่เต็มไปด้วยเพลงป็อปร็อกสไตล์อเมริกันมากมาย

พวกเขาอาจจะเสียศรัทธาจากแฟนบางกลุ่มไป แต่ก็ได้แฟนระลอกใหม่เพิ่มมากขึ้นมาอย่างมหาศาลเช่นกัน แน่นอนว่า Ambitions ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลทั้งในแง่อันดับบนชาร์ทเพลง ที่คราวนี้ได้ติดชาร์ตอันดับสูง ๆ บน Billboard อเมริกา รวมถึงยังเป็นผลงานที่มียอดขายสูงที่สุดของวงมาจนถึงปัจจุบันอีกด้วย

แม้ว่า ONE OK ROCK จะทำเพลงเบาลง แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาทิ้งทักษะการเขียนเพลงไปพร้อมกับความหนักหน่วงของอัลบั้มด้วย ว่ากันแบบแฟร์ ๆ แล้ว Ambitions เป็นอัลบั้มที่ดี เต็มไปด้วยเพลงที่ไพเราะติดหูมากมาย แต่ต้องฟังโดยก้าวข้ามเงื่อนไขและความคาดหวังที่เคยมีต่อผลงานเก่าของพวกเขาไปก่อน

วงสานต่อความสำเร็จด้วย Eye of the Storm ที่ปล่อยออกมา 2 เวอร์ชั่นเหมือนเดิม และได้ Mike Shinoda จาก Linkin Park มามีส่วนร่วมกับอัลบั้มนี้ในเบื้องหลังด้วย ในแง่ดนตรีแล้ว อัลบั้มนี้มีการใช้ซาวนด์สังเคราะห์เยอะขึ้น และทำเพลงเบาลงไปอีก จนเรียกได้ว่าแทบจะเป็นงานสไตล์อิเล็กทรอนิกส์ป็อป-ร็อกไปแล้ว จนเป็นที่มาของชื่อ ONE OK POP ที่ชาวเน็ตแซวกัน จะว่าไปก็เส้นทางคล้ายกับ Linkin Park ที่ก็ทำเพลงเบาลงจนมีแฟนรุ่นเก่าเสียศรัทธาอยู่เหมือนกัน

แต่ก็นั่นล่ะครับ ในฐานะอัลบั้มเพลงป็อป อัลบั้มนี้ก็ยังมีเพลงที่เพราะมากอยู่หลายเพลง แต่สัดส่วนที่เป็นเสน่ห์ของดนตรีสไตล์ญี่ปุ่นนั้นหายไปจนเกือบหมด แม้ยอดขายจะลดลง แต่ก็ต้องพิจารณาจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไปด้วยว่าแฟนเพลงซื้อซีดีกันน้อยลง สตรีมมิ่งกำลังมาแรง โดยรวมมันก็ยังเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมอยู่ดี และยังคงสามารถเปิดตัวอันดับหนึ่งบนชาร์ตอัลบั้มของ Oricon ได้อยู่

ในการโปรโมตอัลบั้มนี้ ONE OK ROCK ยังได้ออกทัวร์ร่วมกับศิลปินระดับโลกอย่าง Ed Sheeran และได้มาทำการแสดงในฐานะวงเปิดของ Ed ที่ราชมังกีฬาสถานด้วย ในขณะที่ Eye of the Storm Asia Tour ของพวกเขาเองในปี 2020 ถูกการระบาดของโควิด-19 ทำหมันเสียก่อน

มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในบทสัมภาษณ์ของ Taka ขณะที่ออกทัวร์ร่วมกับ Ed Sheeran ด้วย เขายอมรับว่าอัลบั้ม Eye of the Storm นั้น เป็นอัลบั้มที่ป็อปที่สุดของวง เพราะเขาได้อิทธิพลในการทำงานชุดนี้มาจากการฟังเพลงอเมริกันป็อป ในตอนที่ทำการบันทึกเสียง พวกเขาก็มีความกังวลอย่างมาก ก่อนท้ายที่สุดก็ตัดสินใจที่จะเดินหน้าเพื่อท้าทายกับสิ่งใหม่ ๆ ดูบ้างเพื่อที่จะเติบโตขึ้น

ท้ายที่สุดแล้ว ตัวเขาเองก็รู้สึกว่า เพลงร็อกมันเสื่อมความนิยมลงมาก เขาเลยอยากจะกลับมาทำเพลงร็อกในผลงานชุดต่อไป ทำให้แฟน ๆ ที่ยังคงรอวันที่วงกลับมาเป็น ONE OK ‘ROCK’ อีกครั้งเกิดความคาดหวังขึ้นในใจอีกครั้ง

แม้จะมีการระบาดของโควิด-19 แต่ ONE OK ROCK ก็ไม่หยุดนิ่งนาน เริ่มจากความเปลี่ยนแปลงภายในที่เกิดขึ้น พวกเขาออกจากสังกัด Amuse ที่ทำหน้าที่เป็นเอเจนซี่ดูแลวงมาตั้งแต่เดบิวต์อัลบั้มแรกเพื่อออกมาตั้งบริษัทของตัวเองในชื่อ 10969 Inc. ซึ่งเป็นการเล่นเสียงกับชื่อวง ‘วัน โอคุ รคคุ’ ตามสไตล์คนญี่ปุ่นที่ชอบการเล่นคำกับตัวเลข

ผลงานซิงเกิ้ลใหม่เพลงแรกในรอบ 2 ปีกว่าของวงคือ Renegades ที่ใช้ประกอบไลฟ์แอ็คชั่น Rurouni Kenshin: The Final เพลงนี้ได้ Ed Sheeran และ Masato นักร้องนำวง coldrain มาร่วมแต่ง ตามมาด้วย Broken Heart of Gold ประกอบ Rurouni Kenshin: The Beginning ที่ Masato ยังตามมาร่วมเขียนด้วยอีกเพลง รวมถึงอีกหลายซิงเกิ้ลที่ทยอยปล่อยออกมา แม้ซาวนด์โดยรวมจะหนักแน่นขึ้นกว่าอัลบั้ม Eye of the Storm แต่ก็ยังไม่มีเพลงไหน ‘ร็อก’ ตามที่แฟน ๆ บางกลุ่มคาดหวัง จนกระทั่งอัลบั้ม Luxury Disease ถูกปล่อยออกมาหลังจากทิ้งช่วงจากอัลบั้มที่แล้วถึง 3 ปี

โดยรวมแล้ว อัลบั้มนี้มีความร็อกขึ้นมากกว่าผลงาน 2 ชุดก่อนหน้าอย่าง Ambitions และ Eyes of the Storm ซาวนด์กีตาร์ของ Toru ที่แทบไม่ได้ยินในงานชุดก่อน กลับมามีพื้นที่ของตัวเองอีกครั้ง ในขณะที่เสียงดนตรีสังเคราะห์ก็ลดลงทำให้ชิ้นดนตรีจริง ๆ เฉิดฉายมากขึ้น แต่ไม่ว่ามันจะตอบรับความต้องการของแฟน ๆ ที่คาดหวังในแนวดนตรีได้มากน้อยแค่ไหน Luxury Disease ก็ยังเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีอีกครั้ง และยังคงขึ้นถึงอันดับหนึ่งชาร์ทอัลบั้มของ Oricon ได้เช่นเคย

ในการทัวร์สนับสนุนอัลบั้ม Luxury Disease ในประเทศญี่ปุ่น วงได้กล่าวว่าทัวร์ครั้งนี้จะเป็น ‘โดมทัวร์’ หรือก็คือแสดงในสเกลระดับโดมทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยมีหนึ่งในโชว์สุดพิเศษคือการจัดโชว์ ‘VS’ เป็นครั้งแรกร่วมกับ MY FIRST STORY วงของ Hiro น้องชายของ Taka ที่ Tokyo Dome เพียงแค่คืนเดียวเท่านั้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2023 นี้

Note: แม้จะเป็นพี่น้องกัน แต่ MY FIRST STORY กับ ONE OK ROCK ก็ไม่เคยร่วมเวทีเดียวกันมาก่อน จนกระทั่งมีสัญญาณที่ดีเกิดขึ้นในเทศกาลดนตรี 1 Chance Festival 2022 เมื่อ Hiro ขึ้นมาแจมในโชว์ของวงพี่ชาย จนนำมาสู่โชว์ร่วมกันอย่างเต็มรูปแบบในปีนี้

สำหรับแฟนชาวไทย พบกับ ONE OK ROCK เป็นครั้งที่ 5 ได้ใน Luxury Disease Asia Tour 2023 วันที่ 12 ธันวาคม นี้ ติดตามรายละเอียดการจำหน่ายบัตรกันไว้ให้ดี ๆ ครับ

 

หวนคืนสู่ความเป็นร็อกอีกครั้ง !?

การกลับมาไทยในครั้งนี้ของสี่หนุ่ม ONE OK ROCK ยิ่งทวีความน่าสนใจขึ้นไปอีก เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา พวกเขาได้ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ Make It Out Alive อันเป็นเพลงประกอบเกม Monster Hunter Now และเพลงนี้มันโคตรร็อก!

แม้จะไม่ไปแตะความหนักดีกรีโพสต์ฮาร์ดคอร์แบบในอดีต แต่ก็เป็นเพลงมิดเทมโป อัลเทอร์เนทีฟร็อก ที่ซาวนด์หนักแน่นที่สุดของวงนับตั้งแต่พวกเขาโกอินเตอร์เต็มตัวแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะหยิบเพลงนี้ใส่มาในเซ็ตลิสต์ที่ประเทศไทยหรือไม่ แต่ส่วนตัวผู้เขียนก็คาดหวังให้ ONE OK ROCK สานต่อแนวทางการทำเพลงแบบนี้ต่อไปนะครับ

 

อิทธิพลของ ONE OK ROCK ที่มีต่อวงการเพลงญี่ปุ่น

แม้ว่า ONE OK ROCK ถูกจดจำในฐานะวงร็อกญี่ปุ่นที่นำเอาซาวนด์แบบ อเมริกันอัลเทอร์เนทีฟร็อก / โพสต์ฮาร์ดคอร์ มาปรับเข้ากับแนวทางของตัวเองจนประสบความสำเร็จ แต่ก่อนจะสาธยายถึงคุณูปการของพวกเขาที่มีต่อซีนดนตรีร็อกของญี่ปุ่น ก็ต้องย้อนกลับไปก่อนว่า ONE OK ROCK เองก็เคยได้แรงบันดาลใจแนวทางการทำเพลงสไตล์นี้มาจากวงร็อกรุ่นพี่ที่ชื่อ Pay Money to My Pain เช่นกัน รวมถึงอีกวงที่เป็นอิทธิพลสำคัญคือตำนานป็อปพังก์ญี่ปุ่นที่เพิ่งกลับมารวมวงอย่าง ELLEGARDEN

แม้ Pay Money to My Pain ที่เป็นผู้จุดกระแสนี้จะไม่ได้ถูกจดจำเท่ากับศิลปินรุ่นน้องที่พวกเขาส่งต่ออิทธิพลทางดนตรีให้ เนื่องจากวงต้องยุติกิจกรรมไปตั้งแต่ปี 2013 แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หากไม่มีวงดนตรีวงนี้ วงร็อกที่ชื่อ ONE OK ROCK, Crossfaith, coldrain, MY FIRST STORY และอีกมากมาย อาจจะยังไม่มีความกล้าพอที่จะฉีกขนบเจร็อกแบบเดิม ๆ ในเวลานั้นก็ได้

หนึ่งในหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ถึงอิทธิพลของพวกเขาคือหลังจากที่ Goto Kei นักร้องนำของวงเสียชีวิต สมาชิกวงที่เหลือก็ได้ร่วมกันทำอัลบั้มที่มีชื่อว่า gene โดยนำเอาเพลงที่ Kei อัดเสียงไว้แล้ว มารวมถึงเพลงอื่น ๆ ที่ได้นักร้องนำของวงร็อกทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องมารับหน้าที่ร้องแทน ในนั้นก็มีชื่อของ Koie Kenta (Crossfaith), Masato (coldrain) รวมถึง Taka อยู่ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นสมาชิกวงจากวงรุ่นน้องที่ทำเพลงร็อกหนักแน่นในสไตล์อเมริกันตามรอยวง Pay Money to My Pain ทั้งสิ้น

Note: เพลง Smiling Down จากอัลบั้ม Jinsei x Boku= ก็เป็นเพลงที่ ONE OK ROCK แต่งเพื่ออุทิศให้กับ Goto Kei ผู้ล่วงลับ

ในขณะที่ ONE OK ROCK เองก็เป็นอิทธิพลให้กับศิลปินวงอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ยุครุ่งเรืองของดนตรีวิช่วลเคย์ถูกแทนที่ด้วยยุคสมัยใหม่ที่ ONE OK ROCK สร้างขึ้น ในแง่ดนตรีแล้ว พวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดวงร็อกในสไตล์เดียวกันตามมาอย่างมากมาย สไตล์เพลงร็อกจากอัลบั้ม Jinsei x Boku= กลายเป็นแม่พิมพ์ของดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อกที่ผสมความเป็นญี่ปุ่นเข้ากับดนตรีอเมริกันร็อก ในแบบที่อัลบั้ม Sempiternal ของ BRING ME THE HORIZON วงเมทัลจากอังกฤษกลายเป็นอิทธิพลให้กับวงโพสต์ฮาร์ดคอร์รุ่นใหม่จากฝั่งตะวันตกหลายวงที่พยายามทำเพลงด้วยซาวนด์แบบเดียวกับผลงานชิ้นนี้

นอกจากด้านดนตรีแล้ว ในแง่การตลาด แนวคิดวิธีการสื่อสารกับแฟน ๆ ก็ถูก ONE OK ROCK รื้อใหม่หมด บางคนอาจจะทราบกันดีว่า แต่ก่อนค่ายเพลงญี่ปุ่นจะไม่ค่อยปล่อย MV ตัวเต็มให้ชมผ่านช่องทางออนไลน์แบบฟรี ๆ

อย่างดี เราก็อาจจะได้ดู Short Version 1-2 นาที หนักหน่อยก็ล็อกโซนให้ดูแค่ในประเทศ แต่ ONE OK ROCK ที่เน้นการโปรโมตทางออนไลน์ พวกเขาไม่กั๊กตรงนี้ อยากจะโปรโมตให้ปังก็ต้องให้คนฟังเต็ม การทำเพลงด้วยภาษาอังกฤษรวมถึงการพูดภาษาอังกฤษได้ก็ทำให้พวกเขาสื่อสารกับแฟนต่างชาติได้ง่ายขึ้น

อีกทั้ง ONE OK ROCK ยังเป็นวงที่เข้าหาตลาดต่างประเทศ มากกว่าโปรโมตเพียงแค่ในประเทศแล้วให้แฟนต่างชาติขวนขวายดิ้นรนกันเอง ที่ทุกวันนี้มีศิลปินญี่ปุ่นมาแสดงให้คนไทยดูกันแทบทุกเดือนก็ต้องขอบคุณความทะเยอทะยานของวงในวันนั้นที่สร้างแรงบันดาลใจและความกล้าหาญให้กับศิลปินญี่ปุ่นคนอื่น ๆ กล้าที่จะออกนอกประเทศมากขึ้น หลายวงก็ทำเพลงภาษาอังกฤษเพื่อให้แฟนต่างชาติเข้าถึงงานของพวกเขาได้ง่ายขึ้นด้วย

แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าความหัวเก่าของค่ายเพลงในญี่ปุ่นจะหมดไปโดยสิ้นเชิงนะครับ ทุกวันนี้แวดวงดนตรีญี่ปุ่นก็ยังถือว่าจับต้องยากสำหรับคนต่างชาติอยู่ในหลาย ๆ มุม แต่ก็ถือว่าดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะมากแล้ว

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเราจะมองวง ONE OK ROCK อย่างไร จะรักหรือเกลียด จะล้อว่า ONE OK POP หรือไม่ แม้จะไม่มีการให้เครดิตบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรโดยตรง สิ่งที่พวกเขาได้สร้างเอาไว้ให้กับวงการเพลงญี่ปุ่นก็เป็นของจริง

ถ้าหากติดตามวงการเพลงญี่ปุ่นมาอย่างต่อเนื่องหน่อย ก็คงเห็นพ้องต้องกันบ้างไม่มากก็น้อย และเราก็สามารถพูดได้ว่านี่คือวงร็อกญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จที่สุดในยุค 2010s และพวกเขาก็ยังคงเดินหน้าเขียนประวัติศาสตร์ให้กับตัวเองต่อไป


เรื่อง: ภูริวัฒน์ เกิดภิบาล

ภาพ: Getty Images

อ้างอิง:

Into the Pit Magazine ฉบับที่ 17

Marumura

Bandwagon