logo-pwa

เพิ่ม Thepeople

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด

‘ลีกุมกี่’ ซอสหอยนางรมแบรนด์แรกของโลกที่เกิดขึ้นจากความบังเอิญ

‘ลีกุมกี่’ ซอสหอยนางรมแบรนด์แรกของโลกที่เกิดขึ้นจากความบังเอิญ

สินค้าดังที่มีชื่อเสียงติดระดับตำนานหลายต่อหลายแบรนด์อาจมีจุดเริ่มต้นจากความบังเอิญ เช่นเดียวกับ ‘ลีกุมกี่’ (Lee Kum Kee) ซอสหอยนางรมแบรนด์แรกของโลกที่ตอนนี้มีอายุยาวนานถึง 135 ปี ซึ่งเกิดจาก Lee Kum Sheung ผู้ก่อตั้งแบรนด์ลืมดับไฟในเตาขณะปรุงหอยนางรม

  • ‘ลีกุมกี่’ ซอสหอยนางรมแบรนด์แรกของโลกที่ถือกำเนิดในปี 1888
  • Lee Kum Sheung เจ้าของโรงน้ำชาเล็ก ๆ ในเมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เป็นผู้ให้กำเนิดแบรนด์นี้จากความบังเอิญ
  • ปัจจุบันลีกุมกี่มีอายุ 135 ปี มีสินค้ามากกว่า 200 รายการ วางขายใน100 ประเทศทั่วโลก

เดิม Lee Kum Sheung เป็นเจ้าของโรงน้ำชาเล็ก ๆ ในเมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน โดยวันนึงเขากำลังปรุงหอยนางรมเพื่อเสิร์ฟให้กับลูกค้า แต่ขณะที่ทำการปรุงนั้น เขาทำงานอย่างอื่นไปด้วยจนลืมปิดไฟในเตา

กระทั่งมีกลิ่นหอมโชยมาจากครัว เขาจึงรีบกลับไปที่เตา เพราะเกรงว่าหอยนางรมจะสุกเกินไป เมื่อเขาเปิดหม้อปรุงหอมนางรมปรากฏว่า ในหม้อมีซอสสีน้ำตาลเข้ม เขาจึงได้ลองชิมและพบว่า ซอสดังกล่าวมีรสชาติเข้มข้นหอมหวาน ทำให้เขาลองเคี่ยวให้นานขึ้นพร้อมใส่เครื่องปรุงลงไป

นั่นคือจุดกำเนิดของซอสหอยนางรม!!!

และหลังจากนั้นเขาได้นำซอสดังกล่าวมาเองมาขายที่โรงน้ำชาของเขาใช้ชื่อว่า ซอสหอยนางรม ‘ลีกุมกี่’ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะคนจีนเชื่อว่า หอยนางรมเป็นอาหารชั้นเลิศในการบำรุงร่างกาย แถมซอสลีกุมกี่ยังมีรสชาติอร่อยมีความแปลกใหม่ จึงได้รับความสนใจแบบล้นหลาม จน Lee Kum Sheung สามารถตั้งบริษัทลีกุมกี่ขึ้นมาเพื่อขายซอสดังกล่าวทั่วประเทศจีน

ต่อมาเมื่อวัฒนธรรมการกินของจีนได้แผ่ขยายไปทั่วโลก ลีกุมกี่ก็เห็นโอกาสในการเติบโตนอกบ้านเช่นกัน และเริ่มวางแผนส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยปี 1902 ลีกุมกี่ได้ย้ายสำนักงานใหญ่มาอยู่ ณ มาเก๊า และในปี 1920 เมื่อไชน่าทาวน์ได้ถือกำเนิดในประเทศสหรัฐอเมริกา Lee Shiu Nan ทายาทรุ่น 2 ที่เข้ามาดูแลกิจการต่อจาก Lee Kum Sheung ก็ได้ส่งออกซอสไปยังสหรัฐอเมริกา

ในปี 1932 ลีกุมกี่ได้ย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่ฮ่องกง เพราะมองว่า เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่จะช่วยให้สามารถขยายสู่ประเทศอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น และตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา ลีกุมกี่อยู่ภายใต้การดูแลของทายาทรุ่นที่ 4 ซึ่งได้มีการลงทุนเป็นอย่างมากในการพัฒนาสินค้า โดยตอนนี้มีผลิตภัณฑ์กว่า 200 รายการใน 10 ประเภทสินค้า อาทิ ซอสหอยนางรม ซีอิ๊ว เครื่องปรุงอาหาร น้ำจิ้ม ซอสสำหรับทำอาหารเมนูต่างๆ น้ำสลัด และน้ำมันงา 100% เป็นต้น

ขณะที่มีโรงงานผลิตอยู่ใน 3 ประเทศหลัก ได้แก่ จีน, ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา และกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ส่วนสินค้าวางขายในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก รวมถึงในไทยที่ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจเป็นเวลา 20 ปี มีสินค้าวางจำหน่ายประมาณ 40 รายการ ผ่านตัวแทนจำหน่าย 2 ราย ได้แก่ ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง และ บริษัท แพนฟู้ด จำกัด

หลายคนอาจสงสัยว่า อะไรที่ทำให้ลีกุมกี่อยู่มาได้ยาวนานขนาดนี้ ?

คำตอบก็คือ การยึดมั่นในเรื่อง ‘คุณภาพ’ ตามหลักปรัชญาของแบรนด์ที่ Lee Kum Sheung ยึดถือตั้งแต่ให้กำเนิดลีกุมกี่ นั่นคือ “100-1=0” หมายถึง คุณภาพของสินค้าจะต้องสมบูรณ์แบบ และเต็มร้อยอยู่เสมอ หากเกิดความผิดพลาดเพียงหนึ่งเดียวก็หมายความว่า สินค้าล็อตนั้นทั้งล็อตจะไม่มีการออกมาจำหน่ายเลย  

และเพื่อรักษาคุณภาพ ทางลีกุมกี่จะเลือกใช้เฉพาะหอยนางรมที่สด และอวบอ้วนจากฟาร์มหอยนางรมของตัวเองที่ผ่านการควบคุมอย่างเข้มงวดเท่านั้น ไม่รับซื้อจากฟาร์มอื่น

นอกจากนี้ ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นจนตอนนี้ผ่านมา 135 ปี ลีกุมกี่ยังคงสูตรเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น (อาจมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยให้เหมาะสมกับรสนิยมของบางตลาดที่นำไปวางจำหน่าย) รวมถึงยังคงเอกลักษณ์ในเรื่องของโลโก้เดิม ‘เด็กพายเรือที่บรรทุกหอยนางรมมาเต็มลำเรือ’ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความสดใหม่เหมือนกับนำหอยนางรมเป็น ๆ มาเสิร์ฟไว้ในขวด

แม้จะคงเอกลักษณ์ของตัวเองไว้ แต่ลีกุมกี่ก็ต้องมีปรับตัวให้ทันยุค โดยเฉพาะหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ทำให้ลีกุมกี่โฟกัสสินค้ากลุ่มสุขภาพเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อาทิ ซีอิ๊วขาวปราศจากกลูเตน ซอสหอยนางรมเจ ซอสหอยนางรมลดเกลือ ซุปไก่โสมสําเร็จรูป และซุปเสฉวนเผ็ดร้อนสําเร็จรูป เป็นต้น

เพราะทางเจ้าของแบรนด์เชื่อว่า ต่อให้สินค้าดีแค่ไหน ถ้าไม่รู้จักปรับตัวหรือไม่เปลี่ยนแปลงให้ทันโลก ก็จะเป็นเรื่องยากที่จะเดินต่อไปในระยะยาว

.

ภาพ : ลีกุมกี่

.

อ้างอิง

.

ลีกุมกี่ ประเทศไทย 

uk.lkk

scmp