MrBeast ตัวอย่างคนสู้เพื่อฝันจนกลายเป็นยูทูบเบอร์ระดับโลกติดอันดับเศรษฐีพันล้าน

MrBeast ตัวอย่างคนสู้เพื่อฝันจนกลายเป็นยูทูบเบอร์ระดับโลกติดอันดับเศรษฐีพันล้าน

ก่อนจะเป็นยูทูบเบอร์ระดับโลกติดอันดับเศรษฐีพันล้าน ‘MrBeast’ หรือชื่อจริงว่า ‘จิมมี่ โดนัลด์สัน’ (Jimmy Donaldson) ต้องใช้ความอดทนผ่านบทพิสูจน์มามากมาย และนี่คือเรื่องราวของเขา

  • ‘จิมมี่ โดนัลด์สัน’ หรือ MrBeast เป็นยูทูบเบอร์ชื่อดังระดับโลก
  • เขาเกิดในปี 1998 และเริ่มอัพคลิปวีดีโอเมื่อมีอายุเพียง 13 ปี 
  • เขาไม่ยอมเรียนเพราะมุ่งมั่นที่จะเป็นยูทูบเบอร์ จนแม่ไล่ออกจากบ้าน และกว่าจะโด่งดังอย่างที่เห็นต้องผ่านอุปสรรคมากมาย

คุณจะทำอย่างไร ถ้ามีความฝันและพยายามเดินตามฝันนั้นมาหลายปีแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเสียที? 

หลายคนอาจจะท้อและเลือกหยุดตามฝัน ทว่าหลายคนอาจแน่วแน่เพื่อสู้ต่อจนกว่าจะประสบความสำเร็จแม้ยังไม่รู้อนาคต ยกตัวอย่างเช่น MrBeast หรือชื่อจริงว่า ‘จิมมี่ โดนัลด์สัน’ (Jimmy Donaldson) ซึ่งก่อนจะมาเป็นยูทูบเบอร์ดังระดับโลกติดอันดับเศรษฐีพันล้านอย่างในปัจจุบันเขาต้องใช้ความอดทนและผ่านบทพิสูจน์มามากมาย

“สิ่งที่ผมทำเหมือนเป็นซอมบี้ ยามที่ตื่นผมก็หมกมุ่นอยู่กับมันจนเผลอหลับไป พอหลับก็ถึงขั้นฝันถึงมัน เมื่อตื่นขึ้นมาก็ยังทำมันต่อแบบบ้าคลั่ง อะไรที่อยู่นอกเหนือธุรกิจของผม ผมมักไม่สนใจมัน”

เป็นคำกล่าวของจิมมี่ หรือ MrBeast ที่สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของตัวเองที่หายใจเข้าออกก็เป็นยูทูบเบอร์ เมื่อตื่นนอนก็จะเรียนรู้และศึกษาในการพัฒนาฝีมือวนไปวนมาอย่างนี้ทุกวัน เพื่อจะได้สร้างคอนเทนต์ที่แตกต่างและไม่เหมือนใคร ความมุ่งมั่นและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจึงทำให้เขาเก่งขึ้นเรื่อยๆ 

เข้าวงการตั้งแต่อายุ 13 ปี 

MrBeast หรือ จิมมี่ โดนัลด์สัน เป็นชาวอเมริกัน เกิดที่รัฐแคนซัส สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1998 ด้วยเจเนอเรชั่นนี้ เขาคือตัวแทนของ Gen Z อย่างแท้จริง (เกิดระหว่างปี 1997 - 2013)

เขามีชีวิตแบบเด็กชนชั้นกลางชาวอเมริกันทั่วไป จิมมี่ในวัยเริ่มแตกเนื้อหนุ่ม ได้ทดลองโพสต์คลิปวิดีโอแรกในปี 2012 ขณะที่มีอายุเพียง 13 ปีเท่านั้น โดยใช้ชื่อช่องว่า MrBeast6000 (ก่อนลดทอนจนเหลือแค่ MrBeast แบบปัจจุบัน)

ตอนแรกเป็นการลองผิดลองถูกเพื่อหาแนวทางคอนเทนต์ที่ตัวเองชอบและตอบโจทย์ผู้ชม ช่วงแรกมักเป็นคอนเทนต์สตรีมเกม หรือวิจารณ์ประเด็นดราม่าในสังคม เพราะเป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย เข้าถึงง่าย แต่ก็เพราะมีคนทำเยอะในตลาด จึงไม่แตกต่างและยังไม่ไวรัลเท่าที่ควร

อย่างไรก็ตาม เขามีวินัยมากพอ และค้นพบว่าการเป็น ‘ยูทูบเบอร์’ นี่แหละคือแพสชันที่เขาตามหาอยู่ จิมมี่ทำช่องอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปี 2016 และมีผู้ติดตามราว 30,000 กว่าคนเท่านั้น 

จริง ๆ แล้ว จำนวนผู้ติดตามดังกล่าวภายใน 4 ปี กับเด็กอายุ 17 ปี ก็นับว่าไม่เลว แต่ถ้าจะทำเป็นอาชีพหาเลี้ยงชีพจริงจังในระยะยาวก็ยังถือว่าห่างไกลไร้วี่แวว 

และแล้วช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อก็มาถึง เมื่อจิมมี่เข้าสู่วัยมหาวิทยาลัย แต่เมื่อสมัครเข้าไปเรียนได้ไม่นานเพียง 2 สัปดาห์ เขาก็ตัดสินใจดรอปเรียนเพราะรู้สึกจากเบื้องลึกในใจว่า นี่ไม่ใช่ทาง!! เขาไม่เห็นแววว่าการเรียนแบบนี้จะตอบโจทย์ชีวิตเขาได้อย่างไร แพสชันของเขาตอนนี้ทุ่มให้กับการเป็นยูทูบเบอร์หมดแล้ว

การดรอปเรียนทำให้คุณแม่ของจิมมี่โกรธอย่างหนักถึงขนาดไล่เขาออกจากบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ เพราะคนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมเป็นห่วงในอนาคตที่ไม่แน่นอนของลูก และความกังวลที่ต้องฝากอนาคตไว้กับการเป็นยูทูบเบอร์ซึ่งเป็นอาชีพใหม่ในยุคนั้น แถมยังไม่มีวี่แววจะประสบความสำเร็จ แม้จะทำมาหลายปีแล้ว

อนาคตข้างหน้าจึงดูช่างเสี่ยงเหลือเกิน ถ้าเขาทำต่อไปแล้วยังไม่สำเร็จ…ชีวิตเขาจะไปลงเอยที่ไหน? 

ไวรัลแรกเปลี่ยนชีวิต

เมื่อคนเราหมดหนทาง ความครีเอทีฟและความบ้าระห่ำก็เป็นแค่เส้นบาง ๆ จิมมี่กลับมาทบทวนคอนเทนต์ตัวเองและหาทางทำสิ่งที่ ‘แตกต่างสุดขั้ว’

หนึ่งในหัวใจหลักของความสำเร็จที่หลายคนมองข้ามไป นั่นคือ ‘ความอดทน’ ถ้าเขาทำบางสิ่งบางอย่างที่ใช้เวลานาน ต้องอดทน และนั่นทำให้เราได้เห็นคลิปวิดีโอ ‘นับเลข 1 ถึง 100,000’ (I Counted To 100,000!) 

คลิปดังกล่าว เป็นคลิปที่ใช้เวลาเต็มเพดาน 24 ชั่วโมงตามที่กฎ YouTube อนุญาต โดยมีการเร่งสปีดเพราะตอนนับจริงใช้ไปถึง 44 ชั่วโมง 

ไอเดียนี้ฟังดูไร้สาระ แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้คลิปไวรัลดังระเบิด มีผู้ชมถึงวันนี้มากถึง 26 ล้านวิว! มากกว่าคลิปทั้งหมดที่เขาเคยทำมาตลอดหลายปีรวมกันด้วยซ้ำ

ความสำเร็จแรกได้จุดประกายความหวังของจิมมี่ให้กลับขึ้นมา และใช้แนวทางนี้เป็น ‘แพตเทิร์น’ ในการทำคลิปใหม่ ๆ โดยจะทำอะไรที่ซ้ำ ๆ นาน ๆ วนไป เช่น อ่านคำศัพท์ในดิกชันนารีภาษาอังกฤษ

เพียงหนึ่งปีผ่านไป ผู้ติดตามของเขาเติบโตขึ้นกว่า 30 เท่า จากปี 2016 มีอยู่ 30,000 กว่าคน ในปี 2017 พุ่งไปแตะ 1,000,000 คนได้สำเร็จ

MrBeast โตแบบอสูร

นอกจากความอดทนแล้ว เขายังเห็นอีกกลยุทธ์ในการทำคลิปให้ผู้คนสนใจ นั่นคือ ‘เล่นกับความโลภของมนุษย์’ ด้วยการโฟกัสไปที่ ‘ตัวเงิน’ โดยจะใส่ตัวเลขลงหัวข้อคลิปเสมอ เช่น 

  • “แจกเงินคน $100,000 เพื่อให้ไปลาออก” 
  • “มอบเงิน $100,000 ให้ยูทูบเบอร์ท่านอื่นที่มียอดวิวเป็น 0” 

นอกจากนี้ยังมี ‘เฟรมเวิร์ก’ ในการทำคลิปวิดีโอในแบบฉบับตัวเอง อย่างเช่น

  • คอนเทนต์เล่นกับความเสี่ยง ลุ้นระทึก เช่น ใครตกเป็นคนสุดท้ายรับไปเลยเงินรางวัล $100,000 (“Last to fall wins $100,000 dollars”)
  • คอนเทนต์แจกของ มอบให้ผู้อื่น เช่น ให้ของขวัญ 10,000 กล่องแก่เด็ก ๆ ในวันคริสต์มาส (“Giving 10,000 Presents to Kids for Christmas”)
  • คอนเทนต์แนวเอาตัวรอด เช่น เอาตัวรอดกลางทะเลทรายให้ได้ 24 ชั่วโมง (“Surviving 24 Hours Straight In A Desert”)
  • คอนเทนต์ที่ตัวเองลงมือทำบางอย่าง เช่น ผมนับเลขจาก 1 ถึง 100,000 (“I Counted To 100,000!”)

เทคนิคนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทำให้ทุกคลิปของเขามีคนชมมากกว่า 10 ล้านวิวแทบทั้งสิ้น 

แน่นอน….เมื่อความนิยมเพิ่มขึ้น มันจะมาพร้อมกับรายได้จากช่องยูทูบและสปอนเซอร์จากแบรนด์ใหญ่มากมายที่เข้าหา 

รายได้จากยูทูบเบอร์ของเขาตอนนี้ไม่ได้เพียงแค่พอเลี้ยงชีพได้อีกต่อไป แต่เปลี่ยนเขาให้เป็นเศรษฐีอายุน้อยพันล้านเลยด้วยซ้ำ! โดยเขาได้ขึ้นปกนิตยสาร Forbes ในคอลัมน์ ‘30 Under 30 ของปี 2023 ที่เปิดเผยรายได้ว่า ช่วงปี 2021 เขาสามารถทำรายได้กว่า 54 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.9 พันล้านบาท และปี 2022 รายได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวอยู่ที่ 110 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.9 พันล้านบาท

ขยายอาณาจักร MrBeast

MrBeast ไม่ได้หยุดพัฒนาอยู่เท่านั้น เพราะลงทุนอัปเกรดอุปกรณ์ถ่ายทำจากเงินที่ได้มา ทำให้เราได้เห็นพัฒนาการของช่องทั้งงานโปรดักชั่นมืออาชีพ และแอดวานซ์ขึ้นมาก เช่น มีฉากการระเบิดของจริง มีการนำรถถังทหารของจริงมาใช้ หรือว่าจ้างนักกีฬาชื่อดังระดับประเทศมาร่วมทำคอนเทนต์ 

เรียกได้ว่าคุณภาพเนื้อหาและการถ่ายทำแทบไม่ต่างจากรายการของสื่อยักษ์ใหญ่เลย โดยมักเล่นกับจินตนาการของมนุษย์ที่สงสัยในเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ยากในชีวิตจริงของตัวเอง เช่น 

  • ซูเปอร์คาร์ลงเครื่องทำลายเอกสารไซซ์ยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะเป็นอย่างไร
  • ประสบการณ์นั่งเครื่องบินระหว่างตั๋ว $1 และ $500,000 จะเป็นอย่างไร
  • นอนโรงแรมคืนละ $1 ต่างอย่างไรกับคืนละ $1,000,000

นอกจากนี้จิมมี่เริ่มแตกแบรนด์ MrBeast ด้วยการเปิดช่องใหม่ ๆ ที่อยู่ในความสนใจของเขา รวมถึงเป็นการกุศลคืนสู่สังคม เช่น MrBeast Gaming, Beast Reacts, Beast Philanthropy ซึ่งได้รับความนิยมมีผู้ติดตามหลายสิบล้านคนทุกช่อง 

และในปี 2020 ได้ต่อยอดธุรกิจร้านเบอร์เกอร์ในชื่อว่า MrBeast Burger ซึ่งปัจจุบันขยายไปหลายร้อยสาขาแล้ว ในปี 2022 ได้ก่อตั้ง Feastables บริษัทขายช็อกโกแลตบาร์ในแบรนด์ของเขาเองที่มีการปล่อย ‘ตั๋วทองคำ’ จำนวน 10 ใบใส่ไว้ในช็อกโกแลตบาร์ หากใครค้นพบจะได้ไปโรงงานช็อกโกแลตของเขาที่ออกแบบเช่นเดียวกับในหนังเรื่อง ‘Chocolate Factory’ 

รวมถึงยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Team Trees องค์กรระดมทุนให้กับมูลนิธิ Arbor Day อีกด้วย

เมื่อไล่ย้อนดูไทม์ไลน์ กราฟการเติบโตของ MrBeast ยังคงเป็นเส้นทะยาน

  • จากปี 2017 - 2018 ผู้ติดตามเพิ่มจาก 1 ล้านคนเป็น 10 ล้านคน
  • จากปี 2018 - 2023 ผู้ติดตามเพิ่มจาก 10 ล้านคนเป็น 186 ล้านคน (ข้อมูลเมื่อเดือนกันยายน 2023)

แม้ช่องจะสนุกน่าติดตามและมีอิทธิพลมากแค่ไหน แต่เขายังคงเคารพ ซื่อสัตย์กับฐานแฟนคลับผู้ติดตามที่ซัพพอร์ตเขาจนมีวันนี้ได้ เขาไม่ได้ทำคลิปที่มีเนื้อหาเอามันส์อย่างเดียว แต่มีคลิปอีกหลายประเภทที่ช่วยเหลือผู้คน สร้างแรงบันดาลใจ จนไปถึงชวนฉุกคิดต่อสังคมและโลกของเรา โดยนิตยสาร Time จัดอันดับให้จิมมี่เป็น 1 ใน 100 บุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจของโลก ประจำปี 2023 

MrBeast กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กเจเนอเรชั่นใหม่ ที่ต้องการวาดฝันอนาคตของตัวเอง มีจุดยืนที่แน่วแน่ ไม่ย่อท้อต่อความล้มเหลว มีความพยายามอดทนเป็นพื้นฐาน และใส่ความครีเอทีฟที่แตกต่างลงไป เพื่อทำมันให้ดีที่สุดในแบบฉบับของตัวเอง

.

ภาพ : https://www.instagram.com/mrbeast/

.

อ้างอิง 

.

businessinsider

thoughtleaders

time

entrepreneurshandbook

forbes