Wish พรมหัศจรรย์ : หนังฉลอง 100 ปีของดิสนีย์ ชีวิตไม่ได้อยู่กับการขอพร แต่อยู่ที่ตัวเรา

Wish พรมหัศจรรย์ : หนังฉลอง 100 ปีของดิสนีย์ ชีวิตไม่ได้อยู่กับการขอพร แต่อยู่ที่ตัวเรา

Wish พรมหัศจรรย์ หนังครอบ 100 ปี ‘วอลต์ ดิสนีย์ สตูดิโอ’ ที่บอกว่า คำขอพรไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน แต่มันเกิดขึ้นได้จริง ที่แฝงไปด้วยตัวละครและสัญลักษณ์จากแอนิเมชันในความทรงจำ รวมถึงบทเพลงอันน่าจดจำ โดยมีผู้กำกับชาวไทยเป็นหนึ่งในผู้กำกับ

  • Wish พรมหัศจรรย์เป็นผลงานที่สร้างสรรค์เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบหนึ่งศตวรรษ โดยมี ‘ฝน วีระสุนทร’ ผู้กำกับชาวไทยนั่งแท่นผู้กำกับ 
  • อีกทั้งภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเป็นการมัดรวมสิ่งที่เคยปรากฏในภาพยนตร์แอนิเมชันของดิสนีย์ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันไว้ในเรื่องเดียว
  • เพราะบางครั้งชีวิตอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำขอพร แต่อยู่ที่ตัวเรา

บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์เรื่อง Wish

เชื่อว่าเราหลายคนเติบโตมาจากการ์ตูนของวอลต์ ดิสนีย์ สตูดิโอ 

ไม่ว่าจะเป็นมิกกี้ เมาส์ (Mickey Mouse), ปีเตอร์ แพน (Peter Pan), วินนี่ เดอะ พูห์ (Winnie the Pooh) รวมถึงเหล่าตัวละครเจ้าหญิงอีกมากมาย เช่น สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด (Snow White and the Seven Dwarfs), ซินเดอเรลล่า (Cinderella), ลิตเติ้ล เมอร์เมด (The Little Mermaid), มู่หลาน (Mulan), โฟรเซ่น (Frozen) และอีกมากมาย 

ผ่านไป 100 ปี… ดิสนีย์ก็ยังเป็นสตูดิโอแอนิเมชันอันดับหนึ่งในใจหลายคนอยู่

ทุกคนยังจดจำตัวละครได้ ยังร้องเพลงได้ และยังได้แนวทางการใช้ชีวิตบางอย่างจากการ์ตูนดิสนีย์

เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 100 ปี ดิสนีย์ก็เลือกที่จะให้ Wish ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบหนึ่งศตวรรษ และยังเป็นตัวแทนความทรงจำของคนรักวอลต์ ดิสนีย์

Wish เป็นเรื่องราวของ ‘อาช่า’ เด็กสาวจากเมืองโรซาส เมืองที่จะบันดาลพรของทุกคนให้เป็นจริง แล้วเธอก็ได้พบความลับของเมืองนี้ เธอไม่รู้จะหันหน้าปรึกษาใคร จนมาเจอกับดวงดาวที่คอยนำทางและร่วมผจญภัยไปพร้อมกับเธอ

อีกทั้งยังเป็นภาพยนตร์แนวฟีลกู๊ดที่มีคนไทยนั่งแท่นผู้กำกับ และเราก็หวังว่าเมื่อดูจบแล้ว เราจะมีความหวัง และขอพรต่อดวงดาวให้มีกำลังใช้ชีวิตต่อไป

หนังแอนิเมชันดิสนีย์ฝีมือผู้กำกับคนไทย

จริงอยู่ที่ Wish เป็นภาพยนตร์ที่ทำขึ้นเพื่อฉลองการครบรอบ 100 ปีของวอลต์ ดิสนีย์ แต่มากกว่านั้น Wish คือภาพยนตร์ฝีมือคนไทย เพราะ ‘ฝน วีระสุนทร’ ผู้กำกับชาวไทยที่เคยฝากผลงานไว้ในเรื่อง Frozen และ Raya and the Last Dragon ได้รับโอกาสขึ้นมานั่งแท่นผู้กำกับ

ในคลิปสัมภาษณ์ของ Walt Disney Studios Thailand ฝนให้สัมภาษณ์ว่า เธออยากให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนถึงความฝันที่ยิ่งใหญ่ ที่อาจเป็นจริงในวันหนึ่ง เหมือนกับที่เธอไม่เคยคิดว่า เธอจะได้มาเป็นผู้กำกับให้กับภาพยนตร์ของวอลต์ ดิสนีย์ สตูดิโอ

“ตลอดชีวิตของฝนที่ผ่านมาในประเทศไทยก็ได้อธิษฐานขอพรให้ได้เป็นส่วนหนึ่งของดิสนีย์ การได้มากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ถือว่าเป็นความฝันที่เป็นจริงอย่างหนึ่ง จาก 12 ปีที่แล้ว แล้วเราทำให้ความฝันนั้นเป็นจริง แล้วก็ไม่คิดว่าความฝันนั้นจะทำให้เราขึ้นแท่นผู้กำกับ

“อยากให้หนังเรื่องนี้พิสูจน์ว่า ความฝันจะยิ่งใหญ่ จะบ้าบอขนาดไหน แต่ก็เป็นไปได้ที่มันจะเป็นจริง”

สัญลักษณ์ที่ซ่อนอยู่ และบทเพลงที่น่าจดจำ

หนึ่งในเป้าหมายการทำงานของฝน วีระสุนทร คือ การรวมบรรยากาศ ตัวละคร และความรู้สึกจากภาพยนตร์ของวอลต์ ดิสนีย์หลาย ๆ เรื่องเข้ามาไว้ด้วยกัน 

“ฝนทำงานกับคริส (คริส บัค : หนึ่งในผู้กำกับของแอนิเมชันของดิสนีย์) มา 3 ปีครึ่ง เรามุ่งหมายอยู่สองอย่าง หนึ่งคือทำอย่างไรให้คนดูหนังเรื่องนี้แล้วจะสามารถนึกถึงหนังของดิสนีย์ในอดีต ซึ่งจุดนี้เราทำด้วยการเอาภาพหนังของดิสนีย์ทุกภาคในเฟรมหลักมาไว้ในสตอรี่บอร์ด”

ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ ‘ราชาแม็กนิฟิโก’ ที่ดูเหมือนจะคล้าย ๆ กับแม่มดในสโนว์ไวท์ ชายหนุ่มผู้มั่นใจในความหล่อเหลาที่ถามกระจกว่า “กระจกเอ๋ย บอกข้าเถิดใครหล่อที่สุดในปฐพี” หรือเพื่อน ๆ ของอาช่าที่ดูเหมือนคนแคระทั้งเจ็ดในเทพนิยายเรื่องเดียวกัน คือตัวอย่างของสิ่งที่ฝนและทีมงานพยายามซ่อนไว้ใน Wish

เหตุผลที่ทำให้เรานึกถึงสโนว์ไวท์ คือ สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องแรก ๆ  ของดิสนีย์ จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้

“เราได้รับแรงบันดาลใจจากสโนว์ไวท์และพินอคคิโอ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงใช้ภาพคล้ายกับนิทานภาพสีน้ำสมัยก่อน และมากกว่านั้น เราอยากให้ฉากดูเหมือนจริง เลยลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เราใช้ CG เข้ามาเพื่อหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ” ฝน วีระสุนทรให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ออสการ์

ขณะที่ในการสัมภาษณ์ของ Walt Disney Studios Thailand ฝนบอกอีกว่า มีการซ่อนฉากและตัวละครในภาพยนตร์ของดิสนีย์มากกว่าหนึ่งร้อยจุด!

“เราซ่อนไว้กว่าร้อยจุด ก็อยากให้ทุกคนดูและตามหากันนะคะ” 

แล้วถ้าพูดถึงแอนิเมชันของดิสนีย์ องค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ บทเพลงที่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร 

ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลัง ฝนพูดถึงเพลง I’m the Star ไว้ว่า “เพลงนี้พูดถึงพลังวิเศษของจักรวาลและความหวัง เป็นเพลงที่เราอยากให้คนที่ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วนึกถึงภาพยนตร์ดิสนีย์ในอดีตที่เขาได้รับความหวัง ได้รับแรงบันดาลใจ”

นอกจากนี้ยังมีเพลงอื่น ๆ ที่ไพเราะ และสะท้อนความเป็นออริจินัลของดิสนีย์ เพลงที่มอบความหวัง ปรัชญาชีวิตให้กับผู้ชมอย่างเรา เหมือนหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา

 

เราคือดวงดาวที่นำทางและมอบความหวังให้ตัวเอง

“เพราะนี่คือเมืองโรซาส เมืองที่จะทำให้ทุกพรเป็นจริง…” 

คือเพลงแนะนำเมือง ‘โรซาส’ เมืองที่สร้างขึ้น มีพระราชารูปงามเป็นเจ้าเมือง ผู้ที่จะบันดาลทุกคำขอพรให้เป็นจริง

ชาวเมืองจึงต่างรอวันที่พวกเขาจะอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์เพื่อไปขอพรกับพระราชา และรอคอยให้พรเหล่านั้นเกิดขึ้นจริงในสักวัน

บางคนรอเป็นวัน บางคนรอเป็นเดือน และบางคนรอเป็นปี หรือมากกว่าสิบปี

“พรเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และอยู่ในส่วนลึกของใจ” พระราชาบอกกับอาช่าในวันที่เธอเข้าไปพบ

ทั้ง ๆ ที่ดูเหมือนว่าจะเข้าใจหัวอกประชาชนที่เฝ้ารอวันที่พรของตัวเองจะเป็นความจริง แต่ความเป็นจริง พระราชาไม่ได้อยากบันดาลพรให้ทุกคนเหมือนที่ประกาศไว้ แต่กักเก็บคำอวยพรและความฝันของประชาชนไว้ในปราสาท ซึ่งอาช่าเองก็รับรู้ความจริงนี้

เธอจึงต้องการกลับไปปราสาท คว้าพรของปู่วัยร้อยปี และแม่ของเธอกลับมาเพื่อสานความฝันและความสุขในคำขอพรของคนที่เธอรักให้เกิดเรื่องจริง โดยไม่ต้องพึ่งพระราชา นั่นจึงทำให้เธอเจอกับ ‘ดวงดาว’ ผู้ชี้ทางสว่างให้กับชีวิตที่กำลังมืดมนไร้หนทาง

ดวงดาวที่พ่อเคยบอกกับอาช่าว่า ดวงดาวจะเป็นตัวกำหนดชีวิตของเราและคอยนำทาง

ในมุมมองผู้ชม เราคิดว่าดวงดาวไม่ได้หมายถึงใครอื่น แต่หมายถึงตัวเราเองที่ต้องลงมือทำบางอย่างเพื่อให้พรเป็นจริง

เหมือนกับท่อนหนึ่งของเพลง I’m the star ที่เขียนไว้ว่า  “เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอพยายามมองหาว่าเธอคือใคร… เธอคือดวงดาว” 

ฮวน ปาโบล เรเยส แลงคาสเตอร์ โจนส์ (Juan Pablo Reyes Lancaster-Jones) ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ของออสการ์ว่า ดาวเป็นตัวละครที่ตีความได้ยาก เพราะดวงดาวสามารถแปลงร่างเป็นสัตว์และมนุษย์ได้ทุกประเภท ขณะเดียวกันดวงดาวไม่ได้เป็นตัวละครที่ให้คำตอบ แต่เป็นผู้นำทาง

“เจน (เจนนิเฟอร์ ลี) มีส่วนสำคัญในการคัดเลือกตัวละคร เธอบอกว่าดวงดาวไม่ได้ให้คำตอบอาช่า แต่เป็นผู้นำทาง และมอบความหวัง นั่นคือสิ่งที่ดวงดาวในโลกความเป็นจริงเป็น มันไม่ได้มาเพื่อให้ขอพรหรือให้คำตอบ แต่อาช่าต้องตัดสินใจด้วยตัวเธอเอง” 

ถึงแม้ว่าจะดูเป็นหนังที่มีสูตรดิสนีย์ที่พอเดาทางได้อยู่บ้าง แต่ดิสนีย์ก็ยังคงไม่ทิ้งสไตล์ที่จะทำให้เราเรียนรู้ผ่านความคิดของตัวละคร สำหรับ Wish นี่คือภาพยนตร์ที่บอกว่า พรอาจไม่มีทางเป็นจริงได้เลย ถ้าเราไม่ลงมือทำ 

เพราะชีวิตอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำขอพรมากมาย แต่อยู่ที่ตัวเราที่กล้าที่จะลุกขึ้นมาทำ เปิดประตูเพื่อให้พรนั้นเป็นจริง

ต่อให้มันจะดีหรือไม่ดี แต่คำขอพรก็ทำให้เรามีความหวังและมีแรงในการใช้ชีวิตต่อ

 

เรื่อง : ณัฐธนีย์ ลิ้มวัฒนาพันธ์

ภาพ : Walt Disney

 

อ้างอิง : 

oscars

Walt Disney studio Thailand