ปี 2024 คนรุ่นใหม่อยากทำงานกับองค์กรไหนมากที่สุด และเพราะอะไร

ปี 2024 คนรุ่นใหม่อยากทำงานกับองค์กรไหนมากที่สุด และเพราะอะไร

WorkVenture เปิดโพล 50 บริษัทที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่และรู้สึกอยากทำงานมากที่สุด ปี 2024 โดยอันดับหนึ่งยังเป็นแชมป์เก่า 'Google' 6 ปีซ้อน โดยมีเหตุผลหลักเรื่องค่าตอบแทน, สวัสดิการ และ สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ในองค์กรที่น่าประทับใจ ขณะที่ 'โคตรคูล' ติดโพลครั้งแรก และเป็นบริษัทที่มีพนักงานจำนวนน้อยเพียงบริษัทเดียว

  • เปิดผลสำรวจ WorkVenture 2024 กับ 50 องค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากทำให้ด้วยมากที่สุด
  • เหตุผลที่ Google ยังครองอันดับหนึ่ง 6 ปีซ้อน
  • ปัจจัยที่คนรุ่นใหม่คิดและจริงจังมากขึ้นเกี่ยวกับบริษัทที่อยากทำงานด้วย 

WorkVenture เผย 50 องค์กรที่คนรุ่นใหม่ทำงานด้วยมากที่สุดประจำปี 2024 โดย Google ครองแชมป์เป็นที่ 6 ติดต่อกัน ส่วนเหตุผลในการเลือกทำงานกับที่ใด ‘ความเห็นอกเห็นใจกัน และความร่วมมือการทำงานเป็นทีมเวิร์ค’ เป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่ให้น้ำหนักมากขึ้น

ปีนี้เป็นปีที่ WorkVenture ตั้งคำถามว่า ใครเป็นสุดยอดนายจ้างในดวงใจของคนทำงานรุ่นใหม่ที่อยากร่วมงานด้วย? โดยสำรวจความคิดเห็นทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์กลุ่ม first jobber อายุระหว่าง 22-35 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวนมากกว่า 11,452 คน ส่วนใหญ่ยังให้ความสนใจ ‘บริษัทขนาดใหญ่’

โดย 10 อันดับแรกจากทั้งหมด 50 บริษัท มีบางบริษัทที่กระโดดเข้ามาอยู่ใน Top 10 เป็นครั้งแรก ก็คือ ‘Unilever’ (อันดับ 5) และ Bangchak (อันดับ 10)

ส่วนอันดับ 1 ยังเป็นไปตามคาดก็คือ แชมป์เก่า ‘Google’ ที่ครองเบอร์หนึ่งติดต่อกันเป็นปีที่ 6 ส่วนอันดับ 2 คือ PTT, SGC (อันดับ 3), Agoda (อันดับ 4), LINE (อันดับ 6), TOYOTA MOTOR (อันดับ 7), ThaiBev (อันดับ 8) และ Mitr Phol(อันดับ 9)

สำหรับ Google ในมุมมองของคนรุ่นใหม่รู้สึกชื่นชมและคิดว่าน่าจะภาคภูมิใจหากได้ทำงานที่นี่ คนส่วนใหญ่อยากติดป้ายคนเก่งกับ Google ในฐานะที่เป็นอีกหนึ่งบริษัทระดับโลกที่มีแต่คนระดับหัวกะทิเข้ามาทำงาน

นอกจากนี้ Google ยังขึ้นชื่อเรื่อง ‘สวัสดิการ’ ที่ touching คนรุ่นใหม่เก่ง ๆ เช่น มีรถรับ-ส่งพนักงานจากย่านที่อยู่อาศัย, มีนโยบายอาหารฟรี 3 มื้ออร่อยและไม่จำเจ, ชูนโยบาย 20 Percent Time คือให้พนักงานได้ใช้เวลาทำงาน 20% เพื่อคิดสิ่งสร้างสรรค์ หรือโปรเจกต์ที่สร้างประโยชน์ให้กับ Google มากที่สุด

ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ที่ Google มอบให้พนักงาน เช่น แพทย์ประจำบริษัท, ช่างตัดผม, ห้องนอนพัก, อุปกรณ์และโต๊ะทำงานที่ค่อนข้างไฮเทค เป็นต้น

ปี 2024 คนรุ่นใหม่อยากทำงานกับองค์กรไหนมากที่สุด และเพราะอะไร

ขณะที่บริษัทอื่นที่เข้ารอบ Top 10 ก็มีจุดแข็งที่แตกต่างกันออกไป เช่น PTT บริษัทที่เด่นทั้งเรื่องค่าตอบแทนที่คุ้มค่าและการทุ่มเทงบประมาณไปกับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร

หรืออย่าง Agoda ถือว่าเป็นบริษัทที่มีความยืดหยุ่นสูงมาก เพราะพนักงานสามารถทำงานที่บ้านได้ 3 วันต่อสัปดาห์ หรือที่ไหนก็ได้ 30 วันต่อปี และมีวันหยุดเริ่มต้น 15 วันต่อปี (ต่างกับบริษัทในไทยบางส่วนที่วันพักร้อนเริ่มต้นเพียง 6 วัน)

ส่วนอีก 2 บริษัทที่ติดโพลเข้ามาใหม่อย่าง Unilever และ Bangchak ออกแบบสวัสดิการพนักงานได้ดึงดูดคนเก่ง ๆ ไม่แพ้กัน อย่างเช่น Unilever ที่จะให้พนักงานเข้าทำงานเพียง 2 วัน/สัปดาห์ หรือเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถย้ายถิ่นฐานไปทำงานที่ Unilever ทั่วโลกได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว

ขณะที่ Bangchak ที่เน้นการพัฒนาบุคลากรมีงบสำหรับการศึกษาและคอร์สอบรม นอกจากนี้ยังเปิดพื้นที่ให้แสดงความสามารถ และให้คนภายในโยกย้ายสายงานได้อิสระ

 

ปัจจัยที่คนรุ่นใหม่คิดเยอะขึ้น

การสำรวจนี้ยังได้วิเคราะห์อีกว่า อะไรที่เป็นเหตุผลให้คนรุ่นใหม่เลือกที่จะทำงานกับองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ซึ่งแม้ปัจจัยหลัก ๆ ของการตัดสินใจระหว่างปี 2023 กับ 2024 จะยังคงเดิม แต่สิ่งที่พบคือ น้ำหนักการให้ความสำคัญในบางเรื่องเปลี่ยนแปลงไป นั่นคือ

อันดับหนึ่ง ‘เงินเดือน’ ปี 2023 อยู่ที่ 76% ปี 2024 อยู่ที่ 66% อันดับ 2 ‘สวัสดิการ’ ปี 2023 อยู่ที่ 73% ปี 2024 อยู่ที่ 65%, อันดับ 3 ‘Work life balance’ ปี 2023 อยู่ที่ 66% ปี 2024 อยู่ที่ 54%, อันดับ 4 ‘ความก้าวหน้าในอาชีพและความคล่องตัว’ ปี 2023 อยู่ที่ 64 % ปี 2024 อยู่ที่ 58%, อันดับ 5 ‘ความมั่นคงในการจ้างงาน’ ปี 2023 อยู่ที่ 64% ปี 2024 อยู่ที่ 59%

อันดับ 6 ‘สภาพแวดล้อมการทำงาน’ ปี 2023 อยู่ที่ 52% ปี 2024 อยู่ที่ 49%, อันดับ 7 'ทีมเวิร์ค/ความร่วมมือ' ปี 2023 อยู่ที่ 46% ปี 2024 อยู่ที่ 48%, อันดับ 8 ‘การเห็นอกเห็นใจกัน’ ปี 2023 อยู่ที่ 46% ปี 2024 อยู่ที่ 55%, อันดับ 9 ‘วัฒนธรรมในองค์กร/สังคม’ ปี 2023 อยู่ที่ 45% ปี 2024 อยู่ที่ 35% และอันดับ 10 ‘ความรอบรู้/ความเป็นมืออาชีพ’ ปี 2023 อยู่ที่ 45% ปี 2024 อยู่ที่ 48%  

ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า ในปี 2024 คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับ เรื่องการเห็นอกเห็นใจ, การทำงานเป็นทีมเวิร์คและความร่วมมือ และความเป็นมืออาชีพมากขึ้นชัดเจน

ความน่าสนใจอีกอย่าง คือ ในทั้งหมด 50 บริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วย หนึ่งในนั้น คือ ‘โคตรคูล’ บริษัทด้านคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่มีพนักงานเพียง 40 คนของ ‘โอ๊ต - ปราโมทย์ ปาทาน’

ภายในงาน โอ๊ต – ปราโมทย์ ได้แชร์ว่า “ตอนนี้บริษัทมีอายุแค่ 6 ปี จุดเริ่มต้นเพราะอยากทำรายการเล็ก ๆ อยากมีบริษัทของตัวเอง คลุกคลานสุด ๆ เริ่มจากพนักงานแค่คนเดียว ค่อย ๆ เพิ่มเป็น 2 เป็น 3 จนตอนนี้มี 40 คน พอติดโพลก็ทำให้คิดว่า มาถูกทางแล้ว เพราะเด็กรุ่นใหม่อยากทำงานด้วย”

เมื่อเทียบกับองค์กรที่ทำธุรกิจคล้ายกันเกี่ยวกับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ โคตรคูลมีความแตกต่างอย่างไร? ประเด็นแรกคงเป็น DNA ขององค์กรคือ ‘ความสนุก’ ที่จะแทรกไปในทุกรายการ

นอกจากนี้ โอ๊ต –  ปราโมทย์ ยังบอกว่า “ทุกคนในโคตรคูลคือบุคคลที่ยอดเยี่ยม ไม่ได้ทำงานแบบครอบครัว แต่เปรียบเทียบเหมือนเป็นบริษัทของตัวเองเป็นระบบนิเวศ เหมือนบ่อน้ำ ที่มีตัวเขาเป็นต้นไม้ใหญ่ คนอื่น ๆ เป็นบัว เป็นปลา เป็นเต่า ฯลฯ ซึ่งทุกคนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และดูแลกัน ทำให้ระบบนิเวศหรือโคตรคูลแข็งแรง”

เขาปิดท้ายบทสนทนาปนฮาของตัวเองว่า “แน่นอนคนเราไม่มีวันตัดสินใจถูกต้องเสมอ แต่สิ่งสำคัญต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น สุดท้ายคือ Work Life Balance ไม่มีอยู่จริง ให้ทุกคนลุยทำงานเต็มที่เลย!”

สำหรับ Work Life Balance ถือว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล บางคนเชื่อ บ้างก็ไม่เชื่อ แต่อย่างน้อยใน 50 องค์กรที่อยู่ในใจของคนรุ่นใหม่ประจำปี 2024 แสดงให้เห็นว่า แต่ละองค์กรมีจุดแข็ง จุดเด่นที่ต่างกัน ขณะที่คนรุ่นใหม่ก็มีสเปคในใจที่อยากจะเลือกทำงานต่างกัน ดังนั้น การหางานก็คงไม่ต่างอะไรกับการหาแฟน หากใจเราตรงกัน...ก็จูงมือเปิดประตูอนาคตร่วมกัน สร้างสิ่งดี ๆ เพื่อกันและกัน Happy Ending

 

ภาพ: Pixabay