‘นาวีน ปัตนายก’ ผู้นำอินเดียที่อพยพล้านชีวิตให้รอดตายจากพายุ  

‘นาวีน ปัตนายก’ ผู้นำอินเดียที่อพยพล้านชีวิตให้รอดตายจากพายุ  

ท่ามกลางหายนะไซโคลนปี 2542 ที่พรากชีวิตคนนับหมื่น ‘นาวีน ปัตนายก’ นักเขียนผู้เพิ่งก้าวเข้าสู่การเมือง พบว่ารัฐไม่อาจปกป้องประชาชนได้ ภาพความสิ้นหวังในวันนั้นผลักให้เขาสร้างระบบรับมือภัยพิบัติใหม่ทั้งรัฐ จนโอริสสากลายเป็นตัวอย่างระดับประเทศว่า ความตั้งใจทางการเมืองสามารถรักษาชีวิตนับล้านได้จริง

KEY

POINTS

วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2542 ท้องฟ้าเหนือรัฐโอริสสาทางฝั่งตะวันออกของอินเดียกลายเป็นนรก ไซโคลนระดับสูงสุดที่มีความเร็วลมถึง 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพัดเข้าถล่มเมืองพารัดดีบ (Paradip) คลื่นยักษ์สูง 6 เมตรซัดเข้าฝั่งลึกถึง 35 กิโลเมตร ตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการอยู่ที่เกือบ 10,000 คน บ้านเรือนพังทลาย 1.6 ล้านหลัง ผู้คนได้รับผลกระทบ 12.9 ล้านคน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โอริสสาเผชิญภัยพิบัติ ในศตวรรษที่ผ่านมา จากพายุไซโคลนทั้งหมด 1,019 ลูกที่เกิดในอนุทวีปอินเดีย มีถึง 890 ลูกบริเวณชายฝั่งตะวันออก และกว่า 260 ลูกพัดเข้าโอริสสา แต่ครั้งนี้แตกต่าง เพราะระบบเตือนภัยล้มเหลว การเตรียมพร้อมอ่อนแอ และที่สำคัญ รัฐบาลประเมินความรุนแรงผิดพลาดอย่างมหันต์

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ‘นาวีน ปัตนายก’ (Naveen Patnaik) ซึ่งขณะนั้นเพิ่งเข้าสู่การเมืองไม่ถึงสองปีครึ่ง เดินทางไปพื้นที่ประสบภัย เขาพบกับความโกรธแค้นของประชาชน ที่เอาแต่ตะโกนว่า “เราไม่ได้มาฟังสุนทรพจน์ เราต้องการอาหารและน้ำ”

ภาพนั้นเปลี่ยนชีวิตเขาตลอดกาล

จากนักเขียนสู่นักสู้ 

นาวีน ปัตนายกเกิดวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2489 ในฐานะบุตรชายของ ‘บิจู ปัตนายก’ (Biju Patnaik) มุขมนตรีรัฐโอริสสาและนักปฏิวัติเพื่อเอกราชที่เป็นตำนาน แต่เขาไม่เคยสนใจการเมือง หลังจบการศึกษาจาก Delhi University ปี พ.ศ. 2510 เขาเลือกเป็นนักเขียน ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ต่างประเทศ เขียนหนังสือสามเล่มเกี่ยวกับวัฒนธรรมและศิลปะ และเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Indian National Trust for Art and Cultural Heritage (INTACH)

เมษายน พ.ศ. 2540 บิดาเสียชีวิต นาวีนกลับอินเดีย ภายใต้แรงกดดันจากพรรคการเมืองของบิดา เขาลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมและชนะ ธันวาคมปีเดียวกัน เขาก่อตั้งพรรค Biju Janata Dal (BJD) ตามชื่อบิดา ปี พ.ศ. 2543 พรรคของเขาชนะการเลือกตั้งระดับรัฐ นาวีนกลายเป็นหัวหน้ารัฐบาลโอริสสา

จากนักเขียนผู้รักสันโดษ สู่ผู้นำที่ต้องเผชิญกับบาดแผลสุดสลดของรัฐ

คำสัญญาที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์

ปีแรกของการดำรงตำแหน่ง นาวีนทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เขาประกาศให้วันที่ 29 ตุลาคมเป็น ‘วันเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ’ เพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตและเตือนใจทุกคนว่า การเตรียมพร้อมต้องทำอย่างต่อเนื่อง

คำสัญญาของเขาชัดเจน “ไม่มีใครต้องตายเหมือนปี 2542 อีก”

แต่จะทำอย่างไร? เพราะรัฐก็ยากจน ระบบเตือนภัยล่าช้า ศูนย์พักพิงมีเพียง 75 แห่งสำหรับชายฝั่งยาวกว่า 480 กิโลเมตร

นาวีนเลือกทำสิ่งที่ผู้นำส่วนใหญ่มักหลีกเลี่ยงนั่นคือการลงทุนระยะยาวในสิ่งที่มองไม่เห็นผล

สร้างป้อม สร้างคน สร้างศรัทธา

ภายใน 14 ปี รัฐบาลสร้างศูนย์พักพิงกว่า 800 แห่ง ออกแบบโดยวิศวกรจาก IIT Kharagpur ทนต่อลมความเร็ว 300 กม./ชม. พร้อมถนนอพยพกว่า 1,000 กิโลเมตร จัดตั้ง Odisha State Disaster Management Authority (OSDMA) - หน่วยงานเฉพาะทางแห่งแรกในอินเดีย แม้รัฐบาลกลางยังไม่มี

แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ การสร้างคน

อาสาสมัคร 40,000 คนได้รับการฝึกอบรม การซ้อมอพยพจัดทุกปี ระบบเตือนภัยครอบคลุมทุกช่องทาง จาก SMS ล้านข้อความ ไปจนถึงเสียงตามสายแบบดั้งเดิม และทุกคนต้องเข้าใจว่าเมื่อภัยมาถึง รัฐบาลจะไม่ทอดทิ้ง

การลงทุนทั้งหมดมีมูลค่ากว่า 255 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขมหาศาลสำหรับรัฐยากจน แต่นาวีนมีคำตอบง่าย ๆ “ชีวิตมนุษย์ไม่สามารถตีเป็นราคาได้”

 

12 ตุลาคม 2556 วันทดสอบที่โลกจับตา

ไซโคลนไฟลิน (Cyclone Phailin) ขนาดเท่าเฮอริเคนแคทรีนา แต่แรงกว่า กำลังพุ่งเข้าหาชายฝั่งด้วยความเร็วลมกว่า 200 กม./ชม. นักอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542

สี่วันก่อนพายุเข้า ระบบที่สร้างมา 14 ปีเริ่มทำงาน

หน่วยงานทุกระดับเคลื่อนไหว นาวีนไม่นอน ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง SMS 2.6 ล้านข้อความถูกส่งออก อาสาสมัคร 43,000 คนลงพื้นที่ ศูนย์พักพิง 800 แห่งเปิดประตู

ภายในไม่กี่วัน เกือบ 1 ล้านคนถูกอพยพ

เป็นหนึ่งในการอพยพที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ

เมื่อพายุเข้าถล่ม ความเสียหายมหาศาล บ้านพัง 256,000 หลัง พื้นที่เพาะปลูกเสียหาย 670,000 เฮกตาร์ ผู้คนได้รับผลกระทบ 13.2 ล้านคน

แต่จำนวนผู้เสียชีวิตเหลือเพียง 44 คน

จาก 10,000 คน เหลือ 44 คน ลดลง 99.6%

เมื่อโลกยกย่อง - และระบบทำงานต่อ

สหประชาชาติถึงกับตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ‘มาร์การีตา วาล์สตรอม’ (Margareta Wahlström) ผู้อำนวยการ UN Office for Disaster Risk Reduction (UNISDR) และตัวแทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติด้านการลดความเสี่ยงภัยพิบัติ เดินทางมาโอริสสาเพื่อมอบประกาศนียบัตร

“การตอบสนองที่รวดเร็วนั้นน่าทึ่ง นี่คือเรื่องราวความสำเร็จสำคัญในการจัดการภัยพิบัติ” เธอกล่าว สหประชาชาติประกาศว่าจะนำตัวอย่างโอริสสาไปเผยแพร่ทั่วโลก

ไซโคลน Fani ปี พ.ศ. 2562 ทดสอบระบบอีกครั้ง - อพยพ 1.2 ล้านคนในหนึ่งวัน ผู้เสียชีวิต 64 คน แม้พายุพัดผ่านเมืองหลวง

จนกระทั่งไซโคลน Dana ปี พ.ศ. 2567 แม้นาวีนไม่ได้ดำรงตำแหน่งอีกต่อไปหลังพรรคแพ้เลือกตั้ง แต่ระบบยังทำงาน อพยพ 600,000 คนภายในสี่วัน

ระบบที่ดีไม่ขึ้นอยู่กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

ปรัชญาที่เปลี่ยนทุกอย่าง

นาวีนไม่ใช่วิศวกร ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ แต่เขามีสิ่งที่สำคัญกว่า นั่นคือ “ความมุ่งมั่นที่แน่วแน่”

‘Zero Casualty Mission’ ผู้เสียชีวิตเป็นศูนย์ เป้าหมายที่ฟังดูเป็นไปไม่ได้ แต่เขาประกาศชัดเจน ‘การช่วยชีวิต’ คือเป้าหมายสูงสุด ไม่ใช่ทรัพย์สิน ไม่ใช่ภาพลักษณ์

เขาฟังผู้เชี่ยวชาญ ตัดสินใจรวดเร็ว ให้ความสำคัญกับคนเหนือทุกสิ่ง และที่สำคัญ  ทำงานต่อเนื่อง 24 ปี ไม่หยุดเพราะการเลือกตั้ง ไม่ลดละเพราะความเมื่อยล้า การทำงานสม่ำเสมอกว่าสองทศวรรษนี้สร้างวัฒนธรรมความพร้อมที่ฝังลึกในสังคม

บทเรียนที่โลกต้องจำ

เรื่องราวของนาวีนสอนเราว่า ภัยพิบัติไม่ใช่โชคชะตา แม้โอริสสาจะยากจนและเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยสูง แต่ด้วยการเตรียมพร้อมที่ดี ความสูญเสียชีวิตลดลงได้กว่า 99%

ภาวะผู้นำมีความหมาย ไม่ใช่ทุกผู้นำที่ยอมลงทุนในสิ่งที่มองไม่เห็นผล ไม่ใช่ทุกคนที่ทำงานต่อเนื่อง 24 ปี นาวีนพิสูจน์ว่าความมุ่งมั่นแท้จริงสร้างปาฏิหาริย์ได้

การลงทุนระยะยาวคุ้มค่ากว่าแก้ปัญหาเฉพาะหน้า 255 ล้านดอลลาร์ฟังดูมาก แต่เมื่อเทียบกับชีวิตของผู้คนนับหมื่น มันคุ้มค่าเกินคำบรรยาย

ระบบดีกว่าวีรบุรุษ เมื่อนาวีนไม่ได้ดำรงตำแหน่ง ระบบยังทำงาน เพราะมันฝังรากลึกในสถาบัน

และสิ่งสำคัญที่สุด การมีส่วนร่วมของชุมชนคือหัวใจ เทคโนโลยีไร้ประโยชน์ถ้าประชาชนไม่เชื่อถือ ความสำเร็จของโอริสสามาจากความไว้วางใจที่สร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากซากปรักหักพังสู่ความหวัง

ตัวเลขที่ลดจาก 10,000 คนเหลือไม่กี่สิบคนไม่ใช่แค่ตัวเลขทางสถิติ แต่คือชีวิตของพ่อ แม่ ลูก ปู่ ย่า คนนับหมื่นที่ได้อยู่ต่อ ได้กลับไปหาครอบครัว ได้สร้างชีวิตใหม่

พวกเขาอยู่รอดไม่ใช่เพราะโชคดี แต่เพราะมีคนคิดถึงพวกเขา มีคนเตรียมการสำหรับพวกเขา และมีคนไม่ยอมให้พวกเขาเป็นเพียงตัวเลข

นาวีน ปัตนายกเริ่มต้นจากนักเขียนผู้รักสันโดษ ไม่เคยฝันว่าจะเป็นผู้นำทางการเมือง แต่เมื่อชะตากรรมนำทางให้เขาพบกับโศกนาฏกรรม เขาเลือกที่จะเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่ระบบ แต่ความคิดของผู้คนทั้งรัฐ

จากความเชื่อที่ว่าภัยพิบัติเป็นเรื่องโชคชะตา เป็นความเชื่อใหม่ว่าเราสามารถเตรียมพร้อมได้ จากความรู้สึกอ่อนแอ เป็นความรู้สึกมีพลัง จากวัฒนธรรมแห่งการยอมจำนน เป็นวัฒนธรรมแห่งความพร้อม

และนั่นคือความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับทุกสังคมที่เผชิญกับภัยพิบัติ

.

เรียบเรียง: พาฝัน ศรีเริงหล้า

ภาพ: Getty Images

 

อ้างอิง:

Reid, Kathryn. “Cyclone Phailin: Facts, FAQs, and How to Help.” World Vision, 27 Sept. 2023, https://www.worldvision.org/disaster-relief-news-stories/2013-cyclone-phailin-facts.

“Cyclone Evacuation to Become a Global Example.” PreventionWeb, 23 Dec. 2013, https://www.preventionweb.net/news/cyclone-evacuation-become-global-example.

“Cyclone Evacuation to Become a Global Example.” UNDRR, 23 Dec. 2013, https://www.undrr.org/news/cyclone-evacuation-become-global-example.

“Odisha’s Struggle and Triumph: The Cyclone Story.” India Water Portal, https://www.indiawaterportal.org/climate-change/disasters/odishas-struggle-and-triumph-the-cyclone-story.

“Learning from Deaths in Disasters: The Case of Odisha, India.” Middle East Institute, https://www.mei.edu/publications/learning-deaths-disasters-case-odisha-india.

Naveen Patnaik. Britannica, https://www.britannica.com/biography/Naveen-Patnaik