ย้อนรอย ‘ตุ๊กตา’ เคยเป็นที่รักของคนไทย แต่วันนี้พวกเขากำลัง....ถูกลืม?

ย้อนรอย ‘ตุ๊กตา’ เคยเป็นที่รักของคนไทย แต่วันนี้พวกเขากำลัง....ถูกลืม?

ใหม่มาเก่าไป : ย้อนรอย ‘ตุ๊กตา’ เคยเป็นที่รักของคนไทย แต่วันนี้พวกเขากำลังถูกลืมหรือไม่? ตุ๊กตา 4 ตัวที่เคยเป็นกระแสฟีเวอร์ แต่วันนี้กลายเป็นเพียงของเก่าที่ไม่ใช้แล้วฤา?

KEY

POINTS

  • ก่อนที่คนไทยจะรู้จัก Labubu ตุ๊กตา 4 รุ่นที่คนไทยเคยรักมาก ๆ ยุคหนึ่ง
  • ที่มาของตุ๊กตาที่เคยฮิตครั้งหนึ่ง ก่อนตกกระป๋อง

กระแสอาร์ตทอย ‘ต้าวบู้’ หรือ Labubu อดนึกถึงสัจธรรมข้อหนึ่งไม่ได้ นั่นก็คือ “ใหม่มาเก่าไป” เพราะไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ คนรัก หรือความทรงจำมากมาย สักวันมันจะถูกแทนที่เสมอ

วันนี้เราจึงอยากพาย้อนไปดูว่า เมื่อก่อนมีตุ๊กตาตัวไหนบ้างนะที่ (เคย) เป็นที่รักของคนไทย และเป็นกระแสฮิตมาก ๆ ครั้งหนึ่ง ซึ่งวันนี้อาจจะยังมีคุณค่าสำหรับหลายคน แต่หลายคนก็หลงลืมน้อง ๆ เหล่านั้นไปเช่นกัน

ตุ๊กตาบลายธ์

บลายธ์ (Blythe) ตุ๊กตาหน้าสวยตาโต เคยเป็นที่รักมาก ๆ และถูกพูดถึงอย่างมากในประเทศไทยช่วงราว ๆ ปี 2008-2009 โดยความนิยมตอนนั้นส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเพราะนางเอกตลอดกาล อย่าง ‘ชมพู่-อารยา เอฮาร์เก็ต’ ที่เปิดตัวน้องเป็นคนแรก ๆ และสะสมไปกว่า 100 ตัว จนช่วงหนึ่งตุ๊กตาบลายธ์ เคยมีราคาพุ่งสูงไปหลักหลายหมื่น อีกทั้งยังกลายเป็นของสะสมของเหล่าเซเลบ ไฮโซ จนเคยได้ฉายาว่าเป็น ตุ๊กตาของสะสมสุดหรูที่มีราคาแพงมาก ๆ

ต้นกำเนิดของน้องบลายธ์ เกิดขึ้นที่ฮ่องกงตั้งแต่ปี 1972 (แต่ดังในสหรัฐอเมริกาก่อน) เป็นตุ๊กตาที่ประดิษฐ์โดย Alison Katzman และผลิตโดย Kenner ซึ่งเธอได้แรงบันดาลใจมาจากลูกสาวของเธอเอง ที่วันหนึ่งลูกสาวกลับมาบ้านด้วยคอนแทคเลนส์ผิดสี จึงคิดไอเดียได้ว่า ตุ๊กตาที่เธอจะสร้างขึ้นน่าจะเปลี่ยนสีดวงตาได้ แล้วก็น่าจะแข่งขันกับ ‘บาร์บี้’ ได้ ตุ๊กตาสุดคลาสลิกตลอดกาล

ทั้งนี้ อาจไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ตุ๊กตาบลายธ์เลิกฮิตในหมู่คนไทยเมื่อไหร่ แต่ถ้าดูจากกระแสโซเชียลเมื่อพูดถึงบลายธ์จะเห็นว่า เริ่มไม่คึกคักและเงียบ ๆ ไปตั้งแต่ปี 2020 ที่ผ่านมา

ตุ๊กตาเฟอร์บี้

เจ้าขนปุกปุยที่ชื่อว่า ‘เฟอร์บี้’ (Furby) เป็นหนึ่งในตุ๊กตาที่เคยดังมาก ๆ และคนไทยก็รักมากด้วย ซึ่งเข้ามาในบ้านเราตั้งแต่ปี 2013 หลังน้องบลายธ์ได้ไม่นานนัก

จุดเริ่มต้นของ ‘เฟอร์บี้’ ต้องย้อนไปปี 1998 โดยบริษัท Tiger Electronics และผู้สร้างก็คือ Dave Hampton เขาเกิดไอเดียอยากจะสร้าง ‘สัตว์เลี้ยงไฮเทค’ ที่สามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้ แม้ว่า เฟอร์บี้ในยุคแรก ๆ จะมีภาษาเป็นของตัวเองก็ตาม เรียกว่า ภาษาเฟอร์บิช (furbish) แต่อาจจะด้วยความแปลกใหม่นี้เองที่ทำให้เฟอร์บี้ กลายเป็นที่รู้จักและจดจำของผู้คนง่ายขึ้นในช่วงที่เปิดตัว

ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีแรกที่วางขายเจ้าเฟอร์บี้ สามารถทำยอดขายได้กว่า 40 ล้านตัว แต่ระหว่างนั้นก็มีการพัฒนาแปลภาษาที่หลากหลายขึ้นจนทั้งหมดมีประมาณ 14 ภาษา อย่างไรก็ตาม สำหรับคนบางกลุ่มยังรู้สึกว่าภาษาของเฟอร์บี้ที่สื่อสารออกมายากที่จะเข้าใจ ยังมีความไม่เหมือนเจ้าของภาษาจริง ๆ นัก

ความนิยมในตุ๊กตาเฟอร์บี้รุ่นที่ 2 ของคนไทยอาจจะอยู่ไม่นานเท่าน้องบลายธ์ เพราะกระแสเริ่มเงียบลงชัดเจนตั้งแต่ปลายปี 2013 จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ที่น้องเฟอร์บี้ come back! ในรอบ 10 เปิดตัวรุ่นที่ผ่านการพัฒนาแล้วในปี 2023 มีฟังก์ชั่นการเลี้ยงน้อง เล่นกับน้องได้มากขึ้น และสามารถพูดกับน้องโดยที่ไม่ต้องโหลดแอปพลิเคชั่นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบกระแสความดังระหว่างเฟอร์บี้ในปี 2013 กับในปี 2023 ในเมืองไทย สำหรับผู้เขียนมองว่าต่างกันค่อนข้างมาก เพราะว่าเฟอร์บี้รุ่นใหม่ที่พัฒนาแล้วแม้จะดูเข้าถึงง่ายกว่า แต่ความฮิตจะอยู่ในเฉพาะกลุ่มมากกว่า แต่สำหรับราคาก็ยังถือว่าเป็นตุ๊กตาที่มีราคาสูงอยู่ที่หลักหลายพันบาทในปัจจุบัน

 

ตุ๊กตาลูกเทพ

กระแสของ ‘ตุ๊กตาลูกเทพ’ ในปี 2016 เรียกว่าดังเปรี้ยงแซงทุกความมูเตลูในสมัยนั้นไปเลย ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง หรือคนในวงการไหน ก็ล้วนสะสมและเลี้ยงดูปูเสื่อน้องอย่างดี เสมือนเป็นลูกเป็นหลาน ซึ่งหลายคนเรียกตุ๊กตาลูกเทพกันว่าเป็นกุมารทองไฮเทคของยุคนั้น

ความจริงแล้วมีข้อมูลว่า หมอดูชื่อดัง ‘หมอแมค ขั้นเทพ’ (จีรพัฒน์ ณัฐฐิฐาวรานนท์) เป็นคนแรก ๆ ที่ทำให้คนไทยรู้จักกับตุ๊กตาลูกเทพ เขาเคยเปิดใจว่าในปี 2015 บังเอิญได้ยินเสียงจากตุ๊กตาเด็กผู้หญิงว่า ขอไปอยู่ด้วย ตั้งแต่ตอนนั้นเขาจึงพากลับบ้านด้วย ซึ่งน้องตุ๊กตาลูกเทพก็มอบแต่สิ่งดี ๆ ให้ จึงเป็นที่มาของกระแสเลี้ยงดูน้องเกิดขึ้น

นักสะสม และคนในวงการบันเทิงส่วนใหญ่ เลี้ยงดูน้องเพราะเชื่อว่า น้องจะกอบโกยเงินทองมาให้ นำพาโชคลาภมาให้ ต่าง ๆ นานา

กระแสความนิยมไปไกลถึงขั้นมีการ ‘เช่าลูกเทพ’ มากกว่ามองว่าเป็นของสะสม เพราะช่วงหลัง ๆ มีการระบุความขลังว่า มีการปลุกเสกจากวัดหรือเกจิดัง ๆ ความฟีเวอร์ของตุ๊กตาลูกเทพ ทำให้คนพูดว่า ลูกเทพเป็นเครื่องรางแฟชั่นที่ได้รับความนิยมสูง และมีราคาสูงมาก ๆ ในยุคนั้น

กระแสฟีเวอร์ของตุ๊กตาลูกเทพเริ่มเสื่อมมนต์ขลังตั้งแต่ช่วงปลาย ๆ 2016 แม้ว่าคนในวงการหลายคนยืนยันจะไม่ทอดทิ้งลูกเทพ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2017 เริ่มมีภาพน่าเศร้าหลายครั้งเกี่ยวกับการนำลูกเทพไปทิ้งที่วัดหลายร้อยตัว กลายเป็นภาพจำของลูกเทพเกลื่อนวัด เป็นเพียงสิ่งของเก่า ๆ ที่ใช้แล้วทิ้งไม่เป็นทางอีกตามเคย

 

ดอกมุราคามิ

อิทธิพลการติดหรือห้อย ‘ดอกมุราคามิ’ (Murakami) ส่วนหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ มาจากเหล่านักแสดงและศิลปินต่างประเทศด้วย ตั้งแต่ G-Dragon, โมบายล์ BNK48, โทนี่ รากแก่น และ พลอย หอวัง ทำให้ในยุคหนึ่งคนไทยเริ่มสงสัยว่า ดอกไม้มุราคามิ นั่นมาจากไหน เป็นของใคร และราคาเท่าไหร่

เพราะช่วงที่กระแสฟีเวอร์ของดอกไม้นี้ฮิตมาก ๆ ราคาพุ่งไปหลายพันบาททีเดียว โดยคนไทยเริ่มคุ้นชื่อดอกมุราคามิ ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2018 โดย ‘สีรุ้ง’ เป็นสีที่คนตามหาเยอะที่สุด ซึ่งจริง ๆ แล้วดอกมุราคามิ มีหลายสีมาก ทั้งสีดำ สีม่วง สีชมพู สีเขียว สีเหลือง เพียงแต่สีรุ้งเป็นสีที่หายากที่สุด

ที่มาของ ดอกมุราคามิ มาจากผลงานการออกแบบของ ‘ทาคาชิ มุราคามิ’ (Takashi Murakami) โดยเขาใช้ชื่อตัวเองเป็นชื่อของดอกไม้ที่เขาออกแบบตรงตัว ความนิยมของดอกไม้หน้ายิ้มนี้โด่งดังไปทั่วญี่ปุ่นก่อนจะมาประเทศไทย โดย ทาคาชิ มุราคามิ ถูกเรียกขานว่าเป็น ‘บิดาแห่งป๊อปอาร์ต’ ในวงการออกแบบญี่ปุ่น

ดอกมุราคามิ เคยปรากฎอยู่ในแบรนด์ระดับโลกหลายแบรนด์มาก ๆ เช่น Louis Vuitton, Vans, Supreme, Casio G-Shock, Issey Miyake, Kaws และ Uniqlo ของญี่ปุ่น แน่นอนว่าราคาสินค้าที่คอลแลปกับดอกมุราคามิ ราคาพุ่งไปหลาย ๆ แสนมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม ความฮิตย่อมมีวันแผ่ว ดอกหน้ายิ้มมุราคามิก็เช่นเดียวกัน ความนิยมเสื่อมคลายเดินตามรอยน้องบลายธ์ เฟอร์บี้ และลูกเทพไปติด ๆ เพียง 1 ปีที่ดอกมุราคามิโด่งดังในไทย หนึ่งเหตุผลสำคัญเพราะว่าราคาน้องเริ่มแพงขึ้น หลังจากไปโลดแล่นในวงการแฟชั่นอยู่นาน

แฟชั่นตุ๊กตาและของสะสมเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เคยฮิตมาก ๆ สำหรับคนไทย ซึ่งยังมีสิ่งของอีกหลายประเภทที่เคยเป็นที่รักที่ชื่นชอบมาก่อน เพียงแต่วันนี้น้อง ๆ เดินเข้าไปอยู่ในกล่องความทรงจำของคนไทยแทน จากที่เคยกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันมา ก็ไปอยู่ในรูปแบบภาพจำที่เคยรักมาก ๆ เท่านั้นเอง

ในอนาคตอาร์ตทอย หรือตุ๊กตาที่ตอนนี้กำลังฮิต ๆ จะเดินเข้ากล่องความทรงจำคนไทยเพิ่มหรือไม่ ผู้เขียนคงไม่ฟันธงอะไร แต่เชื่อว่าน้อง ๆ อันเป็นที่รักเหล่านั้น ยังคงน่ารัก น่าเอ็นดู อยู่เสมอ แต่สัจธรรมชีวิตไม่ว่าจะคนหรือตุ๊กตา...มันก็แค่นั้นเอง

 

ภาพ: central online/made-in-china/Nation TV/ikidane-nippon

อ้างอิง:

Becca Whitcomb, Blythe Historian

ก่อนปรากฏการณ์ ‘ลาบูบู้’ ฟีเวอร์! ชวนส่อง 7 ตุ๊กตา มหัศจรรย์ ราคา To the Moon!

25 ปี Furby คืนชีพตุ๊กตาขนปุย เจาะแนวคิดการตลาดแห่งความคิดถึง ทำไม Furby ถึงยังไม่หายไปไหน

รีวิว Furby 2023 | 10 ปีผ่านไป ต้าวเฟอร์บี้กลับมาแล้ว